ตอนที่แล้วบทที่ 15 บทมันสลับกันรึเปล่า?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17 ใช้งานมรดกนักเยียวยาแห่งรัตติกาล!

บทที่ 16 จ้าวแห่งหมอกมัว


บทที่ 16 จ้าวแห่งหมอกมัว

ระหว่างทางไปยังห้องโถงด้านในของไนต์คลับ

เย่เหรินถามเจียงเสี่ยวหรูออกมาเบาๆ “ตอนที่ฮั่นฉุนเรียกเธอไปหา เธอรู้รึเปล่าว่าเขาคิดไม่ดี?”

“รู้...รู้ค่ะ”

เสียงของเจียงเสี่ยวหรูเบาเหมือนเสียงยุง ถึงแม้เธอจะเป็นเด็กดี แต่เธอก็ยังคงรู้เรื่องนี้อยู่แก่ใจ

“แล้วทำไมเธอยังเชื่อฟังเขาล่ะ?!”

เจียงเสี่ยวหรูพูดอย่างเขินอาย

“ตอนเด็กๆ ครอบครัวของฉันมักจะบอกว่า ฉันจะต้องเชื่อฟังคนอื่นๆ ฉันถึงจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้...”

เย่เหรินนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำพูดของเจียงเสี่ยวหรู

สิ่งที่เจียงเสี่ยวหรูพูด ก็เหมือนกับที่พ่อแม่ของเขาในชาติที่แล้วเคยสอนเอาไว้

อยู่ในโรงเรียนจะต้องเชื่อฟังครู

อยู่ในสังคมจะต้องเชื่อฟังหัวหน้า

ต้องอดทนกับความยากลำบาก ต้องเรียนรู้ที่จะสังเกตคนอื่นๆ มันถึงจะมีชีวิตที่ดี และประสบความสำเร็จได้

เรื่องแบบนี้

ในครอบครัวทั่วไป โดยเฉพาะครอบครัวที่ยากจน

มีให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง

พ่อแม่พวกนั้นไม่มีอำนาจ ไม่มีวิสัยทัศน์ พวกเขาต่างก็พบกับความอยุติธรรมในสังคม

พวกเขาไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนมันได้อย่างไร

ได้แต่เตือนลูกๆ ของพวกเขา

พวกเขาหวังเพียงว่า ลูกๆ จะถูกตีน้อยลง และทนทุกข์ทรมานน้อยลง

ถึงแม้ว่าความรักของพวกเขาจะเป็นความรักที่บริสุทธิ์

แต่มันกลับทำให้เด็กๆ มากมายสูญเสียความแพชชั่นและกำลังใจไป

สังคมยังไม่ได้ทำให้เด็กๆ สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปเท่านั้น แต่พวกเขาสูญเสียมันไปตั้งแต่ที่บ้านแล้ว

หากเด็กๆ ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง พวกเขาจะเป็นเด็กๆ ได้ยังไงกัน?

เย่เหรินฟังคำพูดของเจียงเสี่ยวหรู

เขานิ่งเงียบ

แน่นอนว่าเลอวั่นอี้รู้เรื่องราวของเจียงเสี่ยวหรูดี

เด็กสาวที่ไม่สามารถใช้ทักษะการเยียวยาได้ แต่กลับติดอันดับหนึ่งในวิชาทฤษฎี

เลอวั่นอี้อาจจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่ในวันนี้เธอได้พบกับเจียงเสี่ยวหรูตัวเป็นๆ

ทำให้เลอวั่นอี้เข้าใจเจียงเสี่ยวหรูมากขึ้น

โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ฉันจะต้องเชื่อฟังคนอื่นๆ ฉันถึงจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้...” มันทำให้เลอวั่นอี้รู้สึกสะเทือนใจ

เลอวั่นอี้นึกถึงตอนที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อจะจับผิดเจียงเสี่ยวหรู มันทำให้เธอรู้สึกละอายใจ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ

ในขณะที่เลอวั่นอี้กำลังจะเข้าไปปลอบเจียงเสี่ยวหรู

เย่เหรินกลับพูดออกมาซะก่อน

“เสี่ยวหรู ครูจะบอกเธอให้รู้ไว้ เธอน่ะไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร”

“ครูเย่ หนูรู้ค่ะ”

“ฉันไม่ได้อยากให้เธอรู้ ฉันอยากให้เธอพิสูจน์มันออกมา”

เย่เหรินขัดจังหวะเจียงเสี่ยวหรู เขามองเจียงเสี่ยวหรูอย่างจริงจัง

“ฟังนะเสี่ยวหรู หลังจากคืนนี้ เธอจะได้เกิดใหม่อีกครั้ง ฉันจะช่วยเธอสร้างบันไดสู่สวรรค์ แต่เธอจะต้องสัญญากับฉันเรื่องหนึ่งก่อน...”

เขามองไปที่เจียงเสี่ยวหรูอย่างจริงจัง เขาพูดทีละคำ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จงใช้ชีวิตเพื่อตัวของเธอเอง”

เย่เหรินหวังว่าเจียงเสี่ยวหรูจะกลายเป็นนกฟีนิกซ์ที่โบยบินได้ ไม่ใช่ว่าวที่ถูกล่ามโซ่เอาไว้

ท่าทีที่จริงจังของเย่เหรินทำให้เจียงเสี่ยวหรูไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอได้แต่พยักหน้ารับ

เลอวั่นอี้ที่ได้ยินคำพูดของเย่เหริน เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดวงตาที่สวยงามของเธอกำลังเปล่งประกาย

ในตอนนั้นเอง เย่เหรินไม่เพียงแต่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับนักเรียน แต่เขายังใส่ใจถึงการเติบโตทางจิตใจของนักเรียนอีกด้วย

นี่มันยังคงเป็นครูผู้สอนชั้นเรียนห่วยๆ ที่เธอเคยรู้จักอยู่รึเปล่าเนี่ย???

สงบนิ่ง มั่นใจ แข็งแกร่ง และมีความรับผิดชอบ

ในเวลาแค่คืนเดียว เย่เหรินได้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่ยอดครูพึงมี

โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่เขาพูดกับเจียงเสี่ยวหรู มันคงจะทำให้ครูหลายๆ คน ที่สนใจแต่ผลการเรียนของนักเรียน ไม่ได้ใส่ใจถึงพฤติกรรมของนักเรียนต้องละอายใจแน่

เลอวั่นอี้รู้สึกเหมือนกับว่า พี่ชายเย่ คนที่คอยปกป้องเธอมาโดยตลอดได้กลับมาแล้ว

ใช่ เย่เหรินมักจะคอยปกป้องเธอแบบนี้ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก...

“ถึงแล้ว”

ในขณะที่เลอวั่นอี้กำลังคิดถึงอดีต

จางเจ๋อพูดขึ้น

เขามองไปที่คนทั้งสี่ที่อยู่ตรงหน้าเขา ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง

“พี่สาวของผมอาจจะอารมณ์ไม่ดี จำไว้ให้ดี เมื่อเข้าไปข้างในจะต้องสุภาพ”

ก่อนที่จางเจ๋อจะพูดจบ

ประตูสูงห้าเมตรก็ถูกเปิดออก

“ไอ้อ้วนปากเสีย ข้างนอกเขาลือกันว่าฉันเป็นคนยังไง!!”

จางเจ๋อที่ได้ยินประโยคนั้น เขาก็รู้ทันทีว่าแย่แล้ว

เขารีบใช้พลังปกป้องตัวเอง

ทั้งตัวจางเจ๋อมีกลิ่นแอลกอฮอล์อบอวลอยู่ ม่านหมอกแอลกอฮอล์สีม่วงอ่อนๆ ปรากฏขึ้นที่หน้าประตู

ทักษะเฉพาะตัวของนักดื่ม

ม่านหมอกแห่งความโกลาหล: มันส่งผลต่อการโจมตีทุกชนิด และลดความเสียหายของการโจมตีได้ และนักดื่มที่แข็งแกร่งยังสามารถใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลได้อีกด้วย

เลอวั่นอี้ที่เห็นแบบนั้น

ดวงตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย เธอพึมพำกับตัวเอง “ระดับเพชร...”

ใครจะไปคิดว่า ผู้มีพลังระดับเพชรจะยอมลดตัวมาเป็นผู้ดูแลไนต์คลับ...

ไนต์คลับแห่งนี้กำลังซ่อนความลับอะไรเอาไว้กันแน่?... และเย่เหรินไปรู้จักกับคนพวกนี้ได้ยังไง?

เลอวั่นอี้มองเย่เหรินด้วยความสับสน

ในสายตาของเธอในตอนนั้นเอง เย่เหรินดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มด้วยผ้าคลุมลึกลับที่เธอไม่อาจมองทะลุผ่านไปได้

“ตูม!!”

ถึงแม้ว่าจางเจ๋อจะเปิดใช้งานทักษะล่วงหน้าไปแล้ว

แต่เขาก็ยังคงโดนพลังที่ทรงพลังจากด้านหลังประตูซัดจนกระเด็น

เขากระแทกเข้ากับกำแพง มันทำให้เกิดฝุ่นคละคลุ้ง

“พี่สาว ทำไมต้องทำกับน้องชายแบบนี้ด้วย? นี่ยังมีคนนอกอยู่ที่นี่เลยนะครับ”

หลังจากที่ฝุ่นจางหายไป จางเจ๋อก็ดึงเสื้อสูทที่ขาดออกอย่างเงียบๆ

เขาเผยให้เห็นแขนอันแข็งแกร่งพร้อมกับพูดอย่างช่วยไม่ได้

ทำไมฉันถึงได้มีชื่อเสียงแบบนี้ไปได้? ใครๆ ก็รู้ว่าเธอเป็นคนใจร้อนทั้งนั้น

แต่คนข้างนอกไม่ได้สนใจอะไรคำพูดของจางเจ๋อ พวกเขาดุด่าจางเจ๋อ

“เจ้าอ้วนปากเสีย รีบพาเจ้าหนูน้อยเย่เหรินกับผู้สืบทอดเข้ามาเร็วๆ ได้แล้ว ส่วนคนอื่นๆ ห้ามเข้ามา!!”

จางเจ๋อหันหน้ากลับไปพร้อมกับรอยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้

“เชิญทางนี้ครับ ส่วนอีกสองคน ได้โปรดรอสักครู่”

เย่เหรินพาเจียงเสี่ยวหรูเข้าไปในห้อง

เจียงเสี่ยวหรูที่เพิ่งเดินเข้าไป เธอก็ตกตะลึงกับความหรูหราที่อยู่ภายใน

โคมระย้าที่หรูหรา มันทำมาจากเพชร

รูปปั้นนูนต่ำที่งดงาม

ไม่ต้องพูดถึงภาพวาดล้ำค่า เธอยังไม่รู้จักชื่อของมันด้วยซ้ำ

เย่เหรินโค้งคำนับ

“ผู้น้อยเย่เหริน ขอคารวะ จ้าวแห่งหมอกมัว”

ทันทีที่เขาพูดจบ

ก็เกิดลมแรงขึ้นในห้อง ม่านหมอกสีเทาพุ่งตรงไปที่เย่เหรินในทันที

มันเหมือนผีที่ไม่มีร่าง “นายรู้จักฉันด้วยงั้นเหรอ?”

เย่เหรินมองดูเธอด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ในโรงเตี๊ยมอิสระ มีเพียงแค่สามคนเท่านั้นแหละที่กล้าทำแบบนี้กับจางเจ๋อ ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็ไม่ใช่ผู้หญิง...”

หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขา

คือหนึ่งในสามปรมาจารย์ผู้เลิศล้ำของโรงเตี๊ยมอิสระ จ้าวแห่งหมอกมัว ผู้ที่รู้จักกันในนาม หญิงสาวผู้เลี้ยงวิญญาณ

ที่จริงแล้วตอนที่จางเจ๋อพูดถึงพี่สาวข้างนอก มันก็เท่ากับว่าเขากำลังเปิดเผยตัวตนของจ้าวแห่งหมอกมัวอยู่แล้ว

จ้าวแห่งหมอกมัวได้ยินการวิเคราะห์ของเย่เหริน

เธอโบกมืออย่างใจร้อน “เจ้าอ้วนปากเสียนั่น นายทำให้ฉันหมดสนุกอีกแล้ว”

“ดูเหมือนว่านายจะรู้จักโรงเตี๊ยมอิสระเป็นอย่างดี” จ้าวแห่งหมอกมัวบินไปข้างๆ เย่เหริน แต่ออร่าของเธอกลับไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

แรงกดดันอันมหาศาลนั้นทำให้เย่เหรินต้องเปิดใช้งานร่างเต๋าฟ้าประทานโดยไม่รู้ตัว

ถึงแม้เขาจะรู้สึกถึงความกดดัน แต่เขาก็ยังคงรู้สึกมั่นคง

“เฮ้ ฉันมองทะลุตัวนายไม่ได้ น่าสนใจ น่าสนใจมาก ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าวิญญาณของนายจะเป็นยังไงกันแน่”

จ้าวแห่งหมอกมัวกำลังบินวนรอบเย่เหริน เธอมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็น

เย่เหรินที่เปิดใช้งานร่างเต๋าฟ้าประทาน เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขาจากทุกทิศทุกทาง

พวกมันกำลังจะรัดวิญญาณของเขาเอาไว้

บ้าเอ๊ย...

เย่เหรินอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาในใจ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด