บทที่ 225 ยกเว้นมาส์กหน้า สินค้าอื่น ๆ หยุดการผลิตทั้งหมด
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]
บทที่ 225 ยกเว้นมาส์กหน้า สินค้าอื่น ๆ หยุดการผลิตทั้งหมด
แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่ในใจต่างก็สงสัยในคำพูดของซูเฉียนโม่เป็นอย่างมาก
ไม่ใช่แค่พนักงานทั่วไป แม้แต่ผู้จัดการและผู้อำนวยการหลายคนก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ใคร ๆ ก็ว่าขุนนางใหม่มักจะโชว์อำนาจ แต่ท่านประธานซูเล่นแรงไปหน่อยไหม?
ท่านประธานซูไม่ทราบปัญหาที่บริษัทกำลังเผชิญอยู่หรือ?
เธอไม่ได้มีข้อมูลของบริษัทอยู่ในมือหรอกหรือ? หรือว่าเธอไม่ได้อ่าน?
หรือว่า อ่านแล้วแต่ไม่เข้าใจ?
“ท่านประธานซู”
ทันใดนั้น ชายหนุ่มในชุดสูทก็ยกมือขึ้น เขาชื่อซุนเหว่ยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง สาขาเคมีประยุกต์
กล่าวได้ว่า ในบริษัทไฉ่หยิ่ง เขาคือคนที่รู้เรื่องเครื่องสำอางมากที่สุด ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นทั้งเล็กใหญ่ต้องผ่านการอนุมัติจากเขาก่อนถึงจะผลิตได้
ด้วยเหตุนี้ แม้แต่วังโหย่วไฉ่ อดีตเจ้าของบริษัทไฉ่หยิ่ง ก็ยังพูดจาด้วยความสุภาพกับซุนเหว่ย
เพราะถ้าหากสูญเสียบุคลากรดี ๆ แบบนี้ไป ถือเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงของบริษัท
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ซุนเหว่ยจะเป็นแค่ผู้อำนวยการฝ่าย แต่ในความเป็นจริง อำนาจของเขาเป็นรองแค่หวังโหย่วไฉ่เท่านั้น
เมื่อเห็นซุนเหว่ยยกมือขึ้น ซูเฉียนโม่ก็หันมามองเขาด้วยสายตาที่เฉียบคมและเย็นชา "ว่ามา"
ซุนเหว่ยไม่เคยสัมผัสกับสายตาที่เยือกเย็นเช่นนี้จากผู้บังคับบัญชามาก่อน เขาถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ท่านประธานซู ผมซุนเหว่ย ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ครับ”
“ตอนนี้ ท่านอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทไฉ่หยิ่ง ผมขออนุญาตอธิบายข้อมูลให้ท่านฟังอย่างละเอียดครับ”
ว่าแล้วเขาก็หยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาพร้อมกับลุกขึ้นยืน “ในตอนนี้ สินค้าในคลังของเรามีจำนวนมาก...”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันรู้เรื่องพวกนี้หมดแล้ว” ซูเฉียนโม่ยกมือขึ้นขัดจังหวะซุนเหว่ยก่อนที่เขาจะพูดจบ “ฉันได้อ่านงบการเงินและข้อมูลของบริษัทเมื่อวานนี้แล้ว คุณตั้งใจทำงานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องยุ่ง”
คำพูดของซูเฉียนโม่ทำให้ทุกคนตกตะลึง
บ้าไปแล้ว!
ท่านประธานซูคนใหม่นี่ ไม่ไว้หน้าผู้อำนวยการซุนเลยหรือ?
ผู้อำนวยการซุนเป็นคนมีความสามารถนะ!
ก่อนหน้านี้ ประธานหวังคนก่อนแทบจะเอาผู้อำนวยการซุนบูชาเหมือนเทพเจ้า เวลาประชุมทีไร ผู้อำนวยการซุนคนนี้วางท่าใหญ่โตโอ้อวดตลอด
แต่ใครจะไปคิดว่าท่านประธานคนใหม่จะปฏิบัติกับผู้อำนวยการซุนเหมือนเป็นแค่ผู้อำนวยการธรรมดา ๆ คนหนึ่ง?
“คือ... ครับ ผมล่วงเกินไปเอง” คำพูดของซูเฉียนโม่ทำให้ซุนเหว่ยถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย แต่เขาก็รีบปรับสีหน้าแล้วยิ้มแห้ง ๆ “ในเมื่อท่านประธานซูทราบสถานการณ์ของบริษัทไฉ่หยิ่งแล้ว ท่านมีแผนจะพัฒนาบริษัทไฉ่หยิ่ง ให้เติบโตอย่างที่ท่านพูดไว้หรือยังครับ?”
ซูเฉียนโม่โยนเอกสารในมือลงบนโต๊ะ กอดอกพิงพนักเก้าอี้ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณฟังไม่เข้าใจหรือไง? ฉันบอกแล้วว่า คุณแค่ดูแลฝ่ายผลิตภัณฑ์ให้ดีก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องยุ่ง คุณแค่ทำงานของตัวเองให้ดีและร่วมมือกับฉันก็พอ เข้าใจไหม?”
“แต่...” ซุนเหว่ยยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่พอเห็นแววตาของซูเฉียนโม่ เขาก็รู้สึกเหมือนโดนอำนาจบางอย่างกดดันจนต้องถอยกลับไป สุดท้ายได้แต่พยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ ท่านประธานซู”
ไม่ต้องพูดถึงความสามารถของซูเฉียนโม่ แค่การที่เธอเคยเป็นถึงประธานบริษัทหญิงในโลกนิยายมาเป็นเวลานาน บุคลิกของเธอก็ไม่ธรรมดาแล้ว
ถึงแม้ว่าเวลาอยู่กับกู่เฉินหนาน ซูเฉียนโม่จะดูอ่อนโยนและน่ารัก แต่เวลาอยู่กับคนอื่น เธอก็ยังคงเป็นประธานสาวที่เย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็ง
สิ่งนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แม้ซูเฉียนโม่จะไม่ได้แสดงอาการโกรธออกมา แต่ซุนเหว่ยก็รู้สึกกดดันจากบารมีของเธอ
ซุนเหว่ยรู้สึกเสียหน้า แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เขาจึงนั่งลง มองซูเฉียนโม่ด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันไปจ้องเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะโดยไม่พูดอะไร
หึ! ประธานคนใหม่นี่คงไม่รู้สินะว่าใครใหญ่ใครโต?
คิดว่าแค่ซื้อบริษัทแล้วจะสามารถควบคุมอำนาจทั้งหมดได้งั้นหรือ?
ถ้าบริษัทไฉ่หยิ่ง ไม่มีฉัน บริษัทคงเจ๊งไปนานแล้ว!
ทุกคนในห้องประชุมมองหน้ากันไปมา พลางคิดในใจว่าควรจะชมซูเฉียนโม่ว่ามีอำนาจบารมีที่น่าเกรงขาม หรือควรจะตำหนิเธอว่าเผด็จการเกินไปดี
ซุนเหว่ยเป็นถึงผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทไฉ่หยิ่ง ที่วางขายในท้องตลาดตอนนี้ ล้วนเกิดจากฝีมือของซุนเหว่ยทั้งนั้น ไม่กลัวว่าเขาจะลาออกหรือไงที่ไม่ไว้หน้าเขาแบบนี้?
ถ้าผู้อำนวยการซุนลาออก บริษัทไฉ่หยิ่ง คงอยู่ได้อีกไม่นาน
ท่ามกลางความงุนงงและตกตะลึงของทุกคน ซูเฉียนโม่ก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้หยุดการผลิตสินค้าทั้งหมด ยกเว้นมาส์กหน้าสูตรบำรุงผิว ฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ร่วมมือกับฝ่ายการตลาด โปรโมตมาส์กหน้าสูตรบำรุงผิวให้เป็นสินค้าหลักของบริษัท ส่วนสินค้าอื่น ๆ ให้ใช้เป็นของแถมสำหรับมาส์กหน้า”
ก่อนหน้านี้ ซูเฉียนโม่ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางหลากหลายยี่ห้อที่มีขายในตลาดเมืองมหานคร ต้องยอมรับว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทไฉ่หยิ่ง นั้นยอดเยี่ยมมาก
และในบรรดาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทไฉ่หยิ่ง มาส์กหน้าสูตรบำรุงผิวนี่แหละดีที่สุด
ถ้าอยากจะชุบชีวิตบริษัทไฉ่หยิ่ง ก็ต้องเลือกสินค้าตัวเด่นออกมาโปรโมต และมาส์กหน้าสูตรบำรุงผิวนี่แหละคือตัวเลือกที่ดีที่สุด
ส่วนสินค้าอื่น ๆ ให้หยุดการผลิตไปก่อน รอให้บริษัทไฉ่หยิ่ง กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยมาส์กหน้าสูตรบำรุงผิว ค่อยนำสินค้าอื่น ๆ กลับมาขายในตลาดก็ยังไม่สาย
ทันทีที่ซูเฉียนโม่พูดจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
และแล้ว...
“ท่านประธานซู สินค้าหลักของบริษัทไฉ่หยิ่ง เราคืออายแชโดว์มาตลอด ท่านสั่งให้หยุดการผลิตสินค้าทั้งหมด ยกเว้นมาส์กหน้าสูตรบำรุงผิว แบบนี้ไม่เท่ากับตัดแขนตัดขาตัวเองหรอกหรือครับ? !”
“บริษัทไฉ่หยิ่ง เราเน้นขายเครื่องสำอางเป็นหลัก ทำไมอยู่ ๆ ถึงเปลี่ยนมาขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวล่ะครับ?”
“ต่อให้บริษัทไฉ่หยิ่ง ของเราจะขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ก็น่าจะเริ่มจากโฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิว หรืออะไรพวกนั้นก่อนสิครับ มาส์กหน้ามันดูราคาถูกไปหน่อยนะครับ!”
“ใช่ครับ ท่านประธานซู มาส์กหน้าสูตรบำรุงผิวตัวนี้เป็นแค่สินค้าตัวประกอบของบริษัทมาตลอด ปกติเราแถมมาส์กหน้าเวลาลูกค้าซื้อสินค้าอื่น ๆ ท่านประธานอย่าเอาเรื่องเล็กน้อยมาเป็นเรื่องใหญ่สิครับ!”
ทั้งห้องประชุมต่างโหวกเหวกโวยวาย!
ทุกคนต่างตั้งคำถามกับการตัดสินใจของซูเฉียนโม่
ซุนเหว่ยที่ตอนแรกเงียบไปแล้ว พอได้ยินว่าสินค้าที่เขาคิดค้นขึ้นมาทั้งหมดจะถูกสั่งให้หยุดการผลิต แถมบริษัทจะขายแต่มาส์กหน้าเพียงอย่างเดียว เขาก็โกรธขึ้นมาทันที
จะไม่ให้เกียรติเขาก็ได้ แต่จะมาสั่งหยุดการผลิตสินค้าที่เขาคิดค้นขึ้นมาไม่ได้!
สำหรับเขาแล้ว นี่คือความอัปยศ อัปยศอย่างร้ายแรง!
ปัง!
เขาตบโต๊ะดังปังแล้วลุกขึ้นยืน
“ท่านประธานซู นี่มันบ้าไปแล้ว บริษัทไฉ่หยิ่ง เรามีสินค้าตั้งเยอะแยะ ทำไมท่านถึงเลือกมาส์กหน้าสูตรบำรุงผิวที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรพิเศษเลย ท่านกำลังพาบริษัทไฉ่หยิ่ง ไปตาย!”
แต่ซูเฉียนโม่กลับไม่ได้ร้อนรน ดูเหมือนเธอจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าทุกคนจะมีปฏิกิริยาแบบนี้
เพียงแต่ การที่ซุนเหว่ยตบโต๊ะทำให้เธอค่อนข้างแปลกใจ
“ผู้อำนวยการซุน คุณกำลังล้ำเส้นเกินไปแล้ว” ซูเฉียนโม่มองซุนเหว่ยด้วยสายตาเย็นชา “หน้าที่ของคุณคือควบคุมคุณภาพสินค้า ส่วนการตัดสินใจของบริษัท คุณไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง”
“ควบคุมคุณภาพ?” พอได้ยินแบบนั้น ซุนเหว่ยก็ยิ่งโกรธหนักกว่าเดิม “ท่านประธานซูจะสั่งให้หยุดการผลิตสินค้าทั้งหมด ถ้าหยุดการผลิตแล้ว ผมจะไปควบคุมคุณภาพอะไร?”
ซุนเหว่ยรู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถ ถึงขั้นกล้าขู่ซูเฉียนโม่ “ถ้าท่านประธานซูยังยืนยันที่จะทำแบบนี้ ผมก็คงไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถในบริษัทนี้ ขออภัยที่ผมต้องเลือกต้นไม้ใหญ่ที่ดีกว่าสำหรับพักพิง!”
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_