ตอนที่แล้วบทที่ 15
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17

บทที่ 16


บทที่ 16 ปูทาง

 

เจ้ากรมโยธาเฉียนเองก็ไม่รู้เช่นกัน คิดอยู่สักพักจึงพูดว่า “ไม่ต้องคิดมากแล้ว ไม่ต้องสนใจว่าจะดีหรือไม่ดี ในเมื่อฝ่าบาทให้เราลองเผา เราก็เผามันไปก่อน ส่วนจะดีหรือไม่นั้น ค่อยรอดูตอนเผาออกมาแล้วกัน”

กงซูห่าวพยักหน้า เห็นด้วย

แม้ในใจจะรู้สึกไม่ค่อยเชื่อนัก แต่เมื่อฝ่าบาทบอกให้ทำอย่างไร ก็ต้องทำตามนั้น

ทั้งสองจึงไม่ปล่อยเวลาผ่านไปเปล่า รีบไปยังโรงตีเหล็กทางตอนใต้ของเมืองทันที

เจ้ากรมโยธาเฉียนไปหาเเถ้าแก่โรงตีเหล็กและอธิบายเรื่องราวให้ฟัง

เดิมทีเถ้าแก่โรงตีเหล็กก็ยังสงสัยอยู่ เพราะเจ้ากรมโยธาเฉียนเป็นคนที่ไม่มาหาถึงที่ถ้าหากไม่มีเรื่องสำคัญ ปกติทั้งปียังแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย

วันนี้จู่ ๆ ก็พาคนมาหาถึงที่ นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

แต่เมื่อฟังจนจบและรู้ว่าเป็นคำสั่งจากฝ่าบาท เถ้าแก่โรงตีเหล็กก็ไม่กล้าชักช้า รีบไปหาอาจารย์เหยียน ช่างตีเหล็กฝีมือดีในโรงมาให้ช่วยงานกับกงซูห่าว

พูดถึงกงซูห่าวแล้ว เถ้าแก่โรงตีเหล็กก็อดรู้สึกอิจฉาขึ้นมาไม่ได้

สองวันก่อนก็ได้ยินข่าวลือมาว่า กงซูห่าวได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาท แต่ตอนนั้นเขายังไม่ได้สนใจนัก คิดว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง เพราะวันนี้เจ้ากรมโยธาเฉียนพากงชูห่าวมาถึงที่นี่จริง ๆ อีกทั้งจากคำพูดของเจ้ากรมโยธาเฉียน ดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะให้เจ้ากรมโยธาเฉียนมาช่วยงานกงซูห่าวเสียด้วย

หลังจากกงซูห่าวอธิบายเรื่องราวให้ช่างเหยียนแห่งโรงตีเหล็กฟังแล้ว ช่างเหยียนก็รับปากว่าจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

ไม่มีคำพูดมากความ เขาจึงสั่งให้ลูกน้องไปหาหินปูนและดินเหนียวมา

ทั้งสองอย่างนี้เป็นของที่หาได้ง่าย มีขายตามร้านแถวย่านตลาด

เมื่อซื้อกลับมาแล้ว กงซูห่าวจึงผสมหินปูนและดินเหนียวตามสัดส่วน สามต่อหนึ่งส่วน ตามที่ฝ่าบาทบอก จากนั้นนำส่วนผสมเข้าไปในเตาเผาที่จัดเตรียมไว้

ตอนที่เฉินจวิ้นอธิบายวิธีทำ เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าต้องเผานานแค่ไหน จึงให้กงชูห่าวคอยกะเวลาตามสถานการณ์เอง หลังจากเผาไปหลายชั่วโมง กงซูห่าวเห็นว่าหินที่เผาเปลี่ยนเป็นสีเทาขาว จึงคาดว่าน่าจะเผาสุกได้ที่แล้ว

เมื่อเผาเสร็จ ก็รีบนำออกมาบดให้ละเอียดจนเป็นผงทันที

เมื่อเห็นว่าสิ่งของที่ได้ออกมาคล้ายกับที่ฝ่าบาทบรรยายไว้มาก เจ้ากรมโยธาเฉียนจึงถามว่า “อาจารย์กงซู นี่ก็คือปูนซีเมนต์ใช่ไหม?”

“ดูจากลักษณะแล้ว น่าจะใช่เลย”

“งั้นตอนนี้เราจะไปหาฝ่าบาทเลยดีไหม?”

“ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว เราไปพรุ่งนี้ดีกว่า พร้อมกับเผาปูนซีเมนต์เพิ่มอีกหน่อย แล้วค่อยเอาไปให้ฝ่าบาทดู”

เจ้ากรมโยธาเฉียนมองดูท้องฟ้า เห็นว่าก็เย็นมากแล้ว จึงพยักหน้าให้กับกงซูห่าว “ตกลง งั้นก็ให้ทุกคนทำงานไวขึ้นและเผาปูนซีเมนต์เพิ่มอีกหน่อยคืนนี้”

วันรุ่งขึ้น

ที่ลานหน้าตำหนักมีผู้คนมากมาย ส่วนใหญ่เป็นคนรับใช้ในตำหนักฮ่องเต้ที่มาดูเหตุการณ์ เนื่องจากฝ่าบาทบอกว่าจะใช้ปูนซีเมนต์ในการซ่อมแซมถนน ทุกคนจึงอยากมาดูว่ามันคืออะไรกันแน่

ซางจงกวนเห็นคนมุงกันเป็นวง จึงทำหน้าตึงแล้วตะเพิดให้พวกเขาแยกย้ายไป

เฉินจวิ้นพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ท่านกั๋วกงไม่ต้องโกรธ พวกเขาก็แค่อยากมาดูความสนุกเท่านั้นเอง”

ซางจงกวนจึงตอบว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมเพียงแต่ต้องการสั่งสอนพวกเขา ให้รู้จักกฎระเบียบ ฝ่าบาทใจดีกับพวกเขามากเกินไปแล้ว พวกเขาเลยยิ่งไม่รู้จักระเบียบวินัย ไม่ตั้งใจทำงาน นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาควรมาดูหรือ?”

เฉินจวิ้นยิ้มอย่างจนปัญญา และรีบปลอบโยนซางจงกวนที่ภักดีต่อเขาคนนี้

“พอแล้วท่านกั๋วกง อย่าไปถือสากับพวกเขาเลย มาดูสิว่าปูนซีเมนต์เป็นอย่างไร”

ซางจงกวนเห็นว่าฝ่าบาทไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเมื่อครู่ ก็ส่ายหน้าเล็กน้อยและไม่พูดอะไรต่อ เพราะกลัวว่าถ้าพูดมากไป ฝ่าบาทอาจจะไม่พอใจ

จึงเปลี่ยนเรื่องแล้วถามว่า “เจ้ากรมโยธาเฉียน นี่คือปูนซีเมนต์ที่ฝ่าบาทพูดถึงใช่ไหม? ของที่จะใช้สร้างบ้านและปูถนนน่ะ?”

เจ้ากรมโยธาเฉียนที่อยู่ข้าง ๆ รีบตอบด้วยความเคารพว่า “ใช่แล้ว ท่านกั๋วกง ปูนซีเมนต์นี้ข้ากับท่านอาจารย์กงชูเป็นคนเผาขึ้นมาเอง”

ขณะที่พูดก็มองดูถุงปูนซีเมนต์สิบกว่าถุงที่เพิ่งให้คนงานยกเข้ามาวางกองอยู่บนพื้น

เฉินจวิ้นให้คนเปิดถุงปูนซีเมนต์อีกใบหนึ่ง เขาหยิบขึ้นมาบีบดู พบว่ามันเนียนละเอียด คล้ายกับที่เขาเคยจินตนาการไว้

จากนั้นเฉินจวิ้นจึงสั่งให้อาจารย์กงซูทดลองใช้ปูนซีเมนต์นี้ดูก่อน

กงซูห่าวใช้พลั่วตักทราย ก้อนหิน และปูนซีเมนต์ที่เตรียมไว้ ผสมกันให้เข้ากัน จากนั้นจึงเติมน้ำลงไปเล็กน้อยและคนไม่หยุด จนกระทั่งส่วนผสมทั้งหมดกลายเป็นของเหลวข้นคล้ายโคลน จากนั้นเขาจึงนำปูนซีเมนต์ที่ผสมเสร็จแล้วไปโบกบนอิฐสีเขียว ก่อขึ้นมาเป็นกำแพงเล็ก ๆ สูงประมาณครึ่งตัวคน

ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็มองดูด้วยความตื่นเต้นและสนใจ ผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากโดนแดดเผา

เมื่อกงซูห่าวไปตรวจสอบ ก็พบว่าปูนซีเมนต์แห้งแข็งเรียบร้อยแล้ว

เฉินจวิ้นกับทุกคนล้อมรอบกำแพงเล็ก ๆ นั้นดูด้วยความสนใจ เมื่อเห็นว่ามันแห้งแข็งดีแล้ว จึงสั่งให้องครักษ์เหอลองทดสอบความแข็งแรงของกำแพงนี้

องครักษ์เหอรับคำสั่ง แล้วให้ทุกคนถอยห่างออกไปเล็กน้อย เกรงว่าแรงเตะของเขาจะทำให้กำแพงพังและเกิดอันตรายกับคนที่อยู่ใกล้

เนื่องจากองครักษ์เหอมองดูรอบ ๆ กำแพงแล้วพบว่าอิฐถูกวางในแนวนอน เมื่อมองจากด้านข้างจึงเห็นว่ากำแพงบางมาก องครักษ์เหอคิดว่าด้วยกำลังของเขาน่าจะสามารถเตะกำแพงนี้ให้พังได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเห็นว่าองครักษ์เหอจัดท่าทางพร้อมและเตรียมตัวจะวิ่งพุ่งเข้ามาเตะกำแพงให้พัง

กงซูห่าวมองท่าทางนั้น แล้วหันไปมองรูปร่างกำยำขององครักษ์เหอ ทำให้เขารู้สึกหมดหวังกับกำแพงที่ก่อด้วยปูนซีเมนต์นี้ขึ้นมาในทันที

ขณะที่กงซูห่าวกำลังคิดว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับฝ่าบาทอย่างไรต่อดี เขาก็เห็นว่าองครักษ์เหอพุ่งเข้าไปแล้วเตะใส่กำแพงเต็มแรง แต่ปรากฏว่ากำแพงไม่กระเทือนแม้แต่น้อย กลับเป็นองครักษ์เหอที่ล้มลงไปนอนกับพื้นแทน

เมื่อเห็นองครักษ์เหอที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้ามึนงง

กงซูห่าวอ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไรก็พูดไม่ออก เพราะเขารู้สึกตกใจมาก

เฉินจวิ้นยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าอย่างพอใจ เห็นได้ชัดว่าปูนซีเมนต์ที่ทำขึ้นมานั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

เมื่อเห็นองครักษ์เหอยังคงมีสีหน้ามึนงง ไม่รู้จะทำอย่างไรเฉินจวิ้นจึงสั่งให้บรรดาองครักษ์รีบเข้าไปช่วยประคององครักษ์เหอขึ้น

เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรมากนัก จึงรู้สึกโล่งใจ

องครักษ์เหอเป็นคนที่มีบุคลิกค่อนข้างซื่อ ๆ เฉินจวิ้นกลัวว่าเขาจะล้มลงจนหัวฟาดและทำให้เขาหมดสติไปเลย เรื่องแบบนั้นคงจะไม่ดีนัก

เมื่อทุกคนยังคงอยู่ในความประหลาดใจ ไม่สามารถหายจากอาการตกใจได้ เฉินจวิ้นจึงยิ้มและพูดเสียงดังว่า “ดี ดีมาก แข็งแรงดี ดูเหมือนว่าปูนซีเมนต์ที่อาจารย์กงซูเผาได้ประสบความสำเร็จแล้ว”

“ทั้งหมดนี้ก็เป็นพระคุณของฝ่าบาท ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่าบาทบอกวิธีให้กระหม่อม กระหม่อมก็คงไม่สามารถเผาปูนซีเมนต์ได้สำเร็จแน่” กงซูห่าวฟื้นสติกลับมา และแสดงท่าทางถ่อมตัว

เฉินจวิ้นเห็นกงซูห่าวพยายามชมตน ก็ยิ้มเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรมาก

เขารีบให้คนผสมปูนซีเมนต์เป็นคอนกรีตแล้วปูถนนในลานให้เป็นถนนปูนซีเมนต์

เมื่อเห็นว่ากงชูห่าวทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ใช้ปูนซีเมนต์ที่ทำเสร็จทั้งหมดปูถนนออกมาเป็นถนนปูนซีเมนต์ที่ค่อนข้างกว้างเฉินจวิ้นพยักหน้า และเมื่อถนนแห้ง นี่จะเป็นถนนปูนซีเมนต์เส้นแรกในโลกนี้

เมื่อคิดว่าวังหลวงนั้นกว้างใหญ่ไพศาล เฉินจวิ้นวางแผนที่จะเปลี่ยนพื้นทุกส่วนในวังหลวงให้เป็นถนนปูนซีเมนต์ทั้งหมด ยกเว้นพื้นที่ที่มีต้นไม้

ดังนั้นเฉินจวิ้นจึงเรียกให้ซางจงกวน, เจ้ากรมโยธาเฉียน และกงซูห่าวมาประชุมพูดคุยเกี่ยวกับความคิดนี้ ทุกคนต่างเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าตอนฝนตก วังหลวงก็จะไม่เปียกโคลนอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซางจงกวนจะเห็นด้วย แต่ก็ยังเตือนฝ่าบาทว่า การเปลี่ยนพื้นถนนทั้งหมดในวังหลวงให้เป็นถนนปูนซีเมนต์นั้น จะต้องใช้เงินไม่น้อย

เมื่อกงซูห่าวอธิบายกับซางจงกวนว่า วัสดุที่ใช้ทั้งหมดนั้นราคาถูก ไม่ต้องใช้เงินมากมายอะไร

ซางจงกวนจึงไม่มีข้อโต้แย้งอีก โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทพูดว่า สามารถทำปูนซีเมนต์นี้เป็นสิ่งที่เฉพาะของตำหนัก และสามารถขายให้กับคนอื่นได้

5 1 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด