บทที่ 86: การสมรู้ร่วมคิด
วันแรกของการสวดมนต์ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ยกเว้นร่างกายของมู่ไป๋ไป่ที่บอบบาง เด็กน้อยซึ่งคุกเข่าอยู่เป็นเวลานานทำให้เข่าเล็ก ๆ เริ่มมีสีเขียวช้ำเล็กน้อย
ซูหว่านรู้สึกทุกข์ใจมากจึงได้เชิญหมอหลวงมาตรวจและจ่ายยาให้กับลูกสาว
หลังจากหรงเฟยได้ยินเรื่องนี้ นางก็ได้เข้ามากระแนะกระแหนทั้ง 2 คนอีกครั้ง แต่เวลาอยู่ต่อหน้าไทเฮา นางยังคงมีความหวั่นเกรงอยู่บ้าง
“เฮอะ ข้าไม่เคยได้รับความอยุติธรรมเช่นนี้มาก่อน” ยามนี้หรงเฟยได้กลับมายังเรือนพักของตัวเอง พอนางยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้น “เมื่อใดที่ข้าได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ข้าไม่ปล่อยหว่านผินไปแน่ บังอาจนักที่มาทำให้ข้าต้องอับอาย”
“ส่วนคนที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือองค์หญิงหกซึ่งอาศัยความโปรดปรานของฝ่าบาทและไทเฮาทำตัวหยิ่งผยอง ไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่”
“พระสนม โปรดระงับโทสะ” ขันทีหนุ่มที่กำลังนวดไหล่ของหรงเฟยกล่าว “ความโกรธจะทำร้ายพระวรกายของพระสนม เช่นนี้ฝ่ายโน้นก็จะยิ่งได้เปรียบมากกว่าเรายิ่งขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
หญิงสาวหลับตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็ตอบว่า “เจ้าพูดถูก ไม่ว่าข้าจะทำอะไรเพื่อระบายความโกรธของข้า พวกนางจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย เว้นแต่จะทำร้ายตัวเองเท่านั้น”
หรงเฟยครุ่นคิดถึงบางสิ่งก่อนจะเยาะเย้ยว่า “หว่านผินได้รับความโปรดปรานเพราะบุตรีของตัวเองไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นข้าจะใช้โอกาสนี้จัดการองค์หญิงหก หลังจากกลับวังหลวง ข้าอยากจะรู้ว่านางจะยังได้รับความโปรดปรานอยู่อีกหรือไม่”
“พระสนมปราดเปรื่องยิ่งนัก” ขันทีที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายหรงเฟยคุ้นเคยกับนางเป็นอย่างดี
หรงเฟยนั้นถวายตัวเข้าวังหลวงเร็วกว่าลี่เฟย ตอนที่ลี่เฟยกลายเป็นที่โปรดปราน หรงเฟยก็คือคนที่ต่อสู้อย่างดุเดือดกับลี่เฟย
เพราะฉะนั้นบุคคลนี้ย่อมมีวิธีการที่เหนือความคาดหมาย
“ข้าจะฝากเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ” หญิงสาวหลับตาลงแล้วกระซิบว่า “คืนนี้ข้าจะจัดการองค์หญิงหก เจ้าก็ไปหาหน้าผาแล้วโยนนางลงไปซะ”
“ถ้าเช่นนั้นเราก็จะอธิบายว่าองค์หญิงหกเล่นเพลิดเพลินจนพลัดตกลงจากหน้าผา…”
แม้ว่าวัดฮู่กั๋วจะตั้งอยู่บนภูเขาที่ไม่ได้สูงมากนัก แต่โดยรอบก็มีหน้าผามากมาย ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้โดยง่าย
เมื่อถึงเวลากลางคืน
มู่ไป๋ไป่ร่วมรับประทานอาหารเย็นกับไทเฮาก่อนจะกลับมาที่ห้องของตัวเอง และซูหว่านก็กลัวว่าเธอจะแอบออกไปข้างนอกเหมือนเมื่อคืนอีก ดังนั้นนางจึงสั่งให้หลัวเซียวเซียวอยู่ข้างกายเธอโดยเฉพาะ
“องค์หญิงหก พระองค์จะบรรทมหรือยังเพคะ?” หลัวเซียวเซียวจัดเตียงแล้วหันไปถามคนร่างเล็กที่นั่งเอกเขนกอยู่ริมหน้าต่างมองดูพระจันทร์ด้านนอก
“ตอนนี้แค่กี่ยามกัน ยังเร็วนักที่จะเข้านอน” ทว่ามู่ไป๋ไป่กลับหาวทันทีที่พูดจบ “แต่แปลกมาก ทำไมวันนี้ข้าถึงง่วงเร็วกว่าปกติ?”
ในเวลานี้ของเมื่อวาน เธอยังกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับอยู่เลย
“ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยเพคะ” หลัวเซียวเซียวกล่าว “วันนี้องค์หญิงหกคุกเข่าอยู่ในวิหารอยู่ครึ่งค่อนวัน แล้วยังทำอาหารให้หว่านผิน ไหนจะไปปีนต้นไม้เก็บผลไม้อีก”
“พระองค์คงจะเหนื่อยมาก”
มู่ไป๋ไป่พยักหน้าเห็นด้วย “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล เอาล่ะ ไปนอนกันเถอะ”
เมื่อเด็กหญิงเริ่มง่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็ปีนขึ้นไปบนเตียง หลังจากล้มตัวลงนอน สติของเธอก็หลุดลอยไปทันที
ส่วนหลัวเซียวเซียวดีกว่าเล็กน้อยตรงที่นางยังลุกขึ้นไปดับเทียน แต่เวลาผ่านไปไม่นานนางก็หลับตามองค์หญิงไป
ยามค่ำคืนบนภูเขานั้นเงียบสงัดมาก เวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ แต่จู่ ๆ ก็มีคนทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ 2 คนปรากฏขึ้นที่นอกหน้าต่างห้อง
“ชู่ว… ลดเสียงลงหน่อย ถ้าองค์หญิงหกยังไม่หลับจะทำอย่างไร?”
“เป็นไปไม่ได้ กำยานนี้ถูกหลอมขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ และข้าได้สั่งให้เพิ่มฤทธิ์ยาถึง 2 เท่า ไม่ต้องพูดถึงองค์หญิงหกที่เป็นเพียงเด็ก แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังหลับลึกภายในครึ่งก้านธูป”
ร่าง 2 ร่างนั้นคือขันทีคนที่อยู่ข้างกายหรงเฟย
ตามคำสั่งของหรงเฟย พวกเขาได้วางกำยานสลบไว้ในห้องของมู่ไป๋ไป่ หลังจากที่นางหลับไปภายใต้ฤทธิ์ของกำยาน พวกเขาก็จะเอานางไปโยนทิ้งที่หน้าผาด้านหลังภูเขา
“เร็วเข้า อย่าให้หรงเฟยต้องรอนาน”
ขันทีทั้ง 2 ค่อย ๆ เปิดหน้าต่างเบา ๆ แล้วเดินไปที่เตียง ขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า
“เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมนางถึงถือมีดอยู่ในมือขณะที่นอนหลับ ทำเอาข้าตกใจแทบตาย”
ภายใต้แสงจันทร์ หลัวเซียวเซียวซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ด้านนอกถือมีดสั้นเล็ก ๆ เอาไว้ในมือ
“ข้ารู้จักนาง ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงหกช่วยนางเอาไว้ ดูเหมือนว่านางจะเป็นหลานสาวของลี่เฟย แต่นางไม่ได้เกิดจากภรรยาของหัวหน้าตระกูล ตอนนี้ชีวิตของนางค่อนข้างดีเลยทีเดียว”
“หืม? เอาเถอะ วันคืนดี ๆ ของนางคงจะสิ้นสุดลงในวันนี้”
หลังจากที่คุยกันจบ ขันทีก็เดินข้ามหลัวเซียวเซียวไปอุ้มมู่ไป๋ไป่ที่หลับลึกออกไป และห่อนางด้วยเสื้อคลุมสีดำที่พวกเขาเตรียมเอาไว้
ขันทีน้อยทั้ง 2 เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โดยที่พาคนออกไปจากเรือนอย่างเงียบเชียบแล้วปิดประตูลงอีกครั้ง
ปัจจุบันภายในห้องดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เว้นแต่ว่ามีคนผู้หนึ่งหายไปจากเตียง
ในเวลาเดียวกันที่ด้านหลังภูเขา
หรงเฟยสวมเสื้อคลุมสีดำที่มิดชิด ทำให้นางแทบจะกลืนหายไปกับความมืดยามค่ำคืน
ตรงหน้าของนางเป็นหน้าผาสูง นางได้นัดหมายขันทีข้างกายของตนให้มาพบกันที่หน้าผาแห่งนี้ เพราะบริเวณนี้มีก้อนหินมากมาย
ถึงแม้ว่าจะมีคนตกลงไปจากหน้าผาแล้วไม่ตาย แต่คนคนนั้นอาจจะหัวฟาดหินตายไปเสียก่อน
เมื่อหญิงสาวคิดถึงสภาพที่น่าสมเพชขององค์หญิงหกที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ นางก็ยิ้มอย่างมีความสุข
“หรงเฟย ข้าน้อยพาคนมาที่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีน้อยทั้ง 2 หอบหายใจในขณะที่อุ้มมู่ไป๋ไป่มา
“ทำไมถึงมาช้าขนาดนี้?” หรงเฟยขมวดคิ้ว “เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นองค์หญิงหก? ไม่ผิดคนแน่นะ”
นางจะไม่มีทางทำอะไรผิดพลาดแบบโง่ ๆ อย่างลี่เฟยคนนั้นแน่
“ไม่ผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีผู้น้อยเปิดผ้าคลุมขึ้นเพื่อให้หรงเฟยเห็นคนที่อยู่ภายใน “ในห้องมีคนนอนอยู่บนเตียง 2 คน อีกคนคือหลัวเซียวเซียวซึ่งมักจะติดตามองค์หญิงหกไปทุกที่”
“ทุกคนรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ”
ภายใต้ผ้าคลุมสีดำ ใบหน้าขาวสะอาดของมู่ไป๋ไป่เปล่งปลั่งท่ามกลางแสงจันทร์ นางนอนหลับใหลอย่างมีความสุข แม้แต่แรงกระแทกที่เกิดขึ้นระหว่างทางก็ไม่สามารถปลุกนางให้ตื่นจากห้วงนิทราได้
“ดีมาก” ในที่สุดหรงเฟยก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจ “พวกเจ้าทำได้ดีมาก หลังจากเรื่องนี้จบแล้ว พวกเจ้าจะได้รับรางวัลอย่างงาม”
ขันที 2 คนนี้อยู่กับหรงเฟยมานานหลายปี พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนใจกว้างมากเพียงใด แล้วพวกเขาก็รู้สึกมีความสุขมากเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด
“รีบลงมือเสียเถอะ” สายตาที่เคร่งครัดฉายผ่านดวงตาของหรงเฟยขณะที่นางออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!” หลังจากตอบรับคำสั่ง คนทั้ง 2 ก็อุ้มมู่ไป๋ไป่ไปที่หน้าผา
จากนั้นพวกเขาก็มองดูภาพเบื้องหน้าก่อนจะลอบถอนหายใจ
องค์หญิงหกที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงม หากนางตกไปจากตรงนี้ นางคงจะเสียชีวิตทันที
ในเวลาเดียวกัน เซียวถังอี้กำลังบินผ่านป่าในขณะที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยเลือด ภายใต้แสงจันทร์ เขามองเห็นได้ชัดเจนว่าเสื้อผ้าสีดำของตนนั้นเปียกชุ่มไปด้วยบางสิ่งบางอย่าง และมีบาดแผล 2 แห่งที่ลึกจนเห็นกระดูกอยู่บนหลังของเขา
ดังนั้นมันจึงทำให้ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากสีเงินซีดลง
ทันใดนั้นเซียวถังอี้ก็เหมือนจะได้ยินเสียงแปลก ๆ เขาลังเลอยู่สักพัก แต่สุดท้ายเขาก็มุ่งหน้าไปทางต้นเสียงจนกระทั่งมาถึงชายป่า
แล้วเด็กหนุ่มก็เห็นผู้ชาย 2 คนที่สวมชุดขันทีกำลังถือบางสิ่งตั้งท่าจะโยนลงไปบนหน้าผาอยู่ไม่ไกลนัก
เซียวถังอี้หรี่ตามองภาพตรงหน้าและเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ที่หลับใหลสะท้อนแสงจันทร์
นั่นนางหรือ?
เจ้าเด็กคนนั้น!
ก่อนที่เขาจะทันได้เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เขาก็เห็นขันที 2 คนปล่อยมือ ส่งผลให้มู่ไป๋ไป่ถูกเหวี่ยงออกจากหน้าผาเหมือนกระสอบทรายที่กลิ้งตกลงไปท่ามกลางโขดหินขรุขระบนภูเขา
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: คุณชายเซียวมาได้จังหวะพอดีมาก รีบไปช่วยเจ้าตัวเล็กเร็ว!