บทที่ 11
บทที่ 11 ยามเช้าของ หวังต้าหนิว และจางซุ่ยฮวา
พระอาทิตย์ยามเช้า สาดแสงอันร้อนแรงลงมายังพื้นดินที่กว้างใหญ่
ชาวนาที่ขยันขันแข็งเริ่มทยอยเดินทางมายังทุ่งนา เพื่อเริ่มต้นวันใหม่ที่แสนยุ่ง
หลังจากที่จางซุ่ยฮวาตื่นขึ้นมา นางก็ใช้น้ำล้างหน้าอย่างง่ายๆ เช็ดคราบสกปรกบนใบหน้า ทำให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม ที่เคยยุ่งเหยิงไม่น่ามอง
เมื่อนางเห็นลูกชายอย่างหวังเสี่ยวหนิวยังนอนอยู่ นางจึงไม่ปลุกเขา เพราะอยากให้เขานอนต่ออีกสักหน่อย
เนื่องจากอีกไม่นานลูกชายก็ต้องออกไปช่วยงานในแปลงนา แม้ว่าเสี่ยวหนิวยังไม่ถึงสิบขวบ แต่เขาก็ช่วยงานพ่อหวังต้าหนิวได้บ้างในงานที่ง่ายๆ
นับตั้งแต่ที่หวังต้าหนิวได้เป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาก็ยิ่งขยันมากกว่าเดิม
เช่นวันนี้ เขาออกไปทำงานแต่เช้ามืดโดยถือเครื่องมือออกไปล่วงหน้าคนเดียว
หลังจากจางซุ่ยฮวาเตรียมตัวเองเสร็จ นางก็เตรียมตะกร้าเพื่อไปตักอาหารเช้า
อาหารเช้าเรียบง่าย มีแป้งแผ่นให้คนละชิ้น และข้าวต้มหนึ่งถ้วย จางซุ่ยฮวาตักอาหารเช้าสองชุด ตั้งใจจะนำไปให้หวังต้าหนิวด้วย
พ่อครัวแจกจ่ายอาหารก็รู้เรื่องของหวังต้าหนิวดี รู้ว่าหัวหน้าทีมเขตหกคนนี้มักจะออกไปทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จึงไม่ได้ว่าอะไร และยินยอมให้จางซุ่ยฮวานำอาหารเช้าของหวังต้าหนิวไปให้ด้วย
เมื่อจางซุ่ยฮวาตักอาหารเสร็จ นางก็ถืออาหารเดินไปยังเขตหก
เขตหกคือพื้นที่ที่นายอำเภอหนงแบ่งให้กลุ่มที่หกทำงาน แต่ละทีมจะมีพื้นที่ของตัวเอง และงานของแต่ละกลุ่มคือต้องทำงานในพื้นที่ของตนให้เสร็จ
เมื่อจางซุ่ยฮวาเดินมาถึงทุ่งนา นางก็เห็นหวังต้าหนิวกำลังทำงานอยู่แต่ไกล
จางซุ่ยฮวาจึงตะโกนเรียกหวังต้าหนิวให้มากินข้าวเช้า
นางวางตะกร้าลงบนคันนา พร้อมกับเรียกหวังต้าหนิวให้นั่งลง และบ่นอยู่เป็นระยะๆ "ท่านพี่ ท่านนี่จะตื่นแต่เช้ามาทำงานทำไมกัน?"
"ลองดูกลุ่มอื่นๆ สิ เขากินข้าวเช้าเสร็จกันแล้ว ถึงจะมาเริ่มทำงานตรงเวลา"
"ข้าได้ยินมาว่าคนอื่นๆ ลับหลังด่าว่าท่านพี่โง่เขลา ที่ตื่นแต่เช้ามาทำงานคนเดียว"
หวังต้าหนิวถือแผ่นแป้งข้าวในมือ กัดคำใหญ่แล้วดื่มข้าวต้มไปหลายอึก ก่อนจะบ่นว่า "เจ้านี่ไม่รู้อะไรหรอก ข้าต้องขอบคุณฝ่าบาทที่ให้เรามีอาหารและที่พักอยู่ แถมตอนนี้ข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มชั่วคราว แล้วยังได้ค่าแรงอีก จะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่เพราะ ฝ่าบาท?"
"ข้าหวังต้าหนิวถึงจะไม่มีความสามารถอะไร แต่ก็แค่ตื่นแต่เช้ามาทำงาน หวังว่าจะตอบแทนพระคุณฝ่าบาทบ้าง ข้าถึงจะไม่เคยเรียนหนังสือ แต่ข้าก็รู้ว่า การเป็นคนต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ"
จางซุ่ยฮวานั่งลงข้างๆ และกินไปทีละคำ พูดด้วยปากที่ยังเต็มไปด้วยแป้งข้าว "ข้ารู้ว่าต้องตอบแทนบุญคุณฝ่าบาท แต่ท่านพี่ก็ไม่จำเป็นต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานขนาดนี้ ทุกเช้าก่อนฟ้าจะสว่าง ท่านไม่รู้หรอกว่าคนอื่นๆ เขาพูดลับหลังท่านพี่อย่างไรบ้าง"
หวังต้าหนิวพูดอย่างไม่สนใจ "แค่ทำงานของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว เรื่องที่คนอื่นจะพูดก็ให้เป็นเรื่องของพวกเขา"
จางซุ่ยฮวาเห็นว่าเถียงกับสามีไม่ได้ ก็เลิกคิดเรื่องนี้ไป ท่านจะตื่นแต่เช้ามาทำงานก็ตามใจ
นางนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า "ท่านพี่ ตอนข้าตักข้าวเช้าเมื่อกี้ เห็นคนมากมายมารวมตัวกัน พูดคุยกันเสียงดัง ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะต้องรีบมาส่งข้าวให้ท่าน ก็เลยไม่ได้ฟัง ท่านพี่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?"
หวังต้าหนิวกินแผ่นแป้งในมือจนหมด ดื่มข้าวต้มในชามจนเกลี้ยง เห็นว่ายังมีเศษอาหารเหลืออยู่ เขาก็ไม่ลังเลที่จะแลบลิ้นออกมาเลียจนหมด
“อื้ม รู้สิ เมื่อคืนนายอำเภอหนงจู่ๆ ก็มาเรียกพวกหัวหน้ากลุ่มชั่วคราวอย่างเราไปประชุม ประชุมกันจนดึก พอกลับมาเห็นเจ้าหลับไปแล้ว ก็เลยไม่ปลุกเจ้า”
จางซุ่ยฮวานึกได้ทันทีว่าเมื่อคืนสามีของตนถูกเรียกไปประชุม ตอนแรกก็คิดจะถามว่ามีเรื่องอะไร แต่ดันหลับไปเสียก่อน พอตื่นมาก็เห็นสามีออกไปทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง จนลืมไปเลยว่าเรื่องนั้นยังไม่ได้ถาม
นางรีบเร่งถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น "ท่านพี่ รีบเล่ามาเลย เมื่อคืนนายอำเภอหนงเรียกไปประชุมเรื่องอะไร?"
หวังต้าหนิวเห็นภรรยาสนใจ ก็ไม่ได้ลีลาอะไร ตอบไปว่า "เมื่อคืนนายอำเภอหนงเรียกพวกเราไปประชุม เพราะได้รับข่าวด่วนจากวังหลวง บอกว่าเจ้ากรมโยธาเฉียนจะพาช่างมาวันนี้ เพื่อมาติดตั้งเครื่องมือการเกษตรอะไรบางอย่าง เหมือนจะเรียกว่า ‘กังหันน้ำขนาดใหญ่’"
"แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ นายอำเภอหนงได้ยินจากคนของวังหลวงว่า ฝ่าบาทอาจจะมาเยี่ยมตรวจดู แต่นายอำเภอหนงเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมาจริงหรือเปล่า"
จางซุ่ยฮวาฟังแล้วดีใจสุดๆ "หือ! ฝ่าบาทจะมาเหรอ ฝ่าบาทไม่ได้มานานแล้วตั้งแต่ครั้งก่อน ข้านึกว่าฝ่าบาทคงจะไม่มาอีกแล้ว"
หวังต้าหนิวปฎิเสธ "ยังไม่แน่นอน แค่บอกว่าอาจจะมา"
จางซุ่ยฮวายังคงจมอยู่ในความดีใจที่อาจได้เห็นฝ่าบาทอีกครั้ง ไม่ได้สนใจสิ่งที่หวังต้าหนิวบอกนัก นางรู้สึกเสียดายมากที่คราวก่อนพลาดโอกาสไม่ได้เห็นฝ่าบาท
ครั้งก่อนที่ฝ่าบาทมา มีผู้คนมามุงดูมากมาย อีกทั้งยังมีทหารองครักษ์ของฝ่าบาทคอยปกป้องเป็นชั้นๆ จางซุ่ยฮวาอยู่ไกลเกินไปจึงไม่ได้เห็นหน้าฝ่าบาทชัดๆ
หลังจากนั้น นางก็รู้สึกเสียดายอยู่หลายวัน สำหรับจางซุ่ยฮวา การได้เจอนายอำเภอหนงแค่ไม่กี่ครั้งก็นับว่าเป็นการได้เจอขุนนางใหญ่โตแล้ว หากครั้งนี้ได้เห็นฝ่าบาทจริงๆ ก็ถือว่าเป็นโชคดีระดับที่บรรพบุรุษของตนต้องหนุนนำ หากได้เห็นฝ่าบาท นางคงได้คุยโวไปได้ทั้งชีวิต
คราวนี้เมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทจะมา จางซุ่ยฮวาก็คิดไว้แล้วว่าจะพยายามหาทางไปดูหน้าฝ่าบาทให้ได้
จางซุ่ยฮวามองหวังต้าหนิวด้วยความคาดหวัง “ท่านพี่ ฝ่าบาทมาคราวนี้ พวกเราจะได้เห็นฝ่าบาทใกล้ๆ ไหม?”
หวังต้าหนิวเห็นภรรยามีท่าทางตื่นเต้นแบบนี้ ตอนแรกก็คิดจะโม้สักหน่อย เพราะตัวเองเป็นหัวหน้ากลุ่มชั่วคราว เผื่อว่าจะได้เห็นฝ่าบาทใกล้ๆ แต่พอคิดดูแล้ว กลัวว่าถ้าพวกทหารองครักษ์ของฝ่าบาทไม่ยอมให้เข้าใกล้ขึ้นมา ภรรยาต้องบ่นว่าเขาทั้งวันแน่ๆ
คิดได้ดังนั้น หวังต้าหนิวก็พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก “เจ้าก็คิดอะไรเพ้อฝันไป ฝ่าบาทจะให้คนอย่างพวกเราดูง่ายๆ ได้ยังไง เจ้าก็ตั้งใจทำงานไป ถ้าฝ่าบาทบังเอิญเห็นเจ้าแล้วชมสักคำ นั่นก็ถือว่าเป็นวาสนาของเจ้ามาหลายสิบชาติก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นสามีดุ จางซุ่ยฮวาถึงจะทำหน้าบึ้งไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
นางรีบเก็บชามที่ทั้งสองคนกินเสร็จเรียบร้อย แล้วก็เอาตะกร้าไปวางไว้ข้างๆ
พอเห็นว่าคนอื่นๆ เริ่มทยอยมากันหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว จางซุ่ยฮวาก็รู้หน้าที่ รีบเดินไปที่ขอบนา หยิบเครื่องมือทำไร่ที่สามีเตรียมไว้อยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเดินเข้าไปหา หวังต้าหนิว แล้วก็เริ่มลงมือทำงานร่วมกับสามีทันที