166 - ทุกคนได้กินเนื้อ!
166 - ทุกคนได้กินเนื้อ!
"ราชบุตรเขยฉิน ข้ารับไม่ได้จริงๆ!" เฝิงจิ่นโบกมือปฏิเสธทันที
"หรือว่าท่านคิดว่ามันน้อยเกินไป?" ฉินโม่กล่าวพลางหยิบทองคำอีกสองแท่งออกมาแล้วใส่ลงในมือของเฝิงจิ่นโดยไม่ฟังคำทัดทาน "รับไปเถอะ แล้วดูแลพระมารดาของข้าให้ดี ข้าไม่ได้เข้าวังทุกวัน ลุงเฝิง ท่านเป็นคนใกล้ชิดของพระมารดา ต้องช่วยข้าดูแลท่านดีๆ ด้วย!"
เฝิงจิ่นเคยได้ยินชื่อเสียงเรื่องความใจกว้างของฉินโม่มานานแล้ว และวันนี้ก็ได้เห็นกับตา!
ทองคำแปดสิบตำลึงหนักอึ้งในมือ ทำให้รู้สึกปลาบปลื้มอย่างมาก
"ราชบุตรเขยฉินกล่าวอะไรอย่างนี้ การรับใช้ฮองเฮาเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว จะไปรับเงินของท่านได้อย่างไร!"
"ข้าให้ท่านแล้วก็รับไปเถอะ!" ฉินโม่ยกแขนเสื้อขึ้น "ลุงเฝิง มาช่วยข้าเตรียมของสักหน่อย!"
"ทราบแล้ว!" เฝิงจิ่นตอบรับ เดินเข้ามาช่วยเตรียมวัตถุดิบ
ฉินโม่แม้จะดูเป็นคนซื่อๆ แต่เขาก็เป็นคนที่ดีและมีน้ำใจ ไม่แปลกที่ฝ่าบาทและฮองเฮาจะโปรดปรานเขามาก
ขณะที่เตรียมอาหาร ฉินโม่ก็ฮัมเพลงไปด้วย เฝิงจิ่นถามอย่างสงสัย "ราชบุตรเขยฉิน เพลงที่ท่านฮัมคือเพลงของท่านใดหรือ?"
"อ๋อ เพลงนี้ชื่อว่า 'ขอให้ท่านโชคดี'(เป็นเพลงของจู่ไห่) เป็นเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกสดใส ช่วงปลายปีแบบนี้ร้องแล้วเข้ากับบรรยากาศ!"
เฝิงจิ่นพยักหน้า "ฟังแล้วก็ทำให้รู้สึกสดชื่นจริงๆ"
อยู่กับฉินโม่แล้วบรรยากาศก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาโดยปริยาย
เพียงครึ่งชั่วยาม ฉินโม่ก็ทำอาหารเสร็จถึงเจ็ดแปดอย่าง
เมื่อยกมาถึงตำหนักหลี่เจิ้ง หลี่ซื่อหลงเห็นอาหารหอมฉุย หน้าตาน่ารับประทานก็อดใจไม่ไหว "เนื้อนี่คือ..."
"เนื้อหมูตุ๋น ข้าทำให้พระมารดา!" ฉินโม่ตอบ
ในอาณาจักรต้าเฉียน เนื้อหมูเป็นเนื้อที่มีกลิ่นคาวและไม่เป็นที่นิยม พวกขุนนางมักไม่กินเนื้อหมู ทำให้เนื้อหมูมีราคาถูก แม้แต่ชาวบ้านก็ไม่ค่อยชอบ จึงมีคนเลี้ยงหมูไม่มาก
แต่ฉินโม่ใช้เครื่องปรุงหลากหลายและตุ๋นเนื้อหมูเป็นเวลาครึ่งชั่วยามจนกลิ่นคาวหมดไป
"นี่คือเนื้อหมู?" หลี่ซื่อหลงขมวดคิ้ว "เนื้อแบบนี้จะอร่อยได้อย่างไร?"
"ไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน ข้าทำให้พระมารดา ไม่ได้ทำให้ท่าน!"
ฉินโม่ตอบอย่างไม่แยแส พร้อมหยิบตะเกียบเสียบลงไปที่เนื้อหมู
"ปุ!" ตะเกียบจิ้มลงในเนื้อหมูอย่างง่ายดาย เนื้อหมูที่นุ่มเด้งยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี น้ำมันหมูและน้ำแกงผสมผสานกันไหลออกมา
ฉินโม่หยิบมีดมาแล่เนื้อเป็นชิ้นๆ แล้ววางไว้ตรงหน้ากงซุนฮองเฮา "พระมารดา ลองชิมดูเถิด!"
กงซุนฮองเฮายิ้มอย่างอบอุ่นและไม่รังเกียจว่าเป็นเนื้อหมู "ฝ่าบาท หม่อมฉันขอลองก่อนนะเพคะ!"
หลี่ซื่อหลงฮึดฮัด "ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะทำให้เนื้อหมูอร่อยได้!"
กงซุนฮองเฮาคีบเนื้อหมูขึ้นมาลองชิม เนื้อหมูตุ๋นที่นุ่มละลายในปาก ทั้งนุ่มหนึบและไม่มันเยิ้ม ซอสที่เคลือบเนื้อหมูก็แตกรสในปาก ทำให้ใบหน้าของฮองเฮาเต็มไปด้วยความพอใจ
"อร่อยมาก! อร่อยที่สุด ข้าไม่เคยกินเนื้อหมูที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย!"
หลี่ซื่อหลงไม่เชื่อ "อร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ?"
ฮองเฮาไม่ตอบอะไร เพียงแต่คีบเนื้อหมูอีกชิ้นใส่ปากของหลี่ซื่อหลง หลี่ซื่อหลงเคี้ยวไปสองสามครั้งก็เงียบไปเช่นกัน
"เป็นอย่างไรล่ะ ข้าบอกแล้วว่าอร่อยใช่ไหม?" ฉินโม่กล่าวอย่างภูมิใจ
หลี่ซื่อหลงยังคงปากแข็ง "ก็งั้นๆ!"
ฉินโม่ไม่พอใจทันที เขาหยิบจานหมูตุ๋นกลับมาและกล่าว "พระมารดา ท่านป้าหู กินเถิด วันนี้ข้าเตรียมของอย่างเร่งด่วน หมูตุ๋นอาจจะยังไม่ค่อยเปื่อยพอ คราวหน้าจะทำแบบยกระดับให้พวกท่านรองอีกสักครั้ง”
"หมูนี้ไม่ได้รับการเลี้ยงดูดีนัก อายุของมันค่อนข้างหลายปีทำให้หนังแข็งมาก แต่ข้าจะให้คนไปเลี้ยงหมูที่ไม่มีกลิ่นคาว รับรองว่ารสชาติจะดียิ่งกว่านี้!"
หลี่ซื่อหลงฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว "หมูยังสามารถปรับปรุงการเลี้ยงได้อีกหรือ?"
"แน่นอน ข้ากล่าวจริงๆ ทุกวันนี้สิ่งที่คนในอาณาจักรต้าเฉียนกินกันมันน้อยเกินไป เรากินแต่ข้าวซึ่งไม่มีสารอาหารมากพอ การกินเนื้อทำให้ร่างกายแข็งแรงมากกว่า"
"วัวต้องใช้ไถนา ดังนั้นจะกินได้ก็เมื่อมันตายเอง ไม่ว่าจะเป็นจากความชรา หรือเจ็บป่วย ไก่ เป็ด ห่าน ก็เป็นของมีค่า แต่มีน้อยเกินไป เราต้องผลิตให้มากขึ้น"
ฉินโม่ลูบคาง "อย่างน้อยก็ต้องทำให้คนทุกคนสามารถกินไข่และเนื้อได้บ้าง ถ้าเป็นเช่นนั้น อาณาจักรต้าเฉียนจึงจะร่ำรวยอย่างแท้จริง และการที่มีไข่และเนื้อกินยังช่วยประหยัดข้าวได้มากทีเดียว!"
หลี่ซื่อหลงมีแววตาฉายแสง "เจ้าว่าอย่างไรนะ การกินไข่และเนื้อช่วยประหยัดข้าวได้อย่างไร?"
กงซุนฮองเฮาและหูหงอวี้ก็เงี่ยหูฟังอย่างสนใจ
"เรื่องนี้ไม่ยากเลย เมื่อท้องได้รับประทานเนื้อสัตว์อย่างเพียงพอ การบริโภคข้าวก็จะลดลง มิหนำซ้ำการรับประทานเนื้อสัตว์จะทำให้อิ่มนานขึ้น หากไม่ได้กินเนื้ออย่างน้อยก็ต้องกินข้าวถึงสามสี่ชามต่อมื้อ แต่ถ้าได้กินปลาและเนื้อ ในมื้อหนึ่งเพียงข้าวชามเดียวหรือครึ่งชามก็พอแล้ว"
หลี่ซื่อหลงพยักหน้าเห็นด้วย "มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ในกองทัพเองก็เช่นกัน หากมีเนื้อกิน การใช้ข้าวจะลดลงอย่างมาก"
"เจ้ามีวิธีทำให้ทุกคนได้กินไข่และเนื้อไหม?" หลี่ซื่อหลงกล่าว "หากเจ้าทำได้ ข้าจะยกตำแหน่งกว๋อกงและเจ้ากรมการเกษตรให้เจ้า!"
ฉินโม่กลอกตา "พ่อข้าตายไป ข้าก็ได้เป็นกว๋อกงเองอยู่แล้ว ท่านพ่อตา ข้าก็รู้ว่าท่านแค่กล่าวไปแบบนั้น!"
"ข้าหมายถึงตำแหน่งกว๋อกงที่จะส่งต่อไปให้บุตรคนรองของเจ้า!" หลี่ซื่อหลงกล่าว
ฉินโม่เริ่มคิด "เรื่องนี้ข้าต้องไปปรึกษากับหลี่เยว่สักหน่อย เพราะเขาเป็นคนออกความคิดเรื่องนี้"
อีกแล้วหรือ?
หลี่ซื่อหลงขมวดคิ้ว ทำไมเรื่องนี้เกี่ยวกับหลี่เยว่ด้วย?
แต่เพราะตอนนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย เขาจึงไม่ถามอะไรเพิ่มเติม "เอาเถอะ กินข้าวก่อน กินเสร็จค่อยว่ากันอีกที!"
"ตกลง!" ฉินโม่พยักหน้า จากนั้นเขาก็หยิบเนื้อหมูใส่จานของกงซุนฮองเฮาเพิ่ม "พระมารดา กินเยอะๆ ท่านผอมไปมาก อย่าประหยัดเงิน ข้ามีเงินเยอะที่สุดในอาณาจักรแล้ว!"
"ดีๆ แม่จะกินเยอะๆ" กงซุนฮองเฮายิ้มรับ แม้จะไม่มีความอยากอาหารเพราะเรื่องของหลี่ซินและกงซุนชง แต่ความอ่อนโยนและความกตัญญูของฉินโม่ทำให้นางรู้สึกดี และเนื้อหมูตุ๋นที่หวานก็ทำให้นางเจริญอาหารมากกว่าปกติ
หูหงอวี้ยิ้มอย่างสงสัยในใจ นี่คงเป็นความผูกพันระหว่างผู้คน แม้แต่พวกเรารุ่นเดียวกันก็ไม่มีใครสามารถกล่าวกับหลี่ซื่อหลงและกงซุนฮองเฮาได้เช่นนี้
"กินช้าๆ ไม่ต้องรีบ ไม่มีใครจะแย่งเจ้า!" กงซุนฮองเฮาหัวเราะอย่างเอ็นดูพร้อมใช้ผ้าเช็ดปากให้ฉินโม่
ฉินโม่หัวเราะ "ขอบพระทัยพระมารดา เอ่อ ลุงเฝิง มานั่งกินด้วยกันเถอะ!"
เฝิงจิ่นรีบโบกมือปฏิเสธ กงซุนฮองเฮายิ้มและกล่าว "มาลองกินด้วยกันเถิด เนื้อหมูตุ๋นนี้ถือว่าเป็นของหายากและอร่อยมาก!"
เฝิงจิ่นรู้สึกซาบซึ้ง "ถ้าเช่นนั้น บ่าวขอล่วงเกินกว่าบาทและฮองเฮาแล้ว!"
เขายกถ้วยขึ้นมา แต่ยังไม่กล้าคีบอาหาร มีเพียงตักข้าวขาวขึ้นมาและถอยกลับไปกินด้านหลัง
ฉินโม่เห็นเช่นนั้นก็รีบคีบเนื้อหมูชิ้นใหญ่และปลาตัวเล็กกับผักบางส่วนใส่ในถ้วยของเฝิงจิ่น "ลุงเฝิง กินเยอะๆ จะได้มีแรงดูแลพระมารดาข้า!"
"ขอบคุณราชบุตรเขยฉิน!" เฝิงจิ่นตอบอย่างเคารพ
"ขอบคุณทำไม คนกันเองทั้งนั้น"
หลี่ซื่อหลงถอนหายใจ เดิมทีเขายังโกรธฉินโม่อยู่เล็กน้อย แต่หลังจากได้ยินประโยคนี้ ความโกรธของเขาก็หายไปหมด เด็กคนนี้กตัญญูจากใจจริง
กงซุนฮองเฮาเองก็รู้สึกถึงความอบอุ่นจากการได้รับความกตัญญู ทั่วทั้งราชสำนัก ไม่มีใครในเหล่าราชโอรสราชธิดาที่จะแสดงความกตัญญูได้เหมือนกับฉินโม่!
……………