ตอที่ 55 : K18
.
หลังจากเฉินหลิงตื่นก็ดูเวลา เกือบเป็นไปตามที่คาดไว้
.
เขาเดินไปยังกองบัญชาการเขตสาม ทันทีที่เขาเข้าประตูไปก็เห็นคนที่คุ้นเคยเดินมา
"เฉินหลิง ในที่สุดนายก็มา" เจียงฉินตรวจสอบรายชื่อ "ตอนนี้เราก็มากันครบแล้ว..."
สำหรับผู้คุมกฎเฉินหลิงค่อนข้างรู้สึกประทับใจเจียงฉิน คืนที่บ้านเขาถูกสัตว์ประหลาดกระดาษสีแดงทำลาย เป็นเจียงฉินสอบปากคำเขา และยังพูดกับเขาอีกว่าถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ให้ติดต่อเขาได้ทุกเมื่อ เจียงฉินจึงเป็นผู้คุมกฎเพียงไม่กี่คนที่เฉินหลิงประทับใจ
เฉินหลิงมองไปรอบๆ นอกจากตัวเขาเองกับเจียงฉินแล้ว ยังมีอีกสองคนที่อยู่ในกลุ่มที่นั่งสำรองเป็นคนที่เขาคุ้นเคย
"หัวหน้าเจียงฉิน ครั้งนี้มีแค่พวกเราไม่กี่คนเหรอครับ?"
เฉินหลิงและอีกสองคนจากที่นั่งสำรองเป็นสามอันดับแรกในการสอบผู้คุมกฎของปีนี้ ตามข้อตกลงของหานเหมิง พวกเขามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะไปคลังโบราณของวิถีทหาร แต่มีเหตุผลว่านอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ผู้คุมกฎที่ทำงานครบสามปีก็จะไปจะด้วยเช่นกัน...
"ใช่ มีแค่พวกเราไม่กี่คน" เจียงฉินยักไหล่ "เดิมทีมีคนรุ่นเดียวกับฉันอยู่ห้าหกคน แต่สองวันก่อนการสมรู้ร่วมคิดของพวกเขากับหม่าจงถูกเปิดโปง ทั้งหมดจึงถูกหานเหมิงฆ่า..."
เฉินหลิง:...
"สถานการณ์ในเขตสามของเรายังดี...นายดูสถานการณ์ในเขตห้ากับหกสิ เจ้าหน้าที่ผู้คุมกฎไม่ตายก็พิการ ส่วนจำนวนคนที่ส่งไปได้ทั้งหมดก็มีน้อยกว่าห้าคน"
เจียงฉินค่อนข้างมองโลกในแง่ดี เขาเก็บรายชื่อกลับมาแล้วเดินตรงออกไปพร้อมกับเฉินหลิงและคนอื่นๆ
"หัวหน้าเจียงฉิน เราจะไปคลังโบราณกันยังไงเหรอครับ?" ผู้คุมกฎรุ่นเดียวกับเฉินหลิงถามขึ้น เฉินหลิงจำชื่อของเขาได้ดูเหมือนเขาจะชื่อจงเหยากวง
"คลังโบราณวิถีทหารอยู่ในทะเลน้ำแข็งทางตอนเหนือของอาณาจักรออโรร่า หากนายต้องการไปที่นั่นก็ทำได้แค่นั่งเรือจากท่าเรือเท่านั้น"
"ท่าเรือวินเทอร์เหรอ มันไกลมากมั้ย…"
"จริงๆ แล้วการนั่งรถไฟไปที่นั่นก็ไม่เลวนะ"
"รถไฟ?"
เฉินหลิงสะดุ้ง เขาคิดไม่ถึงว่าในยุคนี้จะมีของแบบรถไฟ แต่เมื่อคิดอย่างละเอียด หากเป็นรถไฟไอน้ำมันก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิทยาศาสตร์ขั้นสูงหรือเทคโนโลยีอะไร...แต่เดิมทีเขาอยู่ที่ถนนหานซวงไม่เคยได้ยินว่ามีใครเคยนั่งรถไฟเลย
"ถูกต้อง เฉินหลิงนายไม่เคยนั่งงั้นเหรอ?" ดวงตาของจงเหยากวงเป็นประกาย "ถ้านายเห็นมันครั้งแรก นายต้องประหลาดใจ…นั่นมันน่าทึ่งมาก!"
"ฉันเองก็ไม่เคยนั่งเหมือนกัน...ราคาของมันไม่ถูกเลยนะ" เพื่อนร่วมงานอีกคนที่นิ่งเงียบพูดขึ้น
"ไม่ต้องกังวล พี่เหมิงจะคืนเงินค่าตั๋วในครั้งนี้"
เจียงฉินยิ้มเล็กน้อย
พวกเขาทั้งสามติดตามเจียงฉินไปจนถึงชายแดนของเขตสาม ท่ามกลางหิมะรางรถไฟทอดยาวออกไปไกล ด้านหน้าทุกคนมีชานชาลาเตี้ยๆ และทรุดโทรม
พูดว่าเป็นชานชาลา แต่จริงๆ แล้วเป็นโรงเก็บของขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นบนพื้น มีบันไดหินไม่กี่ขั้น และตู้จำหน่ายตั๋วเล็กๆ ถัดจากนั้นจะมีเลข "3" ขนาดใหญ่เขียนอยู่
สำหรับคนส่วนใหญ่ที่อาศัยในอาณาจักรออโรร่า โดยเฉพาะในเขตหลักทั้งเจ็ดเขตไม่จำเป็นต้องนั่งรถไฟเลย พวกเขาสามารถใช้ชีวิตบริเวณใกล้เคียงได้ หากไม่มีความคิดเรื่อง "การเดินทาง" ไปยังเขตสำคัญอื่นๆ...
การพัฒนาของเขตหลักทั้งเจ็ดเขตนั้น โดยพื้นฐานแล้วถูกแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกัน และจะมีลักษณะเหมือนกันทุกพื้นที่
การวางรางรถไฟมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนย้ายวัสดุระหว่างเมืองออโรร่ากับทั้งเจ็ดเขตเป็นหลัก
ดังนั้น เป็นเรื่องปกติที่รูปแบบของสิ่งอำนวยความสะดวกประเภทอื่นๆ จะเรียบง่าย
เจียงฉินเดินไปที่ตู้จำหน่ายตั๋วด้านหน้า หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมตั๋วสี่ใบ
"เดี๋ยวรอก่อน รถไฟจะถึงในอีกสิบนาที"
"ใกล้จะถึงเวลาแล้ว รถไฟจะออกวันละรอบเท่านั้น ถ้าพลาดก็จบเห่"
ทั้งสี่คนเดินไปที่ชานชาลา ในถิ่นทุรกันดารที่ว่างเปล่านอกจากตู้ขายตั๋วก็มีแค่พวกเขาสี่คนยืนท่ามกลางความเย็นยะเยือกในลมหนาว
หิมะเริ่มละลาย ชานชาลาที่ซึ่งมีลมรั่วจากทุกทิศทุกทาง เป็นเหตุให้ทุกคนต้องหดคออยู่เงียบๆ สายตามองไปสุดปลายรางรถไฟ รอรถไฟสักขบวนมาช่วยชีวิตพวกเขา
"เฉินหลิงนายเป็นยังไงบ้าง หนาวมั้ย?" เสียงกังวลของเจียงฉินดังมาจากด้านข้าง "ฉันเห็นว่านายสวมเสื้อน้อยมาก"
"ไม่หนาวครับ" เฉินหลิงส่ายหน้า
"ถ้าหนาวก็บอก ฉันจะเอาเสื้อผ้าในกระเป๋ามาให้นาย ตอนเย็นยังต้องเจ้าไปฝึกในคลังโบราณ อย่าเป็นหวัดระหว่างทางล่ะ"
ไม่รอให้เฉินหลิงตอบ เจียงฉินนั่งยองๆ และวางกระเป๋าหนังแข็งไว้ตรงนั้น เปิดกล่องและเริ่มค้นหา
"ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ" เฉินหลิงโบกมืออย่างรวดเร็ว "ผมสุขภาพดีและทนต่อความหนาวเย็นได้…"
ก่อนที่เขาจะปฏิเสธ เจียงฉินก็หยิบเสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้มออกมาพันรอบเฉินหลิงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
"ครั้งนี้ฉันเป็นหัวหน้าเขตสาม ดังนั้นฟังฉันนะ" เจียงฉินตบไหล่ "แต่ไม่เป็นไรแม้ว่านายจะเป็นหวัดระหว่างทาง ก่อนออกมาฉันพกยาแก้หวัดมาสี่ส่วนซึ่งมันน่าจะพอนะ"
" ...ขอบคุณครับ"
เฉินหลิงถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมกันหนาว และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
"ไม่เป็นไร" เจียงฉินยืนอยู่ข้างเขา ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พูดขึ้น
"เฉินหลิง...มีบางเรื่อง ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด...พี่เหมิงเป็นคนดีมาก เขาก็แค่ปากแข็ง...แล้วมันก็ในเวลาทำงานไม่ค่อยมีเวลาเป็นส่วนตัวมากนัก หากมีเรื่องเข้าใจผิด บางทีก็ขี้เกียจอธิบาย...."
"พี่เหมิงกับฉันรู้มานานแล้วถึงสิ่งที่หม่าจงกับผู้คุมกฎเขตสามทำ แต่เราไม่มีหลักฐาน...ยิ่งไปกว่านั้น หม่าจงยังมีคนหนุนหลังในเมืองออโรร่า หากไม่มีหลักฐาน พี่เหมิงก็แตะต้องเขาไม่ได้"
"ส่วนเรื่องน้องชายของนาย...เราเสียใจจริงๆ"
เจียงฉินมองเขาอย่างจริงใจ โดยไม่มีสิ่งเจือปนในดวงตาของเขา เฉินหลิงไม่ได้คาดหวังให้เขาพูดถึงเรื่องนี้ เขาจึงตกอยู่ในความเงียบท่ามกลางสายลมอันหนาวเย็น
"...ผมพอเดาได้"
ถ้าหม่าจงไม่มีคนหนุนหลัง เขาก็คงไม่สามารถขยายธุรกิจสีดำได้อย่างไร้ศีลธรรมในเขตสองและสามได้ ส่วนหานเหมิงก็เป็นเพียงผู้พิทักษ์ที่ถูกบีบออกจากเมืองออโรร่าเท่านั้น ถ้าเขาคิดจะโค่นหม่าจงที่ทรงอิทธิพลคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
"คราวนี้หม่าจงแส่หาที่ตายด้วยการพยายามลอบฆ่าพี่เหมิง ดังนั้นจึงมีเหตุผลพอที่จะถอนรากถอนโคนพวกนั้น...แต่ถึงอย่างนั้น พี่เหมิงก็ถูกเมืองออโรร่าลงโทษอยู่ดี"
เจียงฉินถอนหายใจ "นายก็รู้ ถ้าไม่ใช่เพราะจุดตัดของโลกสีเทาขนาดใหญ่ในเขตห้าและเขตหก พี่เหมิงคงติดคุกไปนานแล้ว...เป็นเพราะเมืองออโรร่าขาดแคลนกำลังคนถึงไม่ได้จัดการกับเขาในตอนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังถูกพักงาน"
"คุก?" เฉินหลิงขมวดคิ้ว "เขาไม่ใช่เหยื่อเหรอ?"
"มีคนมากมายในเมืองออโรร่าที่ไม่พอใจพี่เหมิง...ในยุคนี้ มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ซื่อตรงและจริงจังเกินไปที่จะมีจุดจบที่ดี"
ทันทีที่เจียงฉินพูดจบ เสียงดังกึกก้องก็ดังมาจากระยะไกล
"รถไฟมาแล้ว!" จงเหยากวงพูด
"...เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?" เจียงฉิน หันกลับมามองนาฬิกาที่อยู่ตรงกลางชานชาลา "ถึงก่อนกำหนดสิบนาที?"
ขณะที่เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องค่อยๆ ใกล้เข้ามา ยักษ์เหล็กสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นบนรางรถไฟที่เต็มไปด้วยหิมะ สัตว์ร้ายพ่นไอน้ำออกมามากมาย เคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆ มายังชานชาลา
จงเหยากวงที่อยู่ด้านข้างเฉินหลิงงอศอกสะกิดเขา และขยิบตาพร้อมพูดว่า "เป็นยังไงล่ะ? อลังการงานสร้างป่ะ?"
เฉินหลิงเลิกคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร
"K18...ใช่แล้ว นั่นแหละ" เจียงฉินมองดูตั๋ว เหลือบมองหมายเลขที่อยู่ด้านหน้ารถไฟ และพยักหน้าเล็กน้อย "ดูเหมือนว่าจะเร็วไปจริงๆ"
พนักงานต้อนรับเปิดประตูแล้วเดินออกมา มีทางเดินระหว่างบันไดหินกับประตู
"ถ้าพวกคุณจะไปท่าเรือวินเทอร์ให้ขึ้นรถไฟเลยครับ"
พนักงานต้อนรับตะโกน และทุกคนก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เดินขึ้นไปรถไฟทีละคน
เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้ง รถไฟก็ค่อยๆ แล่นไปตามรางและหายไปที่ปลายขอบฟ้าสีขาวเหมือนกับหิมะท่ามกลางเสียงที่ดังกึกก้อง...
.
ไม่กี่นาทีต่อมา ก็มีคนคนหนึ่งเดินออกจากตู้จำหน่ายตั๋ว
.
เขามองไปยังชานชาลาที่ว่างเปล่า ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นลากถุงผ้าสีดำเปื้อนเลือดออกมาจากด้านล่างเคาน์เตอร์ของศาลาแล้วเดินจากไป
.
ฉึกชัก-ฉึกชัก-ฉึกชัก...
.
รถไฟเหล็กสีดำอีกขบวนแล่นผ่านหิมะมาหยุดที่ชานชาลาอย่างช้าๆ
ผู้ควบคุมรถไฟโผล่หัวออกจากรถ มองไปรอบๆ แล้วพูดว่า "ไม่มีใครอยู่ที่สถานีนี้ ไปได้เลย!"
เสียงไอน้ำดังขึ้นอีกครั้ง และรถไฟก็ค่อยๆ หายไปเมื่อสิ้นสุดเส้นทาง ด้านบนของหัวเครื่องจักรสีเข้มทาสีแดงไว้ เป็นตัวอักษร "3" ที่ทั้งขนาดใหญ่และชัดเจน
.
.
.