บทที่ 363ตอนที่ 359. อาหารลดไขมันเพื่อสุขภาพ
อาหารกลางวันง่าย ๆ แค่มื้อเดียว แต่ทำให้เสี่ยวหลินกินจนท้องแทบแตก เขานอนเอนตัวอยู่บนเก้าอี้ เอามือกุมท้องที่พองขึ้นราวกับตั้งครรภ์หลายเดือน หายใจหอบด้วยความอิ่มเกิน
จางเฟิงกินน้อยกว่าเสี่ยวหลิน แต่กินช้ากว่า เขาเงยหน้าแล้วดื่มเบียร์ที่เหลืออยู่ในขวด จากนั้นหยิบทิชชูมาเช็ดปาก ก่อนจะเตรียมตัวลุกขึ้นไปดูหมูของเขา
“พักหน่อยเถอะ ลุง ให้ผมพักหน่อย” เสี่ยวหลินพยายามดิ้นรนลุกขึ้น แต่ก็ลุกไม่ไหว
หลัวอี้หางเห็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว จึงยิ้มพร้อมยื่นมือช่วยพยุง “มาเถอะ ฉันพาเดินไปเรื่อย ๆ ไปที่ห้องอาบน้ำที่พวกนายใช้นั่นแหละ ข้าง ๆ ห้องว่างอยู่ นายเลือกห้องไหนก็ได้แล้วพักผ่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมช่วยทำงานดีกว่า” เสี่ยวหลินยังคงปฏิเสธ
จางเฟิงโบกมือให้เขาหยุด “เสื้อผ้าของพวกเรายังซักอยู่เลย นายไปนอนพักก่อน ตื่นแล้วค่อยออกมาตากผ้า”
ด้วยการมอบหมายงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ทำ เสี่ยวหลินจึงยอมรับได้ง่ายขึ้น
เสี่ยวหลินพยักหน้าตอบตกลง “งั้นก็ได้ครับลุง ผมจะไปคอยเฝ้าเครื่องซักผ้า”
วันนี้เสี่ยวหลินเหนื่อยมากจริง ๆ ตื่นเช้ามาก ขับรถมาเจ็ดชั่วโมงแล้วยังต้องมาช่วยขนหมูอีก ตอนยุ่ง ๆ เขาไม่ทันได้รู้สึกเหนื่อย แต่พอนั่งพักและกินอาหารเข้าไป ความรู้สึกสบายก็ทำให้ร่างกายอ่อนแรงทันที
เสี่ยวหลินปฏิเสธไม่ให้หลัวอี้หางพยุงอีก เขาเดินโซเซกลับไปยังหอพัก เลือกห้องข้าง ๆ ห้องน้ำแล้วเข้าไปนอน
ห้องนั้นมีการตกแต่งเรียบง่าย มีเตียงเดี่ยวสี่เตียง ตู้เสื้อผ้าสี่ตู้ โต๊ะหนึ่งตัวและเก้าอี้สี่ตัว ติดเครื่องปรับอากาศไว้บนผนังด้วย
มีประตูเล็ก ๆ ข้างหนึ่งที่เชื่อมกับห้องน้ำ
เสี่ยวหลินเลือกเตียงใกล้ประตูที่สุดแล้วเอนกายลง นอนเหยียดหลังจนสบายตัว เขาร้องออกมาด้วยความสบาย “โอ๊ย โอ๊ย” จากนั้นไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
ก่อนจะหลับไป เขายังพึมพำ “ข้าวผัดนั่นมันอร่อยขนาดนี้ได้ยังไงนะ…”
——
หลังจากจัดการเรื่องของเสี่ยวหลินเสร็จ จางเฟิงก็ไปเอาแป้งข้าวโพดจากโรงอาหาร แล้วกลับมาที่คอกหมูกับหลัวอี้หาง โดยขี่รถสามล้อไฟฟ้าเช่นเดิม
คอกหมูเป็นอาคารแบบยาว ก่อสร้างด้วยอิฐและคอนกรีต มีหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ติดอยู่ที่ผนังทั้งสองด้านเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามาได้ ภายในพื้นเป็นปูนซีเมนต์ ตรงกลางมีรั้วเหล็กกั้นเป็นคอกเล็ก ๆ แต่ละคอกมีพื้นที่ประมาณสิบตารางเมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับหมูสี่ตัว
แต่ตอนนี้หมูยังตัวเล็กอยู่ พวกเขาใช้แค่สามคอกเท่านั้น ส่วนพ่อพันธุ์ก็อยู่ในคอกเดี่ยว ทุกคอกมีรางอาหารและรางน้ำ ซึ่งตามปกติรางเหล่านี้จะอยู่ด้านนอก แต่สองสามวันก่อน จางเฟิงโทรมาบอกให้ย้ายเข้ามาไว้ข้างใน
อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น พัดลมระบายอากาศ โคมไฟ และระบบฉีดน้ำลดความร้อน ก็มีติดตั้งไว้เรียบร้อย
หลังจากพักผ่อนไปสักครู่ ลูกหมูเริ่มสงบลง พวกมันกลายเป็นลูกหมูที่กระปรี้กระเปร่ามาก วิ่งเล่นไปทั่วคอก ใช้จมูกดุนและดมกลิ่นทุกอย่างที่ขวางหน้า
เมื่อพวกมันเห็นจางเฟิงและหลัวอี้หาง ก็พากันวิ่งเข้ามา ส่งเสียงร้องอ้อน
จางเฟิงปีนข้ามรั้วเข้าไปในคอก เขาย่อตัวลงอุ้มลูกหมูขึ้นมาดู ตรวจสอบท้องของมันแล้วก็วางลง จากนั้นก็อุ้มตัวอื่น ๆ ขึ้นมาดูทีละตัว
ตรวจไปได้สี่ห้าตัว จึงหันไปตรวจพ่อพันธุ์อีกครั้ง เขาหัวเราะออกมาอย่างโล่งใจ
“ดีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร หมูผ่านการตอบสนองทางร่างกายไปได้แล้ว ให้อาหารกับน้ำได้เลย พวกมันอดน้ำและอาหารมาตั้งแต่เมื่อคืนวาน และวันนี้ก็หิวมาทั้งวัน คงหิวมากแล้ว งั้นหลัวอี้หาง ไปต่อท่อน้ำก่อนนะ ส่วนฉันจะไปตัดใบมันเทศ”
จางเฟิงพูดพลางทำท่าจะเดินออกไป
แต่หลัวอี้หางหยุดเขาไว้ “ลุงจะไปเองทำไมครับ เรียกคนมาช่วยก็พอแล้ว”
ตอนนี้พวกคนงานก็ทำงานกันเต็มที่ คนในทุ่งก็เยอะ จะไปตัดใบไม้อะไรเองทำไมกัน
หลัวอี้หางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ส่งข้อความเสียงไปในกลุ่มแชทของคนงาน “ใครอยู่ที่ทุ่ง ไปตัดใบมันเทศกับเถาฟักทองที่ทุ่งเลี้ยงหมูหน่อย แล้วตัดหญ้าหวานมาอีกหน่อย เอามาส่งที่คอกหมูด้วยนะ”
ยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว แต่เถาฟักทองกับมันเทศก็แผ่ขยายออกไปเต็มพื้นที่แล้ว ส่วนหญ้าหวานก็สูงสี่ห้าสิบเซนติเมตรแล้ว กำลังอ่อนนุ่มน่ากิน
“เสร็จละ” หลัวอี้หางยิ้มแล้วพูด
จากนั้นก็หยิบสายยางมากรอกน้ำใส่รางน้ำพร้อมกับจางเฟิง
ลูกหมูดูเหมือนจะกระหายมาก
ทันทีที่เติมน้ำเสร็จ พวกมันก็รีบวิ่งไปที่รางน้ำ บางตัวถึงขั้นกระโดดลงไปในรางทั้งตัว ดื่มน้ำอย่างกระหาย ส่วนบางตัวก็ได้ดื่มน้ำพร้อมล้างเท้าไปในตัว
หมูตัวที่วิ่งช้าโดนเบียด จนต้องดื่มน้ำที่เพื่อน ๆ ใช้ล้างเท้าไปแล้ว
ไม่นานนัก หมูบางตัวก็เริ่มไม่พอใจ ใช้ขาหน้าดันตัวขึ้นไปยืนบนขอบรางน้ำแล้วไล่หมูที่อยู่ข้างในออกไป
ส่วนบางตัวที่โดนเบียดจนโมโหก็กัดเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ซะเลย
จางเฟิงเห็นแล้วก็หยิบปากกาสีมาเขียนเครื่องหมายไว้บนตัวหมูที่มีนิสัยก้าวร้าว
“ลุงครับ ทำแบบนี้ทำไมเหรอ?” หลัวอี้หางถาม
“พวกนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี ต้องทำเครื่องหมายไว้ก่อน พอพวกมันเริ่มคุ้นกับสภาพแวดล้อมใหม่แล้ว เราจะย้ายพวกมันไปไว้ต่างหากกัน พวกมันจะได้ไม่ทะเลาะกัน” จางเฟิงตอบ
หลังจากให้หมูกินน้ำเสร็จ ทั้งสองก็คุยกันต่อเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดัง “เอี๊ยด” ของรถสามล้อไฟฟ้าที่จอดอยู่ด้านนอก
เด็กหนุ่มคนหนึ่งกระโดดลงจากรถแล้ววิ่งเข้ามาในคอกหมูพร้อมตะโกน “เจ้านาย! ใบมันเทศกับเถาฟักทองมาแล้วครับ หญ้าหวานก็มาแล้ว ผมขนมาสามตะกร้า นี่คือหมูของเราใช่ไหมครับ!”
เด็กหนุ่มวิ่งเข้ามาด้วยความภูมิใจที่ได้ทำงานเสร็จ แต่เมื่อเห็นลูกหมูเต็มคอก เขาก็ลืมเรื่องทั้งหมดไป วิ่งไปเกาะรั้วแล้วชะโงกหน้าเข้าไปในคอก พลางส่งเสียง “ลูลูลู่
~“และ”โหลโหลโหล~~”
หมูตัวน้อยพากันเดินเข้ามาหาเขา ดุนจมูกไปตามมือของเขา
“อ๊า! น้ำมูก!”
——
เด็กหนุ่มที่มาช่วยตัดหญ้าก็ช่างเป็นคนซื่อจริง ๆ หลัวอี้หางสั่งให้ตัดเท่าไหร่ก็ขนมาให้เท่านั้น ใบมันเทศ เถาฟักทอง และหญ้าหวานอย่างละตะกร้า แถมยังอัดเต็มตะกร้ามาจนแน่น
หลัวอี้หางหิ้วตะกร้าเข้าไปในคอกหมูแล้วถามว่า “ต้องให้อาหารพวกมันยังไงครับ ปล่อยไปในคอกเลยหรือเปล่า?”
เขาทำท่าจะหยิบหญ้าออกมาโยน
แต่จางเฟิงรีบห้ามไว้ “ไม่ใช่แบบนั้น ต้องหั่นให้ละเอียดก่อน แล้วก็ต้องต้มให้สุกด้วย เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
จางเฟิงหิ้วตะกร้าออกมาที่เตานอกคอก เขาเทน้ำใส่หม้อใบใหญ่ครึ่งหม้อ แล้วหยิบเขียงมาวางบนขอบหม้อ หยิบมีดขึ้นมาแล้วเริ่มหั่นใบมันเทศด้วยความคล่องแคล่ว
หลัวอี้หางยืนดูอยู่ข้าง ๆ ด้วยความสนใจ
“ผมว่าแล้วทำไมถึงมีเตาตั้งอยู่ข้างนอก ปรากฏว่าอาหารหมูก็ต้องต้มด้วยสินะครับ”
“ใช่ ทุกอย่างต้องต้ม ฉันให้อาหารหมูแบบต้มตลอด เพราะมันจะทำให้หมูโตเร็วและไม่ป่วยง่าย…” จางเฟิงตอบพลางหั่นใบมันเทศต่อไป
ในเวลาไม่นาน ใบมันเทศกองโตก็ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนจะถูกปาดลงไปในหม้อใหญ่
เมื่อจัดการใบมันเทศจนหมด ก็เริ่มหั่นเถาฟักทองและหญ้าหวานต่อ
เขาหั่นทุกอย่างลงไปจนหม้อเต็มไปด้วยเศษหญ้าสีเขียวอ่อน
จากนั้นเขาก็ใส่ฟืนเข้าไปในเตา จุดไฟและเริ่มต้ม
เมื่อหม้อเดือดแล้ว จางเฟิงก็เทแป้งข้าวโพดลงไป แล้วใช้ทัพพีคนให้ทุกอย่างเข้ากัน จนกลายเป็นอาหารเหลวสีเหลืองเขียวเต็มหม้อ
แม้หน้าตาจะไม่ค่อยดี แต่กลิ่นหอมของมันก็โชยมาเตะจมูกทันที
กลิ่นนี้ลอยเข้าไปในคอกหมู ลูกหมูต่างพากันส่งเสียงร้องด้วยความหิว###
จบบท####