ตอนที่แล้วตอนที่ 55 : K18
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 57 : วิถีจอมโจร

ตอนที่ 56 : ขโมยใบหน้า


.

เฉินหลิงและอีกสี่คนเดินเข้าไปในตู้โดยสาร

.

รถไฟขบวนนี้มีทั้งหมดหกตู้ โดยห้าตู้มีไว้สำหรับบรรทุกสินค้าโดยเฉพาะ ทันทีที่เฉินหลิงและคนอื่นๆ ขึ้นรถไฟ พวกเขาเห็นคนสี่คนสวมชุดเครื่องแบบผู้คุมกฎนั่งอยู่ด้วยกัน

หากไม่มีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกเขาควรเป็นกลุ่มเดียวกับผู้คุมกฎที่จะไปคลังโบราณ

"A-3...มาเร็ว" จงเหยากวงเดินตามป้ายหาที่นั่ง แล้วเดินไปนั่งข้างหน้าต่าง

"น่าเสียดาย ถ้าฉันรู้ฉันคงจะเอาขนมกับผลไม้มาด้วย การเดินทางจะได้ไม่น่าเบื่อแบบนี้"

"ถ้านานอยากกิน ฉันมีนี่" อีกคนยื่นถุงเมล็ดแตงโมมา

"ขอบคุณนะ"

เฉินหลิงไม่สนใจที่จะกินเมล็ดแตงโม เพราะตั้งแต่เขาขึ้นรถไฟ เขาก็สังเกตเห็นหมอกบนหน้าต่างควบแน่นเป็นตัวอักษรสองบรรทัด

.

.

[ค่าความคาดหวังของผู้ชม +7]

.

[ค่าความคาดหวังปัจจุบัน: 36 %]

.

มีบางอย่างผิดปกติ...

.

ทุกครั้งที่เขาเห็นค่าความคาดหวังของผู้ชมเพิ่มขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เฉินหลิงก็จะเครียดไปทั้งตัว เพราะสิ่งนี้มักจะหมายความว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น

"เฉินหลิง นายไม่กินหน่อยเหรอ?" จงเหยากวงยื่นเมล็ดแตงโมให้เฉินหลิง

เฉินหลิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ครั้งนี้เขาไม่ได้ปฏิเสธแต่เขารับเมล็ดแตงโมมาและใช้มือบีบมันจนแตกออก ปล่อยให้มันปลิวกระจัดกระจายที่พื้น....

ไม่มีพิษ

เฉินหลิงครุ่นคิด

"..." เปลือกตาของจงเหยากวงกระตุกเล็กน้อย "เฉินหลิง... ถ้านายไม่อยากกิน ก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้? นายแค่บอกว่าไม่ก็ได้"

นับตั้งแต่พวกเขาพบกัน บุคลิกของเฉินหลิงดูเย็นชามาก ราวกับว่าเดิมทีเขาก็ไม่ได้เต็มใจที่จะอยู่ใกล้พวกเขา

พูดตามตรงจงเหยากวงไม่ได้ต่อต้านคนที่มีบุคลิกแบบนี้ ท้ายที่สุดแล้วทุกคนเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน แต่พฤติกรรมในปัจจุบันของเฉินหลิงทำให้เขารู้สึกว่ามันมากไปหน่อย

"อย่าเสียงดัง เงียบแป๊บหนึ่ง" เฉินหลิงขมวดคิ้วและมองหาสิ่งผิดปกติอย่างระมัดระวัง เขาไม่สนใจโต้เถียงกับอีกฝ่าย

ความคาดหวังเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากที่พวกเขาขึ้นรถไฟ ดังนั้นจึงต้องมีบางอย่างผิดปกติกับรถไฟขบวนนี้!

"เฉินหลิง นาย…"

"เอาล่ะ โอเค หยุดเถียงกันได้แล้ว" เจียงฉินพูดไกล่เกลี่ย "เราทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนร่วมงานในเขตสาม จะเถียงกันเรื่องไร้สาระไปทำไม...เฉินหลิงเหนื่อยแล้ว ให้เขาพักสักหน่อยเถอะ"

"จงเหยากวง นายไม่เบื่อเหรอ พวกเราสามคนมาเล่นไพ่กันเป็นไง?"

เจียงฉินเปิดปากพูดแล้ว แม้จงเหยากวงจะไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ในเมื่อเฉินหลิงไม่เต็มใจจะรวมกลุ่มก็ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวไปเถอะ

"เอาล่ะ"

ดูเหมือนเจียงฉินจะเตรียมพร้อม เขาหยิบสำรับไพ่ออกมาจากกระเป๋าแล้วเริ่มเล่นกับจงเหยากวง

เฉินหลิงเหลือบมองอีกพื้นที่ครึ่งหนึ่งของรถไฟ แม้ว่าจะใช้ [ดวงตาลี้ลับ] เขาก็ไม่พบปัญหาใดๆ...นอกจากนี้ สำหรับยุคนี้เขาไม่ค่อยรู้เรื่องรถไฟมากนัก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์

ต่อจากนั้น เฉินหลิงก็จ้องมองไปยังผู้คุมกฎทั้งสี่คนที่ที่นั่งถัดไป

"พวกเขาเป็นผู้คุมกฎเขตไหน?" จู่ๆ เฉินหลิงถามขึ้น

"เขตห้ากับหก"

เจียงฉินมองดูตัวเลขบนเครื่องแบบของพวกเขา "แน่นอน มีแค่สี่คนที่มา...ตรงกับในใบรายชื่อ"

ดูเหมือนจะรับรู้ถึงการจ้องมองของเฉินหลิง ผู้คุมกฎทั้งสี่ก็หันมามองเขาเช่นกัน หลังจากมองหน้ากันพักหนึ่ง พวกเขาจึงมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ

เฉินหลิงจำได้ว่าตั้งแต่เขาขึ้นรถไฟมา ก็ไม่เคยได้ยินพวกเขาทั้งสี่คนคุยกันแม้แต่คำเดียว....น่ากลัวว่าพวกเขาไม่เคยพูดคุยกันด้วยซ้ำ

เฉินหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

แต่ไม่สามารถบอกได้

"ท่าเรือวินเทอร์อยู่ในเขตไหนครับ?"

"เขตแดนระหว่างเขตหนึ่งกับเขตสอง....มีอะไรผิดปกติเหรอ?"

"ท่าเรือวินเทอร์อยู่ห่างไกลจากเขตอื่นๆ นอกจากนั่งรถไฟแล้วก็ไม่มีวิธีอื่นที่พวกเขาจะไปที่นั่นได้" เฉินหลิงใจเต้นแรง

"แต่ทำไม...บนรถไฟขบวนนี้ถึงมีแค่พวกเรา กับกลุ่มคนจากเขตห้าและหก?"

เจียงฉินตกใจ "บางทีอาจเป็นเพราะเขตเจ็ดอยู่ค่อนข้างไกล เมื่อวานเลยขึ้นรถไฟไปที่นั่นก่อนแล้ว?"

"แล้วเขตสี่ล่ะ เขตห้ากับหกล้วนเลือกที่จะออกเดินทางวันนี้ เขตสี่ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ขึ้นรถไฟขบวนนี้…แล้วคนของพวกเขาอยู่ที่ไหน?"

จงเหยากวงพูดเบาๆ "เราขึ้นรถไฟไม่ได้หรือไง ทำไมต้องสนใจด้วยว่าคนของเขตสี่จะอยู่หรือไม่อยู่ที่นี่?"

เฉินหลิงเมินเฉยต่อคำพูดของอีกฝ่าย เพราะเขารู้สึกว่าเขาเข้าใจอะไรบางอย่าง

"หัวหน้าเจียงฉิน คราวนี้มีคนมาจากเขตสี่กี่คนครับ?"

"สิบ?"

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน จงเหยากวงที่กำลังรอไพ่อย่างใจจดใจจ่อ เขาใช้มือข้างหนึ่งจับศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่าง

"อะ?"

"มีอะไรเหรอ?" เพื่อนที่อยู่ข้างๆ เขาถามขึ้น

"ฉันคงใช้สายตาหนักไปหน่อย?" จงเหยากวงขยี้ตาและมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยดวงตาเบิกกว้าง "...รางรถไฟล่ะ?"

ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมาทุกคนก็ตะลึงอย่างรวดเร็ว นอกหน้าต่างลมพัดหิมะไปกระทบไอน้ำของรถไฟจนแตกกระจาย ทุกอย่างด้านนอกล้วนเป็นสีขาว เมื่อถึงจุดหนึ่งรางรถไฟที่วิ่งอยู่ก็หายไป

"ท่านสุภาพบุรุษทุกท่านกรุณานั่งดีๆ อย่าเดินไปมาโดยไม่ได้รับอนุญาต" พนักงานต้อนรับบนรถไฟเดินมาพร้อมตะกร้าสีดำซึ่งเต็มไปด้วยขนมและผลไม้ที่จะเอามาขาย เธอวางมือข้างหนึ่งเข้าไปในตะกร้าแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า

"คุณจะรับอะไรสักหน่อยมั้ยคะ?"

จงเหยากวงและอีกสามคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่พวกเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเสียงของเฉินหลิงก็ดังขึ้น!

"ระวัง!!"

.

ปัง-!

.

เสียงปืนดังก้องขึ้นบนรถไฟ กระสุนทะลุตะกร้าพุ่งเข้าศีรษะของจงเหยากวงซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด

.

ครู่ต่อมา ศีรษะมึนงงของจงเหยากวงก็ระเบิดออก ของสีแดงและสีขาวกระเด็นเปื้อนตัวเพื่อนอีกคนที่นั่งข้างๆ เขา และคนทั้งคนก็กลายเป็นกองเลือด!

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้เขาและเจียงฉินหวาดกลัว จากนั้นพนักงานต้อนรับก็เหนี่ยวไกปืนอีกครั้ง!

แต่เกือบจะในเวลาเดียวกัน แส้ถูกฟาดไปที่ตะกร้าอย่างแรงจนมันหล่นลงไป!

.

ปัง -

.

กระสุนนัดที่สองฝังอยู่ในเหล็กของรถไฟ ทำให้เกิดเสียงกรีดร้องแหลมคม

เจียงฉินเป็นผู้คุมกฎที่มีประสบการณ์ เขาจึงตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว หลบพนักงานต้อนรับหญิงคนนั้นได้ทันท่วงที และโจมตีเธอกลับด้วยหมัดขวาชกเข้าที่ขมับ พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้กระแทกเธอออกไปที่เบาะด้านข้าง!

เขาชักปืนออกจากเอวเร็วปานสายฟ้า เล็งไปยังพนักงานต้อนรับหญิงคนนั้น จู่ๆ กระสุนอีกนัดก็ถูกยิงมาจากระยะไกล!

คราวนี้ผู้ก่อเหตุคือผู้คุมกฎจากเขตห้าและหก ทั้งสี่คนนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง

พวกเขานั่งอยู่ที่นั่นเงียบๆ หรี่ตามองดูเฉินหลิงและคนอื่นๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการหยอกล้อ

กระสุนทะลุฝ่ามือของเจียงฉิน เขากรีดร้อง และปืนพกก็ตกลงไปที่พื้น

ในเวลาเดียวกัน มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าทั้งสองข้างของตู้รถไฟ คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนสวมชุดพนักงานควบคุมรถไฟ และอีกคนเป็นพนักงานต้อนรับชาย ทั้งสองจ้องมองไปที่เฉินหลิงและคนอื่นๆ แล้วหัวเราะเยาะ

"การตอบสนองไม่เลว...น่าเสียดายที่พวกนายคงออกไปไม่ได้แล้ว"

"หมายเลข 17 ถ้านายยังไม่ลงมือ สักพักเลือดของเด็กผู้ชายคนนั้นจะเย็นแล้ว"

พนักงานต้อนรับที่ถูกเจียงฉินล้มลงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและมองดูเจียงฉินด้วยความเกลียดชัง จากนั้นจึงเดินไปหาจงเหยากวงซึ่งศีรษะถูกยิง เขาเอาฝ่ามือวางลงบนใบหน้าของศพ

แสงสีเทาเปล่งประกาย ใบหน้าของจงเหยากวงก็หายไปในอากาศ เหลือเพียงใบหน้าเปลือยเปล่าเปื้อนเลือดเงยหน้าขึ้นไปบนเพดาน

ครู่ต่อมา ใบหน้าของพนักงานต้อนรับหญิงก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ของจงเหยากวง...

เธอขโมยใบหน้าของจงเหยากวง

เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของเจียงฉินก็เบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ!

"วิถีจอมโจร...พวกนายเป็นผู้ช่วงชิงเปลวไฟใช่มั้ย!"

.

.

.

ขอเปลี่ยนจากผู้แย่งชิงไฟ>>เป็นผู้ช่วงชิงเปลวไฟ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด