172 - ให้ก็รับไม่ให้ก็อย่าถาม!
172 - ให้ก็รับไม่ให้ก็อย่าถาม!
ไฉ่หรงตกใจเล็กน้อย "วันนี้ไม่ใช่วันพิเศษอะไรสักหน่อย วันครบรอบการจากไปของพี่ใหญ่ก็คือพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ?"
ไฉ่ซือเถียนยืนกอดอก "เจ้ารู้แล้วยังยิ้มดีใจขนาดนี้อีกหรือ?"
ไฉ่หรงหัวเราะอย่างขมขื่น "ใช่ๆ ข้าผิดแล้ว!"
เมื่อเห็นว่าไฉ่หรงยอมรับผิดอย่างสุภาพ ไฉ่ซือเถียนจึงไม่ถือสา
"แล้วท่านพ่ออยู่ที่ไหน?"
"อยู่ในห้องโถงหลัก เจ้าควรปล่อยให้ท่านอยู่คนเดียวดีกว่า" ไฉ่ซือเถียนกล่าว
ไฉ่หรงเข้าใจดี เพราะทุกปีในช่วงเวลานี้ ท่านพ่อของเขาจะรู้สึกเศร้าหลายวัน
เขาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ ความสุขที่ได้เป็นเพื่อนกับฉินโม่ก็จางหายไปไม่น้อย "ข้ามีเรื่องจะรายงานท่านพ่อ!"
"เจ้ามีเรื่องอะไร?" ไฉ่ซือเถียนมองเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะขมวดคิ้ว "หรือว่าคนของตระกูลโหวมาก่อกวนเจ้าอีกแล้ว?"
"ไม่ใช่" ไฉ่หรงส่ายหน้า "โอ๊ย สรุปว่าเป็นเรื่องดี ข้าขอไปหาท่านพ่อก่อน!"
เมื่อเห็นว่าไฉ่หรงไม่ยอมบอกอะไร นางจึงเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วหันไปมองลานบ้าน นางคิดถึงคำพูดของท่านพ่อ
นางต้องแต่งงานแล้วหรือ?
แต่ว่าหากนางแต่งงานไป ใครจะมาดูแลท่านพ่อกับพี่รอง?
หากเป็นไปได้ นางอยากจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต แม้หากต้องแต่ง ก็อยากแต่งกับคนที่สามารถปกป้องตระกูลไฉ่ได้
แต่คนเช่นนั้น จะยอมแต่งกับนางได้อย่างไร?
นางจะทำอย่างไรดี?
เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกสับสน
ในขณะเดียวกัน ไฉ่หรงก็มาถึงห้องโถงหลัก "ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว!"
เมื่อเห็นไฉ่หรง ไฉ่เส้าพยายามฝืนยิ้มเล็กน้อย "หากไม่มีเรื่องอะไรก็ออกไปก่อน ปล่อยให้ข้าอยู่คนเดียวเงียบๆ"
"ท่านพ่อ คนตายไปแล้วไม่อาจหวนกลับ พี่ใหญ่จากไปสามปีแล้ว หากเขาเห็นท่านเป็นแบบนี้ เขาคงจะเสียใจ!"
ไฉ่หรงเข้าใจดีว่าการจากไปของพี่ชายมีผลกระทบต่อท่านพ่อมากเพียงใด ตั้งแต่นั้นมาสุขภาพจิตใจของบิดาก็ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ
"เจ้าเริ่มสั่งสอนพ่อแล้วหรือ?" ไฉ่เส้าแค่นเสียง พลางจิบเหล้าอีกคำ
ไฉ่หรงถอนหายใจ "วันนี้ เยว่อ๋องและฉินโม่มาเยี่ยมหมู่บ้านเล็กๆ ของเรา!"
"พวกเขามาทำอะไรที่นั่น?" ไฉ่เส้าวางจอกเหล้าลงแล้วถาม
"พวกเขาสนใจหมู่บ้านเล็กๆ ของเรา เลยอยากจะซื้อ" ไฉ่หรงกล่าว
ไฉ่เส้ามองด้วยแววตาเย้ยหยัน "ข้ารู้อยู่แล้วว่าเป็นเช่นนี้ ช่างเถิด ถ้าพวกเขาต้องการก็ให้ไป"
"ตอนแรกข้าก็พูดเช่นนั้น แต่ฉินโม่กลับยืนยันที่จะซื้อด้วยเงินก้อนโต ข้าไม่กล้ารับเงิน เขาเลยเสนอให้ข้าใช้หมู่บ้านเล็กๆ นี้เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน ทำธุรกิจร่วมกับเยว่อ๋อง เขายังบอกว่าจะพาข้าไปพบปะสังสรรค์ วันพรุ่งนี้ให้ข้าไปร่วมรับประทานอาหารที่ร้านไห่ตี้เหลา จะพาให้เฉิงต้าเป่าและคนอื่นๆ ยอมรับข้า!" ไฉ่หรงพูดด้วยความตื่นเต้น
ไฉ่เส้ารู้สึกตกใจอย่างยิ่ง แต่จากนั้นก็ขมวดคิ้วลึก "ไม่มีใครทำดีโดยไม่มีเหตุผล เขาดีต่อเจ้าไปทำไม? เยว่อ๋องเป็นโอรสของฮ่องเต้ ส่วนฉินโม่เป็นราชบุตรเขยใหญ่ บุตรชายของฉินกว๋อกง ผู้ที่ฮ่องเต้และฮองเฮารักใคร่ อีกทั้งไม่กี่วันก่อนเขาก็ได้สร้างผลงานยิ่งใหญ่จนได้รับการแต่งตั้งเป็นติงหยวนโหว อนาคตของเขาสดใสยิ่งนัก ในอนาคตเขาจะกลายเป็นเสาหลักของต้าเฉียนแน่นอน เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ ทำไมพวกเขาจึงมาใกล้ชิดกับเจ้า?"
"ท่านพ่อ ฉินโม่ต้องการเปิดฟาร์มปศุสัตว์ เขาบอกว่าหมู่บ้านเล็กๆ ของเรามีทำเลดี อยู่ใกล้ภูเขาและน้ำ และเบื้องหลังฟาร์มปศุสัตว์นี้คือ..." ไฉ่หรงยกนิ้วชี้ขึ้นฟ้า
ไฉ่เส้าเข้าใจทันทีและหายใจลึก "เจ้าหมายถึงฮ่องเต้อยากทำธุรกิจหรือ? ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาจะมาทำธุรกิจได้อย่างไร?"
ไฉ่หรงหัวเราะขื่น "นี่เป็นคำพูดจากปากของฉินโม่เอง เยว่อ๋องก็ไม่ได้คัดค้าน!"
ไฉ่เส้าสะอึกและลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ เขาเดินไปเดินมาในห้องโถง หัวใจเต็มไปด้วยความคิดสับสน
หลี่ซื่อหลงดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเขา แท้จริงแล้วก็คือการใช้เขาเป็นตัวอย่าง เพื่อปลอบโยนเหล่าผู้ให้การสนับสนุนราชวงศ์เก่า
นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงให้โลกเห็นถึงความเมตตาและใจกว้างของหลี่ซื่อหลง
ถึงขั้นยกบุตรสาวคนโตให้เป็นสะใภ้ของเขา
แต่แล้วอย่างไร?
ตระกูลไฉ่ถูกกีดกันออกจากราชสำนักมาหลายปีแล้ว และถึงแม้พวกเขาจะมีสิทธิ์เข้าเฝ้าและร่วมประชุมขุนนางในราชสำนัก ไฉ่เส้าก็มักใช้ข้ออ้างเรื่องอายุมากและสุขภาพอ่อนแอในการอยู่บ้านเสมอ
แท้จริงแล้ว นอกเหนือจากตำแหน่งโหว ตำแหน่งอื่นๆ ล้วนเป็นตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจไม่มีโอกาสสร้างผลงานใดๆ ทั้งสิ้น
อย่าว่าแต่กว๋อกงเลย แม้แต่ขุนนางระดับเจ็ดก็ยังไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขา มิหนำซ้ำยังคอยรังแกตระกูลไฉ่อยู่เป็นประจำ
และคนที่เป็นตัวการสำคัญที่สุดคือ ตระกูลโหว
โหวเกิงเหนียน ในอดีตเคยเป็นแม่ทัพของต้าโจว เป็นผู้ติดตามคนสนิทของเขา แต่ภายหลังกลับไปเข้าร่วมกับต้าเฉียน เจ้าสารเลวนี่ลงมือสังหารสหายเก่าอย่างไร้ความปรานี
ด้วยเหตุนี้เอง โหวเกิงเหนียนจึงได้รับความไว้วางใจจากหลี่ซื่อหลงอย่างมาก
และด้วยการที่โหวเกิงเหนียนได้ทรยศต่อพี่น้องทั้งหมดแล้ว เขาจึงไม่อาจละเว้นไฉ่เส้าได้ ดังนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาจึงพยายามจับผิดตระกูลไฉ่อยู่เสมอ นั่นเป็นเหตุผลให้ไฉ่เส้าต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังทุกฝีก้าว
วันนี้ หลี่เยว่และฉินโม่มาเยี่ยมโดยอ้างว่ามาเพื่อซื้อหมู่บ้านบนภูเขาและดึงไฉ่หรงเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน
แถมยังบอกว่าจะเป็นเพื่อนกับไฉ่หรงอีกด้วย
ไฉ่เส้าไม่สามารถเข้าใจได้
สุดท้าย เขาจึงคิดได้ว่าเรื่องนี้น่าจะได้รับการอนุญาตจากฮ่องเต้เอง!
ไฉ่เส้าถอนหายใจ หลี่ซื่อหลงไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ใจแคบ และไม่ใช่คนที่ลงโทษผู้ที่หมดประโยชน์ แม้แต่ตัวเขาที่แทบไม่เคยปรากฏตัวขึ้นในการประชุมท้องพระโรง หลี่ซื่อหลงก็ไม่ถือโทษโกรธเคือง กลับกันยังส่งของบำรุงร่างกายมาให้เขาเป็นระยะๆ
เหตุที่ตระกูลไฉ่ถูกลดความสำคัญเป็นเพราะไฉ่เส้าเองที่ไม่อาจแบกหน้ารับใช้ฮ่องเต้คนใหม่ได้
ตัวเขาคือขุนนางของต้าโจว แม้ว่าหลี่ซื่อหลงจะมีความปรารถนาให้เขารับใช้อย่างเต็มใจ แต่สุดท้ายเขากลับไม่สามารถทำเรื่องทรยศเนรคุณเช่นนั้นได้
"ลงนามแล้วหรือ?" ไฉ่เส้าถาม
"เรียบร้อยแล้ว บนนี้มีตราประทับและลายนิ้วมือของฉินโม่กับเยว่อ๋อง!" ไฉ่หรงกล่าวอย่างระมัดระวังพร้อมหยิบสัญญาออกมาจากกระเป๋า
ไฉ่เส้าอ่านสัญญาอย่างตั้งใจ จากนั้นกล่าวว่า "พรุ่งนี้ไปที่นั่น แล้วฉีกสัญญานี้ซะ เข้าใจไหม?"
"ท่านพ่อ ทำไมเล่า?"
"สิ่งของของเราให้พวกเขาได้ แต่ของของคนอื่นเราเอาไม่ได้!" ไฉ่เส้าพูดอย่างจริงจัง "ไม่ว่าจะเป็นเยว่อ๋องหรือฉินโม่ พวกเขาไม่ใช่คนที่เราสามารถทำให้ขุ่นเคืองได้ เจ้าทำตามที่ข้าบอกไม่มีผิดพลาด พวกเขาอยากพาเจ้าไป เจ้าก็แค่รับฟัง ทำให้เยอะ พูดให้น้อย เขาให้เจ้าก็รับ ไม่ให้เจ้าก็อย่าไปถาม แต่จำไว้ว่า อย่าสร้างปัญหาเด็ดขาด มีบางสิ่งที่พวกเขาทำได้แต่เจ้าไม่สามารถทำได้ เข้าใจไหม?"
ไฉ่หรงยิ้มขมขื่นพร้อมพยักหน้า แล้วไฉ่เส้าก็พูดประโยคที่ทำให้เขาน้ำตาคลอ "พ่อมีเพียงเจ้าเป็นบุตรคนเดียวเท่านั้น หากให้คนผมขาวยืนส่งคนผมดำขึ้นสวรรค์อีกครั้งพ่อคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้!"
ไฉ่หรงน้ำตาไหลออกมาทันที เขาคุกเข่าลงได้กล่าวว่า "ท่านพ่อ ลูกจะปกป้องตัวเองอย่างดีที่สุด!"
เขาอาจเป็นบุตรขุนนางคุณูปการที่โชคร้ายที่สุด ตั้งแต่ที่เขาจำความได้ สิ่งแรกที่เขาเรียนรู้คือการปกป้องตัวเองและอยู่อย่างถ่อมตน
สิบกว่าปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้ยืนอย่างภาคภูมิใจเลยสักครั้ง
ไฉ่เส้าเคยคิดจะบอกให้ไฉ่หรงหาทางออกจากเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นแววตาเต็มไปด้วยความหวังของบุตรชาย เขาก็ต้องกลั้นคำพูดไว้
มันจะโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็กน้อยคนนี้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บุตรชายของเขาไม่มีเพื่อนที่สามารถพูดคุยหรือดื่มเหล้าด้วยได้เลย
ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเขาเอง ที่ทำให้ลูกหลานต้องรับผลกรรม
"ไปเถอะ พรุ่งนี้ไปงานเลี้ยง แต่งตัวให้เรียบร้อย เลือกของขวัญจากคลังสมบัติในบ้านไปมอบให้พวกเขาเป็นของพบหน้า"
"ลูกเข้าใจแล้ว!"
ไฉ่เส้ารู้สึกปลื้มใจ แต่ก็ลังเลเล็กน้อย "แต่ว่าพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของพี่ใหญ่..."
"ไปเถอะ พรุ่งนี้พี่สะใภ้ของเจ้าจะกลับมา!"
………………..