ตอนที่ 543 ความอึดอัด
คฤหาสน์ หมายเลข 5 ที่เขตคฤหาสน์ – ถานกง หลังจากเห็น เย่เฉิน มาถึงแล้ว คุณปู่โจว ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก โดยเขานำภาพเขียนชิ้นหนึ่งออกมา และขอให้ เย่เฉิน ช่วยตรวจสอบให้หน่อย
ครั้งที่แล้วระหว่างที่พูดคุยกับ เย่เฉิน คุณปู่โจว รู้โดยบังเอิญว่า เย่เฉิน เป็นกรรมการในสมาคมอักษรศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งทำให้ คุณปู่โจว รู้สึกประหลาดใจมาก
ครั้งนี้เขาได้ภาพเขียนชิ้นหนึ่งที่ชื่นชอบมาก ซึ่งเขาได้มาจากมือของชายชราคนหนึ่งอย่างยากลำบาก
คุณปู่โจว กลัวว่ามันอาจจะเป็นของปลอม ด้วยความที่ไม่เชี่ยวชาญด้านงานเขียนพู่กัน และภาพวาดเท่าไหร่นัก คุณปู่โจว จึงเชิญ เย่เฉิน มาช่วยดูให้
ขณะที่ เย่เฉิน กำลังช่วย คุณปู่โจว ตรวจสอบภาพเขียน เรื่องของ เหยียน อวี้ตาน ที่ได้เข้าร่วม บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ก็แพร่สะพัดไปในอุตสาหกรรมจิวเวลรี่ในเซี่ยงไฮ้แล้ว
ข่าวนี้มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจิวเวลรี่ในเซี่ยงไฮ้ ไม่ด้อยไปกว่าข่าวก่อนหน้านี้ที่คฤหาสน์ หมายเลข 6 ใน ถานกง มีเจ้าของใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรดามหาเศรษฐีในเซี่ยงไฮ้เช่นกัน
เหยียน อวี้ตาน เป็นนักออกแบบ ดีไซน์เนอร์เครื่องประดับที่มีชื่อเสียงระดับโลก เคยเป็นหัวหน้านักออกแบบของแบรนด์หรูชื่อดังแห่งหนึ่งอีกด้วย ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากเกี่ยวกับความสามารถของเธอ
ในอุตสาหกรรมอัญมณี และเครื่องประดับของเซี่ยงไฮ้ ฝีมือของเธอนับว่าเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน
แต่ที่น่าประหลาดใจคือ นักออกแบบระดับสูงขนาดนี้ ตอนนี้กลับมาเข้าร่วมงานกับบริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลาง
สิ่งนี้ทำให้บริษัทจิวเวลรี่ขนาดใหญ่ในเซี่ยงไฮ้รู้สึกถึงภัยคุกคาม
เมื่อมี เหยียน อวี้ตาน เข้าร่วม บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ จะก้าวหน้าไปอีกขั้นจนกลายเป็นภัยต่อพวกเขาหรือไม่?
แน่นอน นอกจากความกังวลนี้แล้ว สิ่งแรกที่พวกเขานึกถึงก็คือ.. ทำไม บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ถึงสามารถดึงตัว เหยียน อวี้ตาน มาได้ ทำไมพวกเขาถึงทำไม่ได้?
ทั้งที่พวกเขามีความแข็งแกร่งมากกว่า บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ แน่นอน และสิ่งที่พวกเขาให้ เหยียน อวี้ตาน ได้ ก็มากกว่า เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ แน่นอนเช่นกัน…
ยิ่งไปกว่านั้น เหยียน อวี้ตาน ยังมาพร้อมกับทีมงานชั้นยอดอีกด้วย ซึ่งทีมนี้ก็มีความน่าดึงดูดอย่างมาก หาก เหยียน อวี้ตาน เข้าร่วมกับพวกเขา พวกเขาอาจมีโอกาสกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอัญมณี และเครื่องประดับของเซี่ยงไฮ้ก็ได้!
ด้วยความคิดนี้ บริษัทจิวเวลรี่ที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่า บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ หลายแห่งเริ่มที่จะเคลื่อนไหว
คืนต่อมา เย่เฉิน ได้เชิญ เหยียน อวี้ตาน มาทานอาหารค่ำด้วยกัน เพื่อเป็นการต้อนรับเธอสู่เซี่ยงไฮ้ และต้อนรับเธอที่ได้เข้าร่วมงานกับบริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ พร้อมกับพูดคุยถึงเรื่องงานในอนาคต
ส่วนสถานที่สำหรับทานอาหารนั้น แน่นอนว่าเป็นที่ร้านอาหาร ‘หวังเจียงเก๋อ’ ของ เย่เฉิน
เหยียน อวี้ตาน และทีมงานในสตูดิโอของเธอถูก เย่เฉิน จัดให้อยู่ที่โรงแรมบุลการีในเซี่ยงไฮ้ชั่วคราว
เวลาประมาณสองทุ่ม เย่เฉิน และเหยียน อวี้ตาน ได้พบกันที่ หวังเจียงเก๋อ
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน หญิงสาววัยประมาณสามสิบกว่าปีที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ มองมาทางพวกเขาเป็นระยะๆ
“ขอโทษนะคะ คุณคือดีไซน์เนอร์เหยียน, เหยียน อวี้ตาน ใช่หรือเปล่าคะ?”
ในที่สุดหญิงสาวคนนั้นก็ทนไม่ไหว เดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย
“ใช่ค่ะ ฉันชื่อเหยียน อวี้ตาน ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
เหยียน อวี้ตาน รู้จักผู้คนที่เซี่ยงไฮ้อยู่บ้าง แต่เธอไม่รู้จักหญิงสาวคนนี้
“ฉันชื่อ เถียน เยวี่ยอี เป็นประธานบริษัท เถียน จิวเวลรี่ กรุ๊ปในเซี่ยงไฮ้ค่ะ”
หญิงสาวแนะนำตัวเอง
บริษัท เถียน จิวเวลรี่ กรุ๊ป ในเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นหนึ่งในบริษัทจิวเวลรี่ขนาดใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ มีชื่อเสียง และทรงอิทธิพลอย่างมากในอุตสาหกรรมอัญมณี และเครื่องประดับของเซี่ยงไฮ้
ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวตรงหน้าคนนี้จะเป็นถึงประธานบริษัท เถียน จิวเวลรี่ กรุ๊ป
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ประธานเถียน”
แม้ว่าจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ เหยียน อวี้ตาน ยังคงทักทายเธอด้วยความสุภาพ
“ได้ยินมาว่า ดีไซน์เนอร์เหยียน เข้าร่วมงานกับ บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ แล้วใช่ไหมคะ?”
เถียน เยวี่ยอี ถามด้วยความอยากรู้
เธอก็เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อนแล้ว แต่เธอเองไม่ได้เชื่อมากนัก
เหยียน อวี้ตาน เป็นนักออกแบบที่เธอชื่นชมมากมาโดยตลอด
หลังจากที่ เหยียน อวี้ตาน ลาออกจากบริษัทจิวเวลรี่หรูแห่งนั้น ก็มีหลากหลายบริษัทจิวเวลรี่ยื่นข้อเสนอให้กับเธอ
แต่ เหยียน อวี้ตาน ก็ปฏิเสธไปทั้งหมด
เถียน เยวี่ยอี จึงรู้สึกสงสัยมากว่า บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงนั้นดึงตัว เหยียน อวี้ตาน มาได้อย่างไร?
มันต้องเป็นแค่ข่าวลือแน่นอน..
แต่พอเธอเห็น เหยียน อวี้ตาน ในระหว่างทานอาหารอยู่ เธอก็คิดได้ว่าข่าวนั้นอาจจะเป็นเรื่องจริง
“ใช่คะ”
เหยียน อวี้ตาน พยักหน้า
เมื่อเห็น เหยียน อวี้ตาน พยักหน้า เถียน เยวี่ยอี ก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
“ดีไซเนอร์เหยียน บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ใช้วิธีการที่ไม่ดีบีบบังคับให้คุณเข้าร่วมบริษัทหรือเปล่าคะ?”
เถียน เยวี่ยอี ถามเสียงเบาๆ
นอกจากความคิดนี้แล้ว เถียน เยวี่ยอี ก็คิดเหตุผลอื่นไม่ออกจริงๆ
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทจิวเวลรี่ขนาดใหญ่ในประเทศก็มีเยอะ ถ้าหาก เหยียน อวี้ตาน ต้องการไปที่ไหน ด้วยฝีมือของเธอก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเลย
แต่ทำไม เหยียน อวี้ตาน ถึงเข้าร่วมกับ บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงด้วยล่ะ?
นอกจากว่า บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ใช้วิธีการพิเศษบางอย่างเพื่อบีบบังคับข่มขู่ เหยียน อวี้ตาน
เถียน เยวี่ยอี คิดเหตุผลอื่นไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรือผลประโยชน์อื่นๆ บริษัทจิวเวลรี่ขนาดใหญ่เหล่านี้สามารถให้ เหยียน อวี้ตาน ได้มากกว่า บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ แน่นอน
และชื่อเสียงของ บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเรื่องของ ฉาย เล่อกั๋ว ที่ออกจะไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป(รู้กันโดยทั่วไป)
“ในสายตาคุณ บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ เป็นบริษัทที่ไม่ดีขนาดนั้นเลยหรือ?”
ในตอนนั้นเอง เสียงแผ่วเบาดังขึ้น เถียน เยวี่ยอี พลางหันไปมอง เย่เฉิน ทันที
“ฉันแค่บ่นนิดหน่อยเกี่ยวกับบริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ทำไมคุณถึงต้องมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ด้วย?”
เถียน เยวี่ยอี ถาม เย่เฉิน ด้วยความไม่พอใจ
ในฐานะประธานบริษัท เถียน จิวเวลรี่ กรุ๊ป ในเซี่ยงไฮ้ ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้
“อ่า ประธานเถียน ท่านนี้คือประธานคนใหม่ของบริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ เย่เฉิน ท่านประธานเย่ คะ”
เหยียน อวี้ตาน แสร้งไอเบาๆ ก่อนจะกล่าวแนะนำ
ประธานคนใหม่ของบริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่?
พอได้ยิน เหยียน อวี้ตาน พูดแบบนั้น เถียน เยวี่ยอี ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นทันที
เขาเป็นประธานคนใหม่ของ บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ งั้นเหรอ?
นี่…
นี่มันเด็กไปหน่อยหรือเปล่า?
ถ้า เหยียน อวี้ตาน ไม่บอก เธอคงคิดว่า เย่เฉิน เป็นน้องชายของ เหยียน อวี้ตาน หรืออะไรทำนองนั้น
เมื่อลองคิดดูอีกที เธอก็เคยได้ยินข่าวว่า บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ เปลี่ยนเจ้าของ แต่เพราะข่าวการที่ เหยียน อวี้ตาน เข้าร่วมกับ บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ น่าตกใจกว่า เธอจึงเลือกที่จะไม่สนใจข่าวเรื่องการเปลี่ยนเจ้าของบริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่
เมื่อเทียบกับ เหยียน อวี้ตาน ดีไซน์เนอร์ชื่อดังระดับโลกแล้ว การเปลี่ยนเจ้าของบริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ..ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
แต่ตอนนี้ หลังจากที่พูดไม่ดีเกี่ยวกับบริษัทของคนอื่นไป ปรากฏว่าเจ้าของบริษัทนั้นนั่งอยู่ข้างๆ นี่เอง
เถียน เยวี่ยอี รู้สึกอับอายมากจนแทบจะใช้นิ้วเท้าขุดอะพาร์ตเมนต์สามห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นด้วยตัวเอง ตอนนี้เรียกได้ว่าเธออับอาย และทั้งรู้สึกอึดอัดใจถึงขีดสุด