ตอนที่แล้วตอนที่ 53 บรรพบุรุษหวันเจ้าอย่าล้อเล่นนะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 55 ถ้ำม่านน้ำ

ตอนที่ 54 วิญญาณหยินที่เหมาะสมกับเชือกยึดวิญญาณ


ตอนที่ 54 วิญญาณหยินที่เหมาะสมกับเชือกยึดวิญญาณ

หวันอู๋อิงยักไหล่ "ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร"

ฉู่เสวียนรู้สึกหมดหนทาง เดิมทีเขาไม่อยากจะเปิดเผยความแข็งแกร่งที่มี แต่สุดท้ายเขาก็ถูกอาจารย์ทรยศ

มีอาจารย์ที่ชอบอวดก็ปวดหัวจริงๆ

เขาจึงตอบจ้าวอู๋หยาออกไปอย่างช่วยไม่ได้ว่า  "ผู้อาวุโสจ้าว การล่มสลายของนิกายอู๋จี๋ ทำให้ข้าได้ตระหนักถึงหลักการของผู้บ่มเพาะอมตะ ที่ว่าผู้อ่อนแอย่อมพ่ายแพ้ให้กับผู้ที่แข็งแกร่งอยู่เสมอ วันนั้นจึงเป็นเหมือนการตรัสรู้ ข้าได้ออกผจญภัยเพียงลำพัง และเจอเรื่องโชคดีบ้าง มันจึงทำให้เขตแดนของข้าพุ่งทะยานได้รวดเร็วขนาดนี้”

“จริงๆแล้วคุณสมบัติของข้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าคุณสมบัติของพี่หลี่และพี่หลิวเลย มันก็แค่โชคดีเท่านั้น”

ฉู่เสวียนรู้ดีเกี่ยวกับคุณสมบัติการบ่มเพาะของเขา..ที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะโชคดีจริงๆ

ถ้าข้าไม่ได้รับกระจกโลหิตจนทะลุมิติไปยังดาวเคราะห์โลกาวินาศมาเป็นสวนหลังบ้านของข้า ข้าจะมีความแข็งแกร่งอย่างเช่นทุกวันนี้ได้อย่างไร?

เมื่อเห็นว่าเขาถ่อมตัวเพียงใด หวันอู๋อิงก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจเล็กน้อย

จ้าวอู๋หยาเองก็พยักหน้าเช่นกัน

ความโชคดีนั้นเป็นสิ่งที่ได้มาเพราะบุญเก่าของแต่ละบุคคล  ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถขอกันได้ มีตัวอย่างอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลกของผู้ฝึกฝนอมตะ  บางคนก็พลาดจนตกหน้าผา ก่อนจะมาค้นพบถ้ำที่คนรุ่นก่อนได้ทิ้งสมบัติเอาไว้โดยบังเอิญ

บางคนก็สามารถทะลวงผ่าน 1 ขั้นได้ภายในวันเดียว  และกระโดดจากมนุษย์ธรรมดาสู่ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การผจญภัยและได้มาซึ่งสมบัติต่างๆโดยบังเอิญของฉู่เสวียนไม่ใช่เรื่องน่าแปลกขนาดนั้น

หากว่าเขามีโอกาสได้พบกับสมบัติเข้าโดยบังเอิญเพราะโชคช่วยจริงๆ  ก็ไม่น่าแปลกใจที่เขตแดนของฉู่เสวียนจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา

จ้าวอู๋หยาพยักหน้าและพูดด้วยอารมณ์ว่า "ผู้อาวุโสหวัน  เจ้าเจอต้นกล้าที่ดีแล้ว"

หวันอู๋อิงยิ้ม เขารู้สึกภูมิใจเล็กน้อย

จ้าวอู๋หยายื่นมือของเขาออกมา "ข้าจะรายงานสถานการณ์ให้เจ้าสำนักทราบ  อย่างช้าที่สุดจะมีการนัดหมายเฉพาะเจาะจงภายในสองวัน  ระหว่างนี้ก็พักผ่อนที่ห้องโถงเฟยซานไปก่อน”

หวันอู๋อิงพยักหน้า "ตกลง ข้า จะรอฟังข่าวดีก็แล้วกัน"

จ้าวอู๋หยาพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้นและเหยียบพื้นอย่างดุเดือด ในตอนนั้นเขาก็หายตัวไปในพริบตา

ผู้บ่มเพาะวัยกลางคนที่เป็นคนต้องรับหวันอู๋อิงมาก่อน  ได้เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

เขาพูดด้วยความเคารพว่า "ผู้อาวุโสหวัน ข้าชื่อหลี่ซาน ข้าเป็นคนดูแลของสำนักเทียนหยินสาขา 2 แห่งนี้ ตอนนี้ข้ารับผิดชอบงานต่างๆ ของห้องโถงเฟยซาน ข้าได้จัดถ้ำชั่วคราวสำหรับเพื่อนลัทธิเต๋าของถ้ำจีหยินไว้ให้แล้ว  ผู้อาวุโสหวัน ท่าน..."

หวันอู๋อิงโบกมือ "ไม่ต้องเตรียมการอะไรหรอก เมื่อการนัดหมายอย่างเป็นทางการมาถึงในอีกสองวัน ข้าก็จะกลับไปที่ถ้ำของตัวเองแล้ว "

"ขอรับ" หลี่ซานรับคำสั่งแล้วออกไปทันที

“ไปพักผ่อนกันเถอะ” หวันอู๋อิงโบกมือ

ฉู่เสวียนและคนอื่นๆ ได้เดินตามผู้บ่มเพาะของสำนักเทียนหยินตรงไปยังถ้ำชั่วคราวที่พวกเขาได้เตรียมไว้ให้

ถ้ำที่ฉู่เสวียนเลือกนั้นตั้งอยู่ระหว่างครึ่งทางที่ขึ้นไปบนภูเขา

หลังจากที่เขาเข้ามาข้างในเขาก็ได้ทำการตรวจสอบอย่างระมัดระวัง เมื่อยืนยันว่าข้างในนี้ไม่มีใครอยู่ เขาก็เริ่มสร้างค่ายกลป้องกัน ค่ายกลเตือนภัย และค่ายกลซุ่มโจมตีขึ้นมาที่ทางเข้าให้เสร็จสิ้น  จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิบนเตียงหินและรู้สึกผ่อนคลายลงในที่สุด

เมื่อมองย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้แต่ฉู่เสวียนเองก็ยังประหลาดใจกับตัวเองเล็กน้อย

“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้นจนน่าทึ่งขนาดนี้  ทั้งที่ฮุยคงเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ข้ากลับสามารถฆ่าเขาได้ทั้งที่ยังไม่ได้เรียกเส้นเลือดโลหิตออกมาด้วยซ้ำดังนั้นความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ ก็น่าจะ..สามารถทำให้ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานที่อยู่ในระดับไล่เลี่ยกันสั่นคลอนได้”

ฉู่เสวียนยิ้มออกมาเล็กน้อย ในตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจความแข็งแกร่งของตัวเองมากยิ่งขึ้น

ขณะนี้เขาอยู่เพียงขั้นที่ 2 ของช่วงสร้างฐานรากเท่านั้น แต่กลับสามารถปราบปรามผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่ที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐานขั้นสูงกว่าได้ ดังนั้นเมื่อบรรลุถึงขั้นที่ 3 ของช่วงสร้างฐานรากแล้ว แม้แต่ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในขั้นที่ 4 ของช่วงสร้างรากฐานก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ด้วยการที่มีกระจกโลหิตอยู่ในมือ  และดาวเคาะห์โลกาวินาศยังเต็มไปด้วยซอมบี้ที่คอยให้การสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ทุกอย่างก็ไม่ไกลเกินเอื้อม

“เอ๊ะ มีการเคลื่อนไหวในเชือกยึดวิญญาณอย่างนั้นหรือ” หัวใจของฉู่เสวียนเต้นรัว เขารีบดึงเชือกยึดวิญญาณออกมาทันที

ที่ผ่านมาวิญญาณดิบที่เขาใส่เข้าไปหลายดวงต่างก็ถูกเชือกยึดวิญญาณปฏิเสธทั้งหมด

เดิมทีเขาวางแผนที่จะใช้วิญญาณดิบของซุนชือมาเป็นวิญญาณที่คอยควบคุมเชือกยึดวิญญาณ

แต่ต่อมา เขาก็ได้วิญญาณดิบของฮุยคงมา จึงตัดสินใจโยนมันเข้าไปในเชือกยึดวิญญาณเพื่อให้วิญญาณทั้งสองต่อสู้กัน เพราะมีเพียงแค่ผู้ชนะเท่านั้น ที่จะสามารถเป็นคนควบคุมเชือดยึดวิญญาณนี้ได้

และผู้ชนะก็ได้รับการตัดสินแล้ว

โฮ โฮ โฮ!

เสียงคำรามแห่งชัยชนะดังมาจากภายในเชือกยึดวิญญาณ

เมื่อฉู่เสวียนมองเข้าไปใกล้ ๆ และเห็นว่าฮุยคงกำลังฉีกวิญญาณดิบของซุนซือออกเป็นชิ้น ๆ และกลืนกินมันเข้าไป ฉู่เสวียนจึงได้เรียกฮุยคงออกมา

ฮุยคงในตอนนี้เป็นเพียงวิญญาณดิบเท่านั้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้ายและกระหายเลือด เขาได้สูญเสียจิตสำนึกไปนานแล้ว

เมื่อมันเห็นฉู่เสวียน มันก็ได้กระโจนเข้าใส่เขาทันที

แต่เมื่อฉู่เสวียนคิด เชือกยึดวิญญาณก็ได้ฟาดวิญญาณของฮุยคงอย่างแรงจนมันล้มลงกับพื้น

พรืบ!  ฮุยคงยิ้มออกมาด้วยความเจ็บปวด วิญญาณของมันก็มัวหมองลงไปมาก

แต่มันก็ยังไม่ย่อท้อ ยังคงพุ่งเข้าหาฉู่เสวียนด้วยสายตาที่ดุร้ายเช่นเคย

พรืบ! เชือกยึดวิญญาณก็ได้ฟาดเข้าไปที่ร่างของมันอีกครั้ง

วิญญาณของฮุยคงก็ได้จางลงอีกระดับหนึ่ง

พรืบ!พรืบ! ฮุยคงถูกเชือกยึดวิญญาณฟาดเข้าไปหลายสิบครั้งติดต่อกัน

จิตวิญญาณของเขาจึงมัวหมองลงจนเกือบจะโปร่งใส

เพียงอีกครั้งเดียว มันก็จะสลายไปอย่างสมบูรณ์

แม้แต่ฉู่เสวียนเองก็ได้แต่ขมวดคิ้ว

และไม่คิดที่จะสั่งการเชือกยึดวิญญาณให้ฟาดฮุยคงอีก

ขืนฟาดอีกที วิญญาณนี้คงจะแตกสลายหายไปเป็นแน่..

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ดวงตาของฮุยคงก็สงบลงในที่สุด

ตอนนี้วิญญาณของเขาไม่ต่างกับอยู่ในกำมือของฉู่เสวียน

อย่าคิดจะต่อกรกับข้าอีก...

จากนั้น ฉู่เสวียนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แค่นั้นแหละ

ด้วยความดุร้ายและความโหดร้ายในตอนนี้ของฮุยคง ก็เพียงพอที่จะเอามาเป็นวิญญาณควบคุมเชือกยึดวิญญาณได้แล้ว

หากว่าเขาได้มีโอกาสดึงวิญญาณของผู้บ่มเพาะมาได้อีกครั้งในอนาคต ก็สามารถโยนไปให้ฮุยคงกินได้ เพื่อบำรุงร่างกายของมัน

ในฐานะที่เป็นอาวุธเวทย์มนตร์ของฉู่เสวียน เชือกยึดวิญญาณจะถูกอัพเกรดขึ้นเรื่อยๆในอนาคต

และความแข็งแกร่งของฮุยคงจะค่อยๆเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ

“ดี ข้าจะได้ฝึกฝนเทคนิคการหลอมเทพเจ้าต่อไป”

ฉู่เสวียนไม่ได้เก็บเชือกยึดวิญญาณเข้าไป  เพราะเขายังปล่อยให้ฮุยคงเดินเล่นไปรอบๆ ถ้ำ

จากนั้นเขาก็หลับตา ใช้เทคนิคการหลอมเทพเจ้า เพื่อฝึกควบคุมพลังวิญญาณของเขาต่อไป

ฮุยคงแสดงสีหน้าดุร้ายต่อฉู่เสวียนหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ระงับมันไว้ด้วยความกลัว

สุดท้ายแล้ว เขาก็ทำได้แค่อยู่เฉยๆ

สองวันผ่านไปในพริบตา...

ในตอนนั้นเสียงของสวีหมิงก็ดังมาจากข้างนอกถ้ำ

“ฉู่..อาจารย์อาฉู่! ตอนนี้เราได้รับการยืนยันมาจากสำนักเทียนหยินแล้ว! บรรพบุรุษขอให้ข้ามาเรียกเจ้าออกไป!”

ฉู่เสวียนถอนหายใจออกมาเบาๆ  และก้าวออกจากถ้ำไป

ออร่าของเขาสว่างวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของสวีหมิง เมื่อเห็นสิ่งนี้  ก็ทำให้สวีหมิงรู้สึกเย็นชาและหวาดกลัว

"ว่า.." ฉู่เสวียนถามออกมาอย่างใจเย็น

สวีหมิงรีบตอบว่า "เชื้อสายถ้ำจีหยินของเราถูกยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกของสำนักเทียนหยินแล้ว"

"อย่างไรก็ตาม แทนที่จะได้ไปที่ภูเขาเทียนหยินโดยตรง แต่เราจะต้องอยู่ในอู๋โจวก่อนเพื่อช่วยกันขยายอาณาเขตของห้องโถงเฟยซานต่อไป"

.

เป็นอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด

ภูเขาเทียนหยินไม่สามารถปฏิเสธผู้บำเพ็ญแก่นปราณทองคำและผู้บำเพ็ญสร้างรากฐานทั้งสี่คนที่มาหาถึงหน้าประตูได้

นอกจากนี้ยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะได้ขยายอาณาเขตสาขาออกไปอีกด้วย

“แล้วอาจารย์ข้าอยู่ที่ไหน” ฉู่เสวียนถามขึ้นมาอีกครั้ง

สวีหมิงกล่าวด้วยความเคารพว่า "เรากำลังเลือกสถานที่ที่มีพลังทางจิตวิญญาณสูงในการเปิดถ้ำขยายอาณาเขต บรรพบุรุษบอกให้เจ้าบินตามไปทางใต้ และจะเจอเขาเอง"

"ตกลง” ฉู่เสวียนพยักหน้า

เขาหยิบดาบบังเหินเทียนกังออกมาทันที ก่อนจะมุ่งหน้าออกไปทางใต้

สวีหมิงได้แต่มองตามหลังของชายที่จากไปด้วยความอิจฉา

“ในอนาคตข้าจะต้องกลายเป็นเหมือนอาจารย์อาฉู่ให้ได้!” เขากำหมัดแน่นและตัดสินใจ

ฉู่เสวียนบังคับดาบบังเหินให้มุ่งหน้าไปทางใต้ทันที ไม่นานข้าก็สังเกตเห็นแสงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

หลี่ซวนหมิง, หลิวเจิ้งสงและอู๋เถิงควบคุมอาวุธเวทย์มนตร์บินได้ของตนเองรอเขาอยู่กลางอากาศ

เขาขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น

“ศิษย์น้องฉู่” เมื่อทั้งสามเห็นเขา ทุกคนก็ยิ้มและพยักหน้าให้

“พลังวิญญาณของศิษย์น้องฉู่ดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิมนะ” หลิวเจิ้งสงกล่าวขึ้นมาทันที

ฉู่เสวียนพยักหน้า "ขอรับข้าได้ฝึกฝนเทคนิคการหลอมเทพเจ้าขั้นที่ 1 ได้สำเร็จแล้ว "

หลิวเจิ้งสงจึงยกย่องออกมาว่า "มันเร็วมาก สำหรับคนอื่น ๆ แล้ว กว่าที่พวกเขาจะฝึกฝนเทคนิคการหลอมเทพเจ้าขั้นที่1ได้สำเร็จก็ต้องใช้เวลาสามถึงห้าปีด้วยซ้ำ”

จู่ๆในเวลานี้ก็มีเสียงดังก้องมาจากยอดเขาข้างหน้า

เห็นได้ชัดว่าหวันอู๋อิงเริ่มทำการเปิดถ้ำแล้ว

“เอาล่ะ ไปที่นั่นกันเถอะ” ดวงตาของหลี่ซวนหมิงลุกเป็นไฟ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด