บทที่ 18: กำจัดเขาเมื่อห้าพันปีก่อน
ที่ทุ่งอูซวี เขตมืดอันมืดมิด
ทั้งสี่คนจ้องมองไปยังความว่างเปล่าด้วยความกระวนกระวาย หนึ่งพันปีที่ผ่านมา สำหรับพวกเขาแล้วถือว่าไม่สั้นแต่ก็ไม่ยาวนัก
ที่นี่เป็นดินแดนที่ว่างเปล่าและสับสน ทำให้เกิดความโดดเดี่ยวไร้ขอบเขต เมื่อใดก็ตามที่ความเหงากัดกินจิตใจ มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็อาจจะบ้าคลั่งได้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้บำเพ็ญเพียรมาหลายหมื่นปี จิตใจและจิตวิญญาณของพวกเขาย่อมไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไป
แต่ถึงอย่างไร หนึ่งพันปีก็ยังนานมากพอ หากครั้งนี้พวกเขาล้มเหลวอีกครั้ง พวกเขาอาจเริ่มสงสัยในชีวิตของตนเอง
"จักรพรรดิกระดูก เป็นอย่างไรบ้าง?"
"เจ้าสามารถสัมผัสได้หรือไม่ว่าโลงศพนั้นได้ข้ามกระแสแห่งกาลเวลาไปสู่อดีตสำเร็จแล้ว?"
หนึ่งในเงาดำถามขึ้นด้วยความกระวนกระวาย
"ข้ามองไม่เห็น"
จักรพรรดิกระดูกจ้องมองไปยังความว่างเปล่า เขาไม่มีพลังต้นกำเนิดเหลือพอที่จะคำนวณอีกแล้ว ทำได้เพียงรอคอยผลลัพธ์อย่างเงียบๆ
ทั้งสี่จึงได้แต่ภาวนาในใจ หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี
ในวินาทีถัดมา
พื้นที่ในความว่างเปล่าเริ่มบิดเบี้ยว ทำให้หัวใจของทั้งสี่ตึงเครียด
จะเป็นไปได้ยังไงกัน???!!!
ทันใดนั้น โลงศพสีดำก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าอีกครั้ง และมาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสี่คน
การปรากฏของโลงศพนี้หมายความว่าพวกเขาล้มเหลวอีกครั้ง!
เงียบ!
ความเงียบงันดุจความตายเข้าปกคลุมไปทั่ว
"ทำไม!!!!"
หนึ่งในเงาดำตะโกนอย่างโกรธแค้นใส่ความว่างเปล่า พลังอำนาจที่ทรงพลังทำให้เขตมืดอันมืดมิดสั่นไหวอย่างรุนแรง
จักรพรรดิกระดูกเดินเข้าไปใกล้โลงศพ เมื่อเขาเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่ามีข้อความหนึ่งปรากฏอยู่บนโลงศพ
แม้ว่าจะถูกกัดกร่อนด้วยพลังแห่งกาลเวลา ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน แต่ยังพออ่านได้
【ถ้าเจ้ากล้าก็ลองอีกทีสิ?】
เพียงข้อความสั้นๆนี้ ทำให้ทั้งสี่จักรพรรดิ์แข็งทื่อในที่ของพวกเขา ความหวาดกลัวอันทรงพลังเข้ามาแทนที่ความโกรธ แทบไม่รู้ทำไม แต่ในช่วงเวลานั้นพวกเขารู้สึกเหมือนมีสายตาอันมืดมนจับจ้องพวกเขาจากที่ห่างไกล
ความหวาดกลัวนี้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของพวกเขา
โลงศพไม่ได้เพียงถูกส่งกลับจากกระแสแห่งกาลเวลาอีกครั้ง แต่ยังนำข้อความเตือนกลับมาด้วย
เพียงประโยคเดียว ทำให้ทั้งสี่ถูกข่มขวัญจนเงียบสนิท
ความแข็งแกร่งนั้นไม่น่ากลัว
สิ่งที่ไม่รู้ต่างหาก ที่เป็นความหวาดกลัวที่แท้จริง
พวกเขาไม่สามารถตัดสินได้ว่าผู้ที่ทิ้งข้อความนี้ไว้เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทใด ความแข็งแกร่งที่ไม่รู้จักนี้เสมือนฝันร้าย ค่อยๆ กัดกร่อนแนวป้องกันทางจิตใจของพวกเขาทีละน้อย
ทั้งสี่คนเงียบกันอยู่นาน พยายามวิเคราะห์ความหมายของข้อความนี้
ทำไมถึงต้องเตือนแบบนี้?
ใครเป็นคนเขียนข้อความนี้กันแน่? หรือว่า สมรภูมิหลักเกิดเรื่องผิดพลาดบางอย่าง? แต่พวกเขาเป็นเพียงหมากที่ถูกทิ้งขว้างในเขตมืดอันมืดมิด ทำไมถึงต้องมาเจาะจงเล่นงานพวกเขาด้วย?
และที่สำคัญ สิ่งมีชีวิตแบบไหนที่สามารถทำได้ถึงเพียงนี้?
“จักรพรรดิกระดูก พวกเราควรทำอย่างไรต่อไป?”
ทั้งสามคนหันไปหาผู้นำของพวกเขา ในขณะนี้พวกเขาก็รู้สึกสับสน ไม่รู้จะก้าวเดินต่อไปทางไหน
จักรพรรดิกระดูกครุ่นคิดอยู่นานมาก ก่อนจะตัดสินใจครั้งสำคัญในใจ
“ในเมื่อถึงจุดนี้แล้ว พวกเราก็ต้องใช้แผนสุดท้ายแล้ว”
เมื่อพูดจบ คนอื่นๆ ต่างแสดงความตกใจ : “จะทำแบบนั้นจริงๆหรือ?”
จักรพรรดิกระดูกพยักหน้า: “นี่เป็นวิธีเดียวที่เหลืออยู่”
“พวกเราจะลองติดต่อสมรภูมิหลักให้ได้ก่อน”
จากนั้นจักรพรรดิกระดูกทั้งสี่เริ่มต้นการคำนวณ ส่งข้อมูลของตนออกจากเขตมืดอันมืดมิด ไปยังสมรภูมิหลักที่อยู่ไกลโพ้น
เวลาห้าสิบปีในเขตมืดอันมืดมิดผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จิตสำนึกหนึ่งปรากฏขึ้นในเขตมืดอันมืดมิด
เมื่อจักรพรรดิกระดูกทั้งสี่สัมผัสได้ถึงจิตสำนึกนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความยินดี ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ
ต่อจากนั้น จักรพรรดิกระดูกทั้งสี่กลายร่างเป็นภาพเงาของมนุษย์ คุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าจิตสำนึกอันเลือนลางในความว่างเปล่า แสดงความเคารพอย่างยิ่ง
“ท่านผู้เป็นใหญ่”
เมื่อสิ้นเสียง แสงสีทองของเซียนปรากฏขึ้นจากจิตสำนึกในความว่างเปล่า เสียงหนึ่งก็ดังก้องในหัวของจักรพรรดิกระดูกทั้งสี่
“พวกเจ้าทั้งสี่ จงดูดซับจิตสำนึกนี้ของข้าให้หมด และฟื้นฟูร่างกายของพวกเจ้าให้เร็วที่สุด จากนั้นนำโลงศพสีดำไปยังเขตหวยหนานเมื่อห้าพันปีก่อนด้วยตัวเอง”
“หากพวกเจ้ามีโอกาส จงกำจัดเขาที่ห้าพันปีก่อนตอนที่ยังไม่เติบโตในขณะที่เขายังอยู่ในวัยเยาว์ หากไม่สามารถฆ่าได้ ก็จงทิ้งโลงศพสีดำไว้ที่ห้าพันปีก่อน เรื่องอื่นๆ ไม่ต้องกังวล”
“สมรภูมิหลักตอนนี้กำลังเสียเปรียบ ข้าไม่มีเวลาพอที่จะดูแลเรื่องอื่นๆได้แล้ว การแบ่งจิตสำนึกนี้ออกมา ถือว่าเป็นการสนับสนุนสูงสุดที่ข้าสามารถทำได้”
"ข้าจะให้เวลาเจ้า 500 ปี เพื่อฟื้นฟูพลัง จงทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ"
เมื่อสิ้นคำ จิตสำนึกสีทองนั้นก็แยกออกเป็นสี่ส่วนและเข้าสู่ร่างของทั้งสี่คน
ทันใดนั้น เงาดำทั้งสี่ก็เปล่งแสงสีทองอ่อนๆ พลังชีวิตของพวกเขาก็เริ่มกลับคืนมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากได้รับพลังจิตสำนึกมาช่วยฟื้นฟู พลังต้นกำเนิดที่สูญเสียไปของทั้งสี่ก็กลับคืนมาเป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือคือการใช้เวลาในการฟื้นตัว
หากสั้นก็ 300 ปี หากนานก็ 500 ปี พวกเขาก็จะกลับมาฟื้นฟูร่างกายได้เต็มที่
แม้จักรพรรดิกระดูกจะได้รับพลังจิตสำนึกนี้มา แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากนัก
การที่ท่านผู้เป็นใหญ่ปรากฏตัวขึ้นมา ไม่ใช่สัญญาณที่ดี นั่นหมายความว่าสมรภูมิหลักกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และต้องการให้พวกเขาเข้ามาช่วย
"เยี่ยมจริง! ท่านผู้เป็นใหญ่ไม่ทอดทิ้งพวกเรา!"
จักรพรรดิ์อีกสามคนแสดงความตื่นเต้น มีความหวังว่าด้วยการแทรกแซงของท่านผู้เป็นใหญ่ การหลุดพ้นจากเขตมืดอันมืดมิดก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
"อย่าพึ่งดีใจกันเร็วเกินไป"
"การที่ท่านผู้เป็นใหญ่สั่งให้เรานำโลงศพกลับสู่อดีตเอง แปลว่าทางสมรภูมิหลักกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ต้องใช้วิธีการเปลี่ยนแปลงเส้นเวลาเพื่อพลิกสถานการณ์"
"ถ้าหากท่านผู้เป็นใหญ่ของสมรภูมิหลักพ่ายแพ้ พวกเราจะหนีไปที่ไหนก็ไม่พ้นจากการถูกลบหายไป"
คำพูดของจักรพรรดิกระดูกทำให้คนอื่นๆ ต้องเงียบลง
มันคือความจริง ศัตรูที่น่ากลัวในสมรภูมิหลัก หากสามารถเอาชนะท่านผู้เป็นใหญ่ได้ การกำจัดพวกเขานั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
เมื่อฝึกฝนมาถึงระดับนี้ พวกเขาต่างก็เข้าใจความจริงข้อนี้อย่างลึกซึ้ง การต่อสู้อย่างแท้จริงนั้น ต้องชนะเท่านั้น ความพ่ายแพ้หมายถึงการล่มสลายอย่างสิ้นเชิง
"เมื่อห้าพันปีก่อน ในเขตหวยหนาน นั่นเป็นช่วงที่ศัตรูทรงพลังเริ่มเผยตัว ข้ายังจำได้ว่าเราตอนนั้นไม่ได้สนใจเขามากนัก"
"ไม่คิดเลยว่า เวลาห้าพันปีจะทำให้เขาเติบโตถึงขนาดต่อกรกับแผ่นดินบรรพกาลได้"
จักรพรรดิกระดูกรำลึกถึงอดีต และรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ในช่วงห้าพันปีก่อน เขามีโอกาสที่จะกำจัดศัตรูได้อย่างสิ้นเชิง
"ใช่ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้สนใจเขามาก ใครจะรู้ว่าภายในห้าพันปี เขาจะเติบโตจนสามารถขังพวกเราไว้ในที่แห่งนี้ได้ด้วยเพียงดาบเดียว"
"และในช่วงเวลาสามพันกว่าปีที่ผ่านไป จากน้ำเสียงของท่านผู้เป็นใหญ่ ข้าสามารถบอกได้ว่าเขาได้เติบโตจนกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ท่านผู้เป็นใหญ่ต้องหนักใจแล้ว"
เงาดำทั้งสามถอนหายใจอย่างหนักใจ
"เวลามีจำกัด เราต้องฟื้นฟูตัวเองให้เร็วที่สุด และเดินทางผ่านกระแสแห่งกาลเวลากลับไปยังห้าพันปีก่อน เพื่อช่วยท่านผู้เป็นใหญ่" จักรพรรดิกระดูกพูดกับตัวเองเบาๆ
"แต่ถ้าเราต้องพบกับสิ่งมีชีวิตที่คอยขัดขวางเราในกระแสแห่งกาลเวลาอีกล่ะ?" คนที่เหลือทั้งสามแสดงความกังวล
"ไม่มีคำว่า 'ถ้า' อีกแล้ว ภารกิจนี้พวกเราต้องทำให้สำเร็จ ข้าเองก็อยากรู้ว่าใครกันที่มายุ่งวุ่นวายในกระแสแห่งกาลเวลา!"
"และตอนนี้เรามีท่านผู้เป็นใหญ่อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุน พวกเราจะไม่กลัวอีกต่อไป" จักรพรรดิกระดูกเปลี่ยนท่าทีจากความกลัวเป็นความแน่วแน่
"ฮัดเช้ย!"
ซูมู่ที่นอนพักอยู่ จู่ๆก็จามออกมาเสียงดัง "ใครแอบนินทาข้าอีกแล้วเนี่ย?"
เขาลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจและหาวอย่างสบายใจ
ในขณะนั้น เขารู้สึกถึงการสื่อสารทางจิตบางอย่าง รู้สึกยินดีขึ้นมาในใจ
ปลาตัวน้อย!
หายไปตั้งเดือนสองเดือน ในที่สุดก็กลับมา ถ้าไม่กลับมาอีก ซูมู่คงคิดว่ามันตายอยู่ข้างนอกแล้ว
จากนั้นเขาก็เดินตามการสื่อสารทางจิตไปยังริมฝั่งแม่น้ำ