ตอนที่แล้วบทที่ 318 หนึ่งคนสองรางวัล รางวัลหัวอินนี้ไม่เอาก็ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 320 《คำกล่าวของเยาวชนจีน》

บทที่ 319 ไปกินข้าวที่บ้านเสี่ยวหวัง


โจวกั๋วไห่ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินความคิดของสวี่เย่ แต่พอคิดดี ๆ แล้ว เขาก็เข้าใจทันที

รางวัลโครงการเจ็ดสิ่ง!

รางวัลนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ

สวี่เย่กลับได้รับรางวัลนี้?

โจวกั๋วไห่รีบถามด้วยความตกใจว่า “นายได้รางวัลจริง ๆ เหรอ?”

สวี่เย่ยังคงทำหน้าประหลาดใจอีกครั้งแล้วถามว่า “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมได้รางวัลโครงการเจ็ดสิ่งถึงสองรางวัล?”

โจวกั๋วไห่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ฉันไม่ได้ถามว่านายได้กี่รางวัล รีบพูดมาเถอะ!”

สวี่เย่หัวเราะแล้วพูดว่า “คุณลองไปดูข่าวในอินเทอร์เน็ตสิ มีประกาศออกมาแล้ว รางวัลหนึ่งคือสารคดี อีกอันคือเพลง”

โจวกั๋วไห่ได้ยินดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

เขายุ่งจนไม่มีเวลามาดูโทรศัพท์ แม้แต่ใช้โทรศัพท์ก็ใช้แค่รับสายและโทรออกเท่านั้น แต่เมื่อเข้าไปดูข่าวในอินเทอร์เน็ต ก็พบว่ามีข่าวนี้จริง ๆ

ปฏิกิริยาแรกของโจวกั๋วไห่คือ เขาโชคดีมาก

ข่าวที่สวี่เย่ได้รับรางวัลขึ้นเป็นเทรนด์อันดับหนึ่งแล้ว และยังมีแท็ก "ระเบิด" แนบมาด้วย

หมายความว่าตอนนี้สวี่เย่ได้รับความสนใจอย่างมาก

และในคอนเสิร์ตส่งท้ายปีที่เขาเป็นผู้กำกับ ก็เชิญสวี่เย่มาร่วมด้วย

ในปัจจุบัน การจัดคอนเสิร์ตส่งท้ายปีนั้นยากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก่อนสถานีโทรทัศน์กลางอาศัยความได้เปรียบที่มีผู้ชมจำนวนมากดูเป็นประจำ

แต่เมื่ออินเทอร์เน็ตเข้ามา ผู้คนก็ดูทีวีน้อยลงไปทุกที

หลังจากนั้น สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นหลายแห่งก็เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีความบันเทิงมากกว่าสถานีโทรทัศน์กลาง อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นมากกว่า

แม้สถานีโทรทัศน์กลางจะยังคงครองตำแหน่งในงานฉลองวันตรุษจีนได้ แต่ในงานคอนเสิร์ตส่งท้ายปี กลับไม่สามารถสู้กับสถานีท้องถิ่นเหล่านี้ได้

ในปัจจุบัน อุปกรณ์บนเวทีของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นหลายแห่งไม่ด้อยไปกว่าของสถานีโทรทัศน์กลาง และพวกเขายังสามารถเชิญดาราได้มากกว่า

สถานีโทรทัศน์กลางจึงเจองานยากที่จะเอาชนะในคอนเสิร์ตส่งท้ายปีนี้ได้

ทำให้โจวกั๋วไห่รู้สึกกดดันอย่างมาก

ทุกครั้งเขามักจะพูดว่าไม่อยากจัดแล้ว แต่พอทางสถานีโทรทัศน์กลางมอบหมายงานนี้มา และชวนเขาไปดื่มสักสองสามรอบ เขาก็ตอบตกลง

โจวกั๋วไห่ชอบดื่มเหล้า

ทุกครั้งที่เขาตอบตกลง หลังจากนั้นก็จะรู้สึกเสียใจ

แต่พอดื่มจนมีความสุข เขาก็ลืมคำพูดที่พูดไว้ก่อนหน้านั้น

โจวกั๋วไห่ไม่ใช่คนที่ดื่มแล้วไม่รู้เรื่อง เขาอยู่ในระดับนี้ หากไม่ได้กำกับคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ สักสองสามงาน ชีวิตการทำงานของเขาก็จะไม่สมบูรณ์ ดังนั้นเขาถึงตอบตกลง

แต่พอเริ่มทำงาน เขาก็รู้สึกเสียใจอีกครั้ง

มันวนเวียนไปมาแบบนี้

ในขณะนี้ เมื่อโจวกั๋วไห่เห็นการพูดถึงข่าวนี้ในอินเทอร์เน็ต ก็เหมือนได้รับการฉีดยากระตุ้น

“คราวนี้คงจะสู้กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นได้บ้างแล้ว แม้แค่เพียงรายการของสวี่เย่รายการเดียวที่แซงหน้าสถานีท้องถิ่นเหล่านั้นได้ อย่างน้อยฉันก็สามารถอ้างได้ว่าจุดสูงสุดเรามีคนดูมากกว่า เท่านี้ก็สามารถส่งงานได้แล้ว” โจวกั๋วไห่คิดในใจ

การทำผลงานให้สมบูรณ์แบบนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่การมีความก้าวหน้า

ตราบใดที่มีความก้าวหน้า งานนี้ก็ถือว่าผ่านอย่างสมบูรณ์แบบ

ยังไงก็เถอะ ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้กำกับคนอื่น อาจทำได้แย่กว่านี้

โจวกั๋วไห่คิดว่าคราวนี้จะใช้กระแสของสวี่เย่เพื่อโปรโมทคอนเสิร์ตส่งท้ายปีของสถานีโทรทัศน์กลาง

โจวกั๋วไห่หัวเราะแล้วพูดว่า “เยี่ยมเลย นายเก่งมากเลยนะ รางวัลนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ แต่ในเมื่อนายได้มาแล้ว ต่อไปหลาย ๆ อย่างก็คงจะง่ายขึ้น”

การได้รับการยอมรับจากรัฐบาลไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อได้ตรานี้มาแล้ว หลายสิ่งที่อยากทำก็จะสามารถทำได้

ในประเทศจีนนี้ ชื่อเสียงเป็นเรื่องสำคัญ

สวี่เย่คิดถึงบทละคร The Knockout ที่เขามีในมือ ดูเหมือนว่าความเป็นไปได้ที่จะได้ถ่ายทำจะเพิ่มขึ้นอีก

ในตอนนั้นเอง หญิงสาวจากวงหยวนฉีเส้าหญิงทั้งหกคนเดินเข้ามา

เด็กสาวทั้งหกแต่งตัวต่างกันไป เสี่ยวหวังสวมกระโปรงสั้น โชว์เรียวขาขาวเนียนของเธอ

เมื่อมาถึง เสี่ยวหวังก็ยิ้มแล้วพูดว่า “พี่สวี่ ไปกินข้าวกัน”

โจวกั๋วไห่เห็นภาพนี้ก็หัวเราะ เขาจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่เจอ ทั้งสองคนยังไม่สนิทกันขนาดนี้

แต่ตอนนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุดก็คือสายตาที่ทั้งสองมองกัน

สายตาของสวี่เย่และเสี่ยวหวังที่มองกันมันชัดเจนมากว่าไม่ใช่สายตาธรรมดา

ชัดเจนว่ามีบางอย่างแอบซ่อนอยู่

ดูเหมือนว่า ความรักของสวี่กับหวัง จะกลายเป็นเรื่องจริงแล้ว

ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น สวี่เย่ก็พูดขึ้นว่า “อะไรนะ? เธอรู้ได้ยังไงว่าผมได้รับรางวัลโครงการเจ็ดสิ่ง?”

หญิงสาววงหยวนฉีเส้าหญิงต่างพากันงง

ใครถามนายเหรอ!

พวกเธอเห็นข่าวในอินเทอร์เน็ตแล้ว

เสี่ยวหวังพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ฉันไม่ได้ถามนาย ไม่ต้องพูดก็ได้ ในเมื่อได้รางวัลแล้ว นายควรจะเลี้ยงพวกเราสาวงามทั้งหกสักมื้อสิ”

สวี่เย่ถามอย่างสงสัยว่า “สาวงามหกคนที่ไหน?”

เสี่ยวหวังชกสวี่เย่หนึ่งที แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ไปไกล ๆ เลย!”

โจวกั๋วไห่เห็นสถานการณ์แล้วหัวเราะ จากนั้นก็พูดว่า “ผมมีธุระ ขอตัวก่อน”

พูดจบโจวกั๋วไห่ก็รีบเดินจากไป

เขาอายุมากแล้ว ไม่สามารถทนเห็นภาพแบบนี้ได้

หลังจากทุกคนกล่าวลาโจวกั๋วไห่แล้ว สวี่เย่พูดว่า “ไปกันเถอะ ผมจะเลี้ยงพวกเธอกินข้าวที่โรงอาหารของสถานี”

“ดีเลย!” หญิงสาววงหยวนฉีเส้าหญิงตอบอย่างดีใจ

พวกเธอไม่ได้สนใจว่าจะกินอะไร ตราบใดที่สวี่เย่เลี้ยงก็พอแล้ว

ระหว่างทางที่ทุกคนกำลังเดินไปที่โรงอาหาร หญิงสาววงหยวนฉีเส้าหญิงต่างก็งงกันไปหมด

เพราะระหว่างที่สวี่เย่เดินอยู่ หากมีใครทักเขา เขาก็จะตอบกลับไปว่า “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมได้รับรางวัลโครงการเจ็ดสิ่ง?”

ตอนแรกหญิงสาววงหยวนฉีเส้าหญิงยังเดินข้าง ๆ สวี่เย่ แต่สุดท้ายพวกเธอเริ่มเดินห่างจากเขาออกไปห้าเมตร

หมอนี่บ้าหรือเปล่า?

ใครถามนายกัน!

รางวัลหัวอินและรางวัลโครงการเจ็ดสิ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงต่อเนื่องจนถึงวันถัดไป

วันที่ 30 ธันวาคม สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นหลายแห่งเริ่มกิจกรรมโปรโมทก่อนงานคอนเสิร์ตส่งท้ายปี

โปสเตอร์ของแขกรับเชิญแต่ละคนถูกปล่อยออกมา ทำให้แฟนคลับต่างพากันตื่นเต้น

“กรี๊ดดด! เว่ยชิงเฟิงไปออกที่บลูสเตจด้วย ฉันต้องดูบลูสเตจแล้วคืนนี้!”

“เศร้าเลย! เจิ้งฉีฉีไปที่ฟรุตสเตจ แล้วอู่จื่อไค่ไปที่เมจิกสเตจ ฉันอยากดูทั้งสองเลย!”

“ไม่สนแล้ว คืนนี้ฉันจะดูสามสถานีไปพร้อมกัน!”

แฟนคลับของเหล่าศิลปินและนักแสดงต่างพากันเฉลิมฉลองในอินเทอร์เน็ต

ศิลปินเหล่านี้จะดึงดูดผู้ชมจำนวนมากให้กับสถานีเหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

จนกระทั่งช่วงท้าย ทีมงานคอนเสิร์ตของสถานีโทรทัศน์กลางได้ปล่อยโพสต์หนึ่งในเวยป๋อ

“เพลงใหม่ของสวี่เย่ การแสดงครั้งแรกในคอนเสิร์ตส่งท้ายปีของสถานีโทรทัศน์กลาง รอติดตามได้เลย!”

ด้านล่างยังมีโปสเตอร์โปรโมทของสวี่เย่แนบมาด้วย

ในโปสเตอร์นั้น สวี่เย่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว โดยไม่ได้ผูกเนกไท ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงสีดำ

สไตล์การแต่งตัวนี้ดูเรียบง่ายและสะอาดตา ประกอบกับใบหน้าของเขา ทำให้เขาดูสง่างาม

เมื่อโปสเตอร์นี้ถูกปล่อยออกมา ก็ทำให้เกิดการพูดคุยอย่างมากในหมู่ชาวเน็ต

โปสเตอร์ที่สถานีโทรทัศน์กลางปล่อยออกมา แน่นอนว่าไม่ได้เป็นภาพสุ่ม ๆ

ภาพนี้น่าจะเป็นลุคของสวี่เย่ตอนแสดงจริง

“ดูดีมากเลย หมอนี่เปลี่ยนลุคแล้วนะคราวนี้”

“ดูดีเหรอ? แต่พอฉันนึกถึงตอนเขาทำเสียงล้อเลียนลาของเขาแล้ว ฉันก็ไม่คิดว่าเขาดูดีอีกต่อไป”

“ทุกคน ผมคิดว่าอาจารย์ใหญ่ไม่กล้าทำตัวตลกแล้ว ผมสังเกตว่ามีแต่สถานีโทรทัศน์กลางที่สามารถกดดันอาจารย์ใหญ่ได้”

“ไม่สนุกเลย ไม่สนุกเลย เมื่อไหร่เราจะได้เห็นอาจารย์ใหญ่ทำตัวตลกบนเวทีของสถานีโทรทัศน์กลางบ้าง?”

คราวนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมปกติหรือแฟนคลับ ต่างก็คาดหวังเป็นอย่างมาก

ชาวเน็ตหลายคนกล่าวว่า เมื่อถึงตอนที่สวี่เย่ขึ้นแสดง พวกเขาจะดูสถานีโทรทัศน์กลางอย่างแน่นอน

แม้ว่าชาวเน็ตจะมีความสุข แต่สถานีโทรทัศน์อื่น ๆ กลับต้องเครียดแทน นักร้องที่จะขึ้นแสดงในสถานีเหล่านั้นต่างพากันงง

ทำไมต้องไปชนกับเพลงใหม่ของสวี่เย่ด้วย?

สวี่เย่ นายร้องเพลงเก่าไม่ได้เหรอ? ปล่อยทางให้พวกเราบ้างสิ

พอคิดดี ๆ ก็พบว่า แม้สวี่เย่จะไม่ได้เข้าร่วมรายการเพลงอีกแล้ว แต่เขาก็ยังออกเพลงใหม่อยู่เรื่อย ๆ

เพลงของเขาจะติดอันดับบนชาร์ตเพลงใหม่เป็นเวลาสิบห้าวัน และทุก ๆ สิบห้าวัน สวี่เย่ก็จะปล่อยเพลงใหม่ออกมาอีก

นักร้องในวงการหลายคนก็ไม่ได้สัมผัสกับตำแหน่งอันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลงใหม่อีกเลย

แม้ว่าจะขึ้นไปได้ไม่กี่วัน แต่พอเพลงใหม่ของสวี่เย่ปล่อยออกมา พวกเขาก็ถูกเขี่ยลงไป

ช่วงเวลาการซ้อมคอนเสิร์ตเป็นช่วงที่น่าเบื่อ โชคดีที่สวี่เย่มีเสี่ยวสวี่อยู่ข้าง ๆ เลยทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง

นอกจากการซ้อมแล้ว ก็ใช้เวลาไปกับการแกล้งเสี่ยวหวัง

หลายครั้งที่ทีมงานสถานีโทรทัศน์กลางเห็นฉากนี้ พวกเขาก็แอบกลายเป็นแฟนคู่รักของทั้งสองคน

คู่ ความรักของสวี่กับหวัง ดูมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่จริง ๆ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในพริบตาก็ถึงเวลาบ่ายโมงของวันที่ 31 ธันวาคม

ในขณะนั้น เวทีของสถานีโทรทัศน์กลางก็เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว และผู้ชมก็กำลังทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ

ด้านหลังเวที สวี่เย่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องพักส่วนตัวของเขา รอให้ทีมงานมาเรียก

ในตอนนั้น ประตูก็ถูกเคาะ

“เข้ามาได้เลย” สวี่เย่พูด

ประตูเปิดออก เสี่ยวหวังโผล่หัวออกมา เธอชะโงกหน้าเข้ามาสำรวจห้องของสวี่เย่แบบลับ ๆ ล่อ ๆ พอเห็นว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในห้อง เธอก็รีบเข้ามาอย่างรวดเร็วและปิดประตู

สวี่เย่มองเธอด้วยความตกตะลึง

เธอนี่ช่างกล้าจริง ๆ

ในห้องพักนี้ไม่มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด พอมีหญิงชายอยู่ด้วยกันสองคนในห้องแบบนี้ หากคนอื่นเห็นก็ต้องถูกพูดถึงในแง่ไม่ดีแน่

“พี่สวี่ ฉันมีเรื่องจะบอกนาย”

เมื่อเสี่ยวหวังมาถึงหน้าสวี่เย่ เธอยิ้มอย่างขี้เล่น

“ปฏิเสธคำสารภาพรัก” สวี่เย่พูด

รอยยิ้มบนใบหน้าของเสี่ยวหวังจางหายไปทันที

เธอมองสวี่เย่อย่างดุร้าย ในใจเธอเต็มไปด้วยความโกรธ

เธอไม่มีทางจะสารภาพรักกับสวี่เย่เด็ดขาด!

ไม่มีทางในชาตินี้!

เเสี่ยวหวังกระแทกเสียงพูดว่า “ฝันไปเถอะ ฉันจะพูดเรื่องจริง วันนี้หลังจากงานเลิกแล้ว ไปบ้านฉันด้วย”

“พ่อแม่เธอเร่งให้แต่งงานแล้วเหรอ?” สวี่เย่ถามกลับ

“นาย!”

เสี่ยวหวังโกรธจัดจนกำหมัดขึ้นมาทุบตีสวี่เย่

คราวนี้ สวี่เย่ไม่ได้ขัดขวางเธอ

ยังไงก็ไม่เจ็บอยู่แล้ว

หลังจากที่เสี่ยวหวังระบายอารมณ์ลงไปบนตัวสวี่เย่ เธอก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “พ่อแม่ฉันอยากชวนไปกินข้าว ขอบคุณนายที่ดูแลฉัน พวกเราหญิงสาววงหยวนฉีเส้าหญิงทุกคนก็จะไปด้วย”

“งั้นก็โล่งใจได้” สวี่เย่ตอบ

“นายโชคดีจริง ๆ นะ แม่ฉันไม่ค่อยลงมือทำอาหารหรอก วันนี้ก็เพราะวันสิ้นปีถึงได้ยอมลงมือทำ ตั้งแต่เที่ยงก็เริ่มเตรียมอาหารแล้ว” เสี่ยวหวังพูดอย่างภูมิใจ

สวี่เย่ถามว่า “งั้นผมคงจะไปมือเปล่าไม่ได้ พ่อแม่เธอชอบอะไรบ้างไหม? ผมจะได้เอาของขวัญไปให้พวกเขา”

“ไม่ต้องเอาของขวัญไปหรอก พวกเขามีทุกอย่างแล้ว” เสี่ยวหวังตอบ

ด้วยฐานะทางบ้านของเเสี่ยวหวัง แน่นอนว่าที่บ้านไม่ได้ขาดแคลนอะไร

สวี่เย่ก็ไม่คิดจะไปมือเปล่าจริง ๆ

หลังจากเสี่ยวหวังเดินจากไป สวี่เย่ก็โทรหาฉีตงเซียง

เมื่อสายถูกเชื่อมต่อ สวี่เย่พูดว่า “อาจารย์ฉี คุณเคยบอกว่าผมสามารถไปเลือกของจากพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามได้ตามสบายไม่ใช่เหรอ? งั้นช่วยเอาภาพ ทิวทัศน์พันลี้ ออกมาให้ผมหน่อย เดี๋ยวผมจะไปเอา”

ฉีตงเซียงเกือบจะหายใจไม่ออก

เจ้าบ้าเอ๊ย! ฉันกำลังจะเกษียณแล้ว นายต้องการให้ฉันเข้าไปนอนในคุกหรือยังไง?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด