บทที่ 23 ทะเลลึกแห่งความมืดมิด ตอนที่ 4
บทที่ 23 ทะเลลึกแห่งความมืดมิด ตอนที่ 4
พนักงานหญิงจำเวลาในการเดินเรือและจุดชมวิวในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี เธอพูดขึ้นว่า “แบบนี้ค่ะ ฉันจะรายงานเรื่องนี้กับกัปตัน ต้องขออภัยอย่างยิ่งค่ะ”
เสิ่นชงหรานโบกมือ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่กังวลว่าเรือจะออกนอกเส้นทาง”
พนักงานหญิงยิ้มเล็กน้อย “อาจมีการเบี่ยงเบนเล็กน้อย แต่จะถูกปรับเส้นทางให้ถูกต้องโดยเร็ว ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้ค่ะ”
เสิ่นชงหรานไม่ได้คาดหวังจะได้คำตอบชัดเจน เธอเพียงแค่อยากให้พนักงานบนเรือรู้สึกตื่นตัวและตรวจสอบความผิดปกติได้เร็วขึ้น
เธอไม่สามารถหยุดภารกิจได้ แต่การตรวจพบความผิดปกติและป้องกันความเสียหายก็ถือเป็นสิ่งที่ดี
เมื่อเสิ่นชงหรานเดินจากไป พนักงานหญิงก็รีบออกจากตำแหน่งเพื่อไปแจ้งเรื่องนี้กับหัวหน้าทีมของตน
เรื่องนี้มันผิดปกติ แม้จะมีการเบี่ยงเบนเส้นทางเล็กน้อย แต่ไม่น่าจะทำให้มองไม่เห็นภูเขาปาจัวเลย
วันนี้พนักงานหญิงเข้ากะเวลา 11 โมงเช้า และเธอก็ได้ยินผู้โดยสารบางคนบ่นว่าไม่เห็นจุดชมวิวแรก
ไม่นานเธอก็ไปหาหัวหน้าทีมเพื่อรายงานเรื่องนี้ และหัวหน้าทีมก็นำไปแจ้งต่อกับผู้ดูแล
ในห้องบังคับการ กัปตันรับฟังรายงานนี้และนั่งครุ่นคิด
เขามองแผงควบคุมตรงหน้า แต่บนจอแสดงเส้นทางเดินเรือไม่ได้มีปัญหาอะไร ทำไมถึงมองไม่เห็นภูเขาปาจัว?
ในตอนนั้นเอง รองผู้ช่วยกัปตันเสนอขึ้นว่า “พวกเราลองรีเซ็ตเส้นทางดีไหมครับ เพื่อดูว่ามีปัญหาจริงหรือเปล่า”
กัปตันพยักหน้า “ลองดูสิ”
พวกเขาเริ่มดำเนินการรีเซ็ตเส้นทาง โดยหน้าจอแสดงเส้นทางเริ่มนับถอยหลัง หากมีปัญหา การรีเซ็ตนี้จะทำให้เส้นทางกลับมาแสดงผลตามปกติ แล้วพวกเขาสามารถปรับทิศทางได้ตามนั้น
เมื่อการรีเซ็ตเสร็จสิ้น ผลลัพธ์ที่ปรากฏบนหน้าจอกลับทำให้ทุกคนตกตะลึง
จอแสดงให้เห็นว่าเรือเฟยเยว่ได้เบี่ยงเบนเส้นทางอย่างรุนแรง จนไม่สามารถมองเห็นเส้นทางเดิมได้เลย ซึ่งหมายความว่าพวกเขาได้แล่นเรือไปในทิศทางที่ไม่คุ้นเคยมานานแล้ว
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้!” คนหนึ่งอุทาน
กัปตันเองก็ตกตะลึง เขามองจอควบคุมที่แสดงตำแหน่งการเดินเรืออัปเดตแบบเรียลไทม์อยู่ตลอดเวลา แต่เขายังคงมีประสบการณ์มากพอจึงรีบสั่งการทันที “ปรับเส้นทาง เราต้องกลับไปเส้นทางเดิม และรายงานเรื่องนี้ให้บริษัททราบ ให้เรือสำราญลำอื่นมารับผู้โดยสารเพื่อเดินทางต่อ ส่วนเรือลำนี้ต้องกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียด”
นี่ถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ โชคดีที่พวกเขาเจอปัญหานี้ในตอนนี้ แต่พวกเขายังต้องติดต่อบริษัทเพื่อตรวจสอบว่าเรือสำราญลำอื่นจะพบกับเรือเฟยเยว่หรือไม่
ในมหาสมุทรกว้างใหญ่ ไม่ได้มีแค่เรือเฟยเยว่ที่แล่นอยู่
หลังจากได้รับคำสั่งจากกัปตัน ผู้ช่วยจึงพยักหน้ารับและพูดว่า “ครับ ผมจะรายงานทันที”
กัปตันยังคงพยายามค้นหาว่าเส้นทางเดิมอยู่ไกลจากจุดปัจจุบันแค่ไหน เมื่อเห็นผลการตรวจสอบ เขาก็พบว่าการเบี่ยงเบนนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานที่เริ่มออกเดินทาง
สีหน้าของกัปตันดูเคร่งเครียดมากขึ้น นี่ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในอาชีพการทำงานของเขา “จากนี้ไปให้ปรับทิศทางไปยังท่าเรือใกล้ภูเขาปาจัว ให้เรือของบริษัทที่ถูกส่งมารอรับผู้โดยสารที่นั่น”
แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากอีกฝั่ง คนอื่น ๆ ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจึงเงยหน้ามองคนที่กำลังจะรายงานเรื่องนี้
ชายคนนั้นยืนอยู่หน้าสายโทรศัพท์โดยไม่ขยับตัว ร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ซึ่งหยดลงมาเปียกชื้นบนพื้นไม้ในห้อง
รองผู้ช่วยกัปตันมองด้วยความสงสัย “หลี่หมิง นายเป็นอะไรไป?”
แค่พวกเขาพูดกันแป๊บเดียว เขาก็ตกน้ำแล้วงั้นหรือ?
แต่หลี่หมิงไม่ได้ตอบ น้ำที่เท้าเขายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกแปลก
กัปตันเรียกเขาเสียงต่ำ “หลี่หมิง นายยังฟังอยู่ไหม?”
ไม่นานพวกเขาเห็นนิ้วของหลี่หมิงขยับเล็กน้อย แล้วขาของเขาก็เริ่มขยับ ร่างของเขาค่อย ๆ หมุนตัวกลับมา
ใบหน้าที่ซีดขาวจากการจมน้ำของเขา เต็มไปด้วยน้ำที่ไหลออกมาตลอดเวลา แม้แต่ปากของเขาก็ยังพ่นน้ำออกมาเป็นระยะ กัปตันและคนอื่น ๆ ต่างตกใจจนพูดไม่ออก
มีลูกเรือคนหนึ่งพูดด้วยเสียงสั่น “หลี่...หลี่หมิง นายอย่าทำให้เรากลัว”
นี่ไม่ใช่คนปกติอีกแล้ว เขาคือศพที่จมน้ำมานานและลุกขึ้นมาเดินใหม่อีกครั้ง
เมื่อพวกเขานึกถึงเส้นทางที่ผิดปกติ ความหวาดกลัวก็แล่นเข้ามาในใจของทุกคน
ในขณะนั้น หลี่หมิงที่มีท่าทางแปลกประหลาดก็ยิ้มออกมา มุมปากของเขายกขึ้น พร้อมกับน้ำทะเลที่ไหลออกมาพร้อมกลิ่นคาวทะเล “ฮึฮึ พวกนายควรบังคับเรือให้ดี ๆ ล่ะ”
ร่างกายของทุกคนที่เคยแข็งทื่อเริ่มสั่นสะท้าน
หลี่หมิงไม่ใช่คนอีกต่อไปแล้ว... เขาเป็นผี!
รองผู้ช่วยกัปตันคิดจะออกจากที่นี่ แต่เมื่อเขาเพียงขยับศีรษะเล็กน้อย เขาก็เห็นเงาดำบางอย่างผ่านหางตาไป
ความชื้นในห้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นคาวทะเลโชยเข้าจมูก ความหวาดกลัวค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาห่อหุ้มพวกเขา
ลูกเรือคนหนึ่งเมื่อทนความกลัวไม่ไหว พยายามหมุนตัวเปิดประตูเพื่อหนีออกไป แต่พื้นไม้กลับเต็มไปด้วยน้ำทะเล เขาลื่นล้มลงไปบนพื้น
ขณะที่เขาพยายามลุกขึ้น ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะจากมือซ้ายทำให้เขาหันมองไปช้า ๆ สิ่งที่เขาเห็นคือร่างของศพบวมอืดนอนอยู่บนพื้น มือซ้ายของเขากดลงไปที่หน้าท้องของศพจนมือทั้งข้างจมลงไป
เขารีบดึงมือกลับทันที แต่มือที่บวมซีดของศพนั้นกลับคว้าแขนซ้ายของเขาไว้ มันเป็นศพนั่นเอง! เขาเห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของศพ ปากของมันเปิดออกและน้ำทะเลก็พุ่งออกมา เขาได้ยินเสียงที่เปล่งออกมาว่า “นายทับฉันนะ ต้องชดใช้สิ”
ชดใช้? ชดใช้ยังไง…
...
วันนี้ดีกว่าเมื่อวานเยอะ นั่นคือสิ่งที่หวงหาวคิด
เมื่อวานหัวหน้าทีมพูดถูก วันที่สองความตื่นเต้นของผู้โดยสารลดลง วันนี้พวกเขาจึงเลิกงานก่อนเวลาเกือบสองชั่วโมง
แต่หวงหาวไม่เคยทำงานหนักแบบนี้มาก่อน ในชีวิตก่อนเขาเคยเป็นเพียงพนักงานออฟฟิศทั่วไป นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ร่างกายของเขาจึงไม่ฟิตเหมือนสมัยเรียน
ตอนนี้เพื่อนร่วมงานที่อยู่ห้องเดียวกันหายไปไหนไม่รู้ และยังไม่กลับมา หวงหาวไม่ได้คิดอะไรมาก เขารีบอาบน้ำและล้มตัวลงบนเตียงทันทีด้วยความเหนื่อยล้า
เขาเพิ่งจะเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงเปิดประตู เขาคิดว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่กลับมา แต่ก็รู้สึกง่วงเกินกว่าจะทักทาย
แต่พอเขาคิดทบทวน เขาก็จำได้ว่ามีเพียงเสียงเปิดประตูเท่านั้น ไม่มีเสียงปิดประตู หรือว่าเพื่อนร่วมงานออกไปอีกแล้ว?
ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น หวงหาวเกือบจะหลับไปอีกครั้ง แต่กลิ่นคาวทะเลเริ่มโชยเข้ามา ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพวกเขาอยู่บนทะเล กลิ่นลมทะเลเป็นเรื่องปกติ
แต่ปัญหาคือกลิ่นนี้เข้มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่กี่นาทีต่อมากลิ่นคาวทะเลก็เริ่มเปลี่ยนไป มันกลายเป็นกลิ่นเหมือนปลาที่เน่าเสียอยู่ในห้อง กลิ่นนั้นแรงจนทำให้หวงหาวค่อย ๆ ได้สติ
เขาพยุงตัวขึ้นครึ่งหนึ่งและขยี้ตา เห็นว่าประตูไม่ได้ถูกปิดสนิท และมีคนยืนอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางแสงที่ส่องเข้ามา
“ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ไปนอน?” หวงหาวถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
แต่เงานั้นไม่ขยับและไม่ตอบเขา
ไม่กี่วินาทีผ่านไป หวงหาวเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ขนลุกไปทั้งตัว เขาเกือบจะลืมไปว่าภารกิจนี้คือภารกิจสยองขวัญ
โชคดีที่เขาเตรียมพร้อมไว้ตลอดเวลา เขารีบหยิบยันต์ที่พกติดตัวขึ้นมาถือไว้ในมือ และค่อย ๆ นั่งตัวตรงขึ้น เตรียมรับมือกับวิญญาณที่อาจปรากฏตัว
ภายในห้องยังคงมืดสลัว การที่จะขจัดความกลัว สิ่งแรกที่ต้องมีคือแสงไฟ โคมไฟในห้องพักพนักงานอยู่ตรงหัวเตียง
หวงหาวจ้องมองเงาคนนั้นที่หน้าประตู ขณะที่มือเอื้อมไปหาสวิตช์ไฟ แต่ทันทีที่สัมผัส เขารู้สึกได้ว่ามันเปียก
ไฟสว่างขึ้น เผยให้เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู นั่นคือเพื่อนร่วมงานของเขา
..........