บทที่ 7 แม่น้ำที่ไม่มีอยู่จริง
【คุณต้องการใช้ 10 คะแนนความโปรดปรานเพื่อทำสัญญาหรือไม่?】
เสียงระบบดังขึ้น
"ใช่ ทำสัญญาเลย"
เมื่อซูมู่คิดดังนั้น แสงสีขาวก็ล้อมรอบปลาอานนท์ทันที
【สัญญาสำเร็จ!】
【คุณได้ทำสัญญากับ "ปลาอานนท์" ยินดีด้วย! คุณได้รับ 10 คะแนนความโปรดปราน】
คะแนนที่ซูมู่ใช้ไปกลับมาหาเขาในทันที
หลังจากที่ปลาอานนท์ตัวนี้ถูกทำสัญญา สายตาของมันที่มองซูมู่ก็เปลี่ยนจากความหวาดกลัวเป็นความเชื่องทันที มันว่ายน้ำวนอยู่ริมฝั่งโดยไม่จากไปไหน
ซูมู่พูดกับปลาอานนท์ตัวเล็กว่า "ไปเถอะ ไปจับปลาที่มีค่ามาให้ข้ากินหน่อย"
หลังจากได้รับคำสั่ง ปลาอานนท์กดำลงไปในน้ำ
"มันน่าจะฟังภาษาข้าได้นะ?" ซูมู่พูดพึมพำกับตัวเอง
หลังจากนั้น ซูมู่ก็กลับมาทำหน้าที่ของตน เขาเริ่มกำจัดวัชพืชและก้อนหินที่กระจายอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะถอนวัชพืชทุกวัน แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาก็จะพบว่ามีวัชพืชใหม่ขึ้นมาอีกมากมาย
ไม่เพียงเท่านั้น ก้อนหินที่ริมฝั่งก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างลึกลับในทุกๆ วัน
อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะการทำความสะอาดริมฝั่งแม่น้ำสามารถเพิ่มคะแนนความโปรดปรานได้
【คุณทำความสะอาดวัชพืช +1 คะแนนความโปรดปราน】
【คุณทำความสะอาดวัชพืช +1 คะแนนความโปรดปราน】
【คุณทำความสะอาดก้อนหิน +5 คะแนนความโปรดปราน】
【คุณทำความสะอาดก้อนหิน +5 คะแนนความโปรดปราน】
【...】
ซูมู่ทำงานยุ่งอยู่หนึ่งชั่วโมง ก็สะสมคะแนนความโปรดปรานได้อีก 50 แต้ม
ขณะเดียวกัน ในโลกของทวีปเทียนหนาน ที่สำนักหลัวหยุน
"คาราวะท่านผู้อาวุโสหาน "
หานเสี่ยวเผ่าเดินอยู่ตามถนนในสำนัก ศิษย์ที่ผ่านไปมาทุกคนต่างทักทายเขาด้วยความเคารพ และเขาก็พยักหน้าตอบรับอย่างสุภาพ
ตอนนี้ หานเสี่ยวเผ่าได้อาศัยอยู่ในโลกนี้มากว่า 200 ปีแล้ว จากการเป็นมนุษย์ธรรมดา เขาเติบโตและก้าวหน้าทีละขั้นอย่างมั่นคง จนกระทั่งกลายเป็นผู้อาวุโสของสำนักหลัวหยุน มีตำแหน่งสูงส่งเป็นที่เคารพนับถือ
บางครั้งในตอนกลางคืน เขายังฝันถึงเหตุการณ์เมื่อ 200 ปีก่อน ตอนที่เขากำลังข้ามมิติมาและพบกับชายคนหนึ่งที่ทำสัญญากับเขา
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เขาก็มักจะรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง
เพราะหลังจากที่เขานั่งเรือเล็กไปถึงจุดหนึ่ง เรือก็ล่มลงอย่างกะทันหัน เขาหมดสติไป และเมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองอยู่บนทวีปที่ชื่อว่า "เทียนหนาน"
ต่อมาเมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาก็ค่อยๆ สืบหาข้อมูลเกี่ยวกับแม่น้ำสีดำสนิทนั้น แต่ไม่ว่าจะค้นหาที่ใดก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ของมัน แม้แต่ในคัมภีร์โบราณก็ไม่มีการบันทึกเกี่ยวกับแม่น้ำนี้เลย
ทำให้หานเสี่ยวเผ่าเริ่มสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นอาจเป็นเพียงความฝันหรือเปล่า?
นานวันเข้าหานเสี่ยวเผ่าก็ลืมเรื่องนั้นไปหมดแล้ว
แต่ตอนนี้เขาได้ข่าวเกี่ยวกับสมบัติล้ำค่าที่ปรากฏในดินแดนสุดขอบตะวันตก เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปเพียงลำพัง หวังว่าจะได้สมบัติสักชิ้นกลับมา
หานเสี่ยวเผ่ามักจะมีนิสัยแบบนี้เสมอ ทุกครั้งที่ออกไปเสาะหาวาสนา หรือลงสำรวจในดินแดนลึกลับ เขาก็จะไปเพียงคนเดียว
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะไปคนเดียวสะดวกต่อการหนีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน!
ดังนั้น ในครั้งนี้ที่เขาจะเดินทางไปยังดินแดนสุดขอบตะวันตก เขาก็วางแผนจะเดินทางเพียงลำพังเช่นเคย
ตอนนี้เขาได้บรรลุถึงขั้น "หยวนอิง" แล้ว ความเร็วในการเดินทางไม่จำเป็นต้องใช้เรือเหาะหรือพาหนะใดๆ หากใช้พาหนะของสำนักหลัวหยุนอาจจะเป็นที่จับตามองมากเกินไป เดินทางคนเดียวด้วยความเร็วของตนเอง ก็ใช้เวลาเพียงสามถึงสี่วันเท่านั้น
หานเสี่ยวเผ่าเปลี่ยนชุดและออกเดินทางเงียบ ๆ จากภูเขา มุ่งหน้าไปยังดินแดนสุดขอบตะวันตก
ที่ ทะเลหมึก ซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนสุดขอบตะวันตก มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากยืนอยู่บนท้องฟ้า มองไปยังประตูหินสี่เหลี่ยมที่โผล่ขึ้นมาจากผืนน้ำ
ประตูหินทั้งบานมีสีดำสนิท โผล่ขึ้นมาจากใต้ทะเลราวกับเป็นประตูมังกร แผ่กลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวออกมา เหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งหลายไม่กล้าเข้าไปใกล้ ต่างยืนอยู่ไกล ๆ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์
หานเสี่ยวเผ่ายืนอยู่ด้านหลังของกลุ่มคน จ้องมองไปที่ประตูหินบนผิวน้ำด้วยคิ้วขมวด
ในตอนนั้น ผู้แข็งแกร่งระดับหยวนอิงคนหนึ่งบินลงมาจากฟากฟ้า ยืนอยู่ด้านหน้าของกลุ่มคนและพูดเสียงดังว่า
"ทะเลแห่งนี้เป็นดินแดนของสำนักกระดูกดำ ท่านทั้งหลายบุกรุกเข้ามาในเขตแดนของพวกเรา เช่นนี้มันไม่ถูกต้องกระมัง?"
เมื่อพูดจบ พลังอันยิ่งใหญ่ของผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงช่วงปลายก็แผ่กระจายออกมา ทำให้ผิวน้ำสั่นไหวอย่างรุนแรง
จากนั้น ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีน้ำเงิน ซึ่งอยู่ในระดับหยวนอิงช่วงปลายเช่นกัน ก็หัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า
"ท่านรองเจ้าสำนักอู๋ ทะเลหมึกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงกลายเป็นเขตแดนของสำนักกระดูกดำไปแล้ว?"
"อีกอย่าง สมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้น ผู้มีความสามารถเท่านั้นจึงจะได้มันไป ตั้งแต่เมื่อไหร่สมบัตินี้กลายเป็นของสำนักกระดูกดำเพียงแห่งเดียว?"
เมื่อชายชุดน้ำเงินพูดจบ ก็มีผู้คนจำนวนมากส่งเสียงสนับสนุน
"ใช่แล้ว ท่านรองเจ้าสำนักอู๋ สมบัติล้ำค่าเป็นของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด"
"ท่านรองเจ้าสำนักอู๋ ท่านต้องการไล่พวกเราทั้งหมดออกจากทะเลหมึกหรืออย่างไร?"
เพียงไม่กี่ประโยค ชายชุดคลุมน้ำเงินก็ทำให้ อู๋จงคุย ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อู๋จงคุยโกรธจนหนวดเคราสั่นไหว
ทะเลหมึกนี้เป็นดินแดนของสำนักกระดูกดำมาเป็นเวลาสามร้อยปีแล้ว ไม่มีสำนักใดในดินแดนสุดขอบตะวันตกที่ไม่รู้เรื่องนี้
แต่ตอนนี้ที่สมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้น ทุกคนกลับทำเป็นไม่รู้เรื่อง และบุกเข้ามาในดินแดนของสำนักกระดูกดำอย่างตามอำเภอใจ
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจงใจหาเรื่อง แต่หากเกิดความขัดแย้งขึ้นในตอนนี้ ก็จะเป็นผลเสียต่อตัวเขาเอง
หานเสี่ยวเผ่ามองไปที่อู๋จงคุยแล้วอดหัวเราะเบา ๆ ในใจไม่ได้
"รองเจ้าสำนักอู๋นี่มันคิดอะไรตื้นเกินไป สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ใครๆ ก็สามารถมาแย่งชิงได้ หวังว่าจะใช้ข้ออ้างแค่ 'นี่คือดินแดนของข้า' เพื่อไล่คนอื่นกลับบ้าน นี่มันฝันเฟื่องชัด ๆ"
ในตอนนี้ ผู้ฝึกตนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังเดินทางมาที่ทะเลหมึก
หานเสี่ยวเผ่าซ่อนพลังของตนไว้และประเมินสถานการณ์
มีผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงช่วงปลายสองคน ระดับหยวนอิงช่วงกลางห้าคน และรวมถึงตัวเขาเอง มีผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงช่วงต้นอีกสิบคน ส่วนผู้ที่มีพลังต่ำกว่าหยวนอิง เขาไม่ได้สนใจ
หากสมบัติล้ำค่ามีเพียงชิ้นเดียว หานเสี่ยวเผ่าก็มีโอกาสสูงที่จะกลับบ้านมือเปล่า
เพราะความแตกต่างของพลังระหว่างผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงช่วงปลายกับช่วงต้นนั้นมากเกินไป แผนของหานเสี่ยวเผ่าคือรอให้สถานการณ์วุ่นวายแล้วค่อยฉวยโอกาสลักลอบเก็บสมบัติออกมา
เนื่องจากประตูหินที่โผล่พ้นน้ำทะเลขึ้นมาแผ่กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวมากเกินไป ไม่มีใครกล้าเป็นคนแรกที่จะลองเข้าไป ทุกคนกำลังรอคอยอยู่
ในสถานการณ์เช่นนี้ มีหลายสายตาจับจ้องอยู่ ใครก็ตามที่ออกตัวก่อนคงไม่ต่างจากการหาเรื่องตายอย่างไร้ประโยชน์
ด้วยเหตุนี้ เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่บนทะเลหมึกจึงรอคอยอย่างเงียบงัน ไม่มีใครกล้าขยับเคลื่อนไหว สถานการณ์กลับกลายเป็นความตึงเครียดที่แปลกประหลาด
ทันใดนั้น ประตูหินก็เริ่มสั่นสะเทือน ส่งคลื่นน้ำซัดไปมาหลายระลอก
วินาทีต่อมา แสงสวรรค์สีม่วงเข้มก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่จุดศูนย์กลางของประตูหิน ทุกสายตาจับจ้องไปที่แสงสวรรค์สีม่วงนั้น
พลังอำนาจที่ถูกปลดปล่อยออกมาทำให้ทะเลโหมกระหน่ำ การต่อสู้ใกล้จะปะทุขึ้นแล้ว
“ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหมดไม่ยอมขยับ งั้นข้าขอรับไว้เองแล้วกัน!”
ในตอนนั้นเอง ผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงช่วงกลางคนหนึ่งพูดขึ้น เขาเริ่มเดินลมปราณ ก่อร่างอักขระสีทองหมุนวนรอบตัว แล้วแปลงร่างเป็นแสงพุ่งตรงไปยังแสงสวรรค์สีม่วงทันที
เมื่อผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงช่วงกลางเริ่มลงมือ คนอื่นๆ ก็ตามไปติดๆ แต่ละคนเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกัน
ปล. ระดับพลังจากต่ำไปสูง: ฝึกปราณ, สร้างฐาน, แกนทองคำ, หยวนอิง, มหายาน, ขั้นแปรเทพ, ขั้นดานเคราะห์, ขั้นเหาะเหิน, มนุษย์เซียน, เซียนแท้, เซียนปฐพี, เซียนสวรรค์, ราชาเซียน, จักรพรรดิเซียน