ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 9 หลอมรวมหมื่นมรรคา
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 9 หลอมรวมหมื่นมรรคา
ศาลาพระสูตรตระกูลกู้เป็นดินแดนต้องห้ามของตระกูล
ภายในรัศมีหลายพันลี้ล้วนเต็มไปด้วยอาคมต้องห้าม แม้กระทั่งสัตว์อสูร หากเข้าใกล้ก็จะกลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา
ศาลาอันยิ่งใหญ่และสง่างาม พื้นผิวประดับประดาด้วยทองม่วงหงเหมิง สูงถึงเก้าชั้น
โดยรอบเต็มไปด้วยหมอกเซียนและดอกกล้วยไม้เซียน แต่ทุกย่างก้าว ล้วนเต็มไปด้วยอันตราย
ในเงามืดยังมียอดฝีมือที่น่ากลัวยิ่งนักคอยปกป้องอยู่
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะสถานะของกู้ฉางเซิง และเหรียญตราที่ปู่บรรพชนมอบให้ ทำให้เขาสามารถมาที่นี่ได้
“แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนมีเพียงเก้าชั้น แต่ภายในกลับซ่อนความลับเอาไว้”
กู้ฉางเซิงคารวะชายชราผู้เฝ้าประตูศาลาพระสูตร จากนั้นจึงก้าวเข้าไปอย่างช้า ๆ
ภายในและภายนอกศาลา เป็นโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ราวกับว่าได้เดินทางมายังส่วนลึกของจักรวาล ดวงดาวที่ส่องประกายเจิดจรัสนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนท้องฟ้า ภายในนั้นแผ่กระจายกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และเก่าแก่
หมอกหนาทึบล้อมรอบ มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
“ภายในศาลาพระสูตร ดูเหมือนโลกใบเล็ก ๆ ความเร็วของกาลเวลาภายในนี้ แตกต่างจากโลกภายนอก”
กู้ฉางเซิงรู้สึกตกใจ
เขามีความไวต่อกฎเกณฑ์ต่าง ๆ
“ดวงดาวที่ส่องประกายเจิดจรัสทุกดวง คือวิชาเวท ยิ่งดวงดาวที่อยู่ลึกเข้าไป ยิ่งส่องประกายเจิดจรัส กลิ่นอายก็ยิ่งแข็งแกร่ง ผู้ที่ไม่มีตบะสูงส่ง ย่อมมิอาจเข้าใกล้ได้”
ไม่นานนัก กู้ฉางเซิงก็เข้าใจความลึกลับของสถานที่แห่งนี้ ก่อนหน้านี้ปู่บรรพชนไม่ได้บอกเล่าสิ่งใดให้เขาทราบ
“ก่อนอื่น ข้าต้องหาวิชาเวทหลอมกาย ระดับเนื้อหนังมังสาของข้ามีรากฐานแข็งแกร่ง ย่อมมิอาจปล่อยให้เสียเปล่า เมื่อนึกถึงยอดฝีมือที่สามารถสั่นสะเทือนอาวุธจักรพรรดิด้วยมือเปล่า กายเนื้อของพวกเขาย่อมต้องแข็งแกร่งไร้ผู้ต่อต้าน”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้กู้ฉางเซิงรู้สึกสิ้นหวังก็คือ เมื่อเขาเข้าใกล้ดวงดาวบางดวง ดวงดาวเหล่านั้นกลับสั่นสะเทือน ถอยร่นไปยังที่ไกล ราวกับไม่กล้าให้เขาเข้าใกล้
หรืออาจจะกล่าวได้ว่า พวกมันไม่คู่ควรให้กู้ฉางเซิงฝึกฝน
ไม่มีทางเลือก เขาจึงต้องเดินทางลึกเข้าไป
ดวงดาวที่ลอยอยู่ ยิ่งสว่างไสว ยิ่งใหญ่โต กระทั่งยังมีกลิ่นอายอันร้อนแรงแผ่กระจายออกมา
“การต่อต้านน้อยลง แต่ก็ยังคงไม่ได้ ต้องมองหาต่อไป”
ครึ่งวันต่อมา
ในที่สุดกู้ฉางเซิงก็หยุดอยู่เบื้องหน้าดวงดาวที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต จากภายในนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความปรารถนา
“น่าจะได้แล้ว”
กู้ฉางเซิงเผยรอยยิ้ม สัมผัสไปยังดวงดาวนั้น
ภายในกลุ่มแสง ปรากฏตำราเล่มเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นจากทองคำเงินต้าหลัว สามารถคงอยู่ได้นับพันปีโดยไม่แตกสลาย ท้ายที่สุด นี่คือวัสดุที่ดีที่สุดในการหลอมอาวุธอริยะ
เปิดออกอย่างช้า ๆ
ทันใดนั้น บทพระสูตรอันยิ่งใหญ่และเก่าแก่ก็ปรากฏขึ้นในใจของกู้ฉางเซิง
“คัมภีร์เต๋าหมื่นศาสตรา มรรคที่กึ่งจอมสรรพสิ่งคนหนึ่งสร้างขึ้น สามารถควบคุมหมื่นศาสตรา เบื้องหลังจะปรากฏคัมภีร์เต๋า หมื่นศาสตราปะทุ ใครบ้างจะต่อกรได้”
วิชาระดับกึ่งจอมสรรพสิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าหมื่นศาสตราจะถูกทำลาย มันก็จะปรากฏขึ้นอีกครั้งภายในคัมภีร์เต๋า ไร้ขอบเขต ไร้จุดสิ้นสุด
“ลองดูสักหน่อย”
กู้ฉางเซิงไม่ลังเลใด ๆ รีบเริ่มต้นฝึกฝน
ในโลกภายนอก อย่าว่าแต่วิชาระดับกึ่งจอมสรรพสิ่ง แม้แต่วิชาระดับอริยะปรากฏตัวขึ้น ก็ยังคงทำให้เกิดการแย่งชิง
เขามีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ย่อมไม่ปล่อยให้ทรัพยากรที่ดีเช่นนี้เสียเปล่า
หนึ่งวันผ่านไป ดวงตาทั้งสองข้างของกู้ฉางเซิงที่หลับอยู่ก็พลันเปิดออก ภายในนั้นปรากฏเงาของอาวุธเทพมากมาย
วูบ วูบ วูบ!
ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน เบื้องหลังของเขาก็เริ่มปรากฏคัมภีร์เต๋าเลือนราง ภายในนั้น หมื่นศาสตรากำลังสั่นสะเทือน
“ขั้นแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว การที่จะหลอมรวมให้สมบูรณ์ จำเป็นต้องใช้เวลาและตบะที่สูงส่ง”
กู้ฉางเซิงเผยรอยยิ้ม จากนั้นก็เริ่มต้นมองหาวิชาสมบัติและพลังอิทธิฤทธิ์อื่น ๆ
“ย่างก้าวคุนเผิงล้ำสวรรค์! วิชาระดับกึ่งจอมสรรพสิ่ง ยอดฝีมือในยุคบรรพกาลได้มองดูคุนเผิงโบยบินบนท้องฟ้า จึงได้สร้างวิชานี้ขึ้น เพียงก้าวเดียว ก็สามารถไปถึงจุดหมาย!”
“หมื่นลักษณ์เทพจำแลง! วิชาระดับจอมสรรพสิ่ง! เมื่อสำเร็จขั้นยิ่งใหญ่ สามารถแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดเก้าชนิด คุนเผิง เทพวิชามังกรแท้ ร่างทองคำมิดับสูญ ขนหงส์เซียน กายาระฆังมหามรรค…………”
“วิชาสวรรค์โบราณวัฏจักรหกวิถี!”
“ฟ้าดินในกำมือ จักรวาลในแขนเสื้อ!”
…………
ด้วยระดับตบะของกู้ฉางเซิงในตอนนี้ แม้จะไม่กินไม่ดื่ม ก็มิได้เป็นปัญหา เขาจึงอยู่ภายในศาลาพระสูตรถึงเจ็ดปี
แน่นอนว่าในบางครั้ง จะมีคนของตระกูลได้รับคำสั่ง นำสมุนไพรวิญญาณและผลไม้วิญญาณมามอบให้เขา
ตลอดเจ็ดปีมานี้ แทบจะทุกวิชาสมบัติและพลังอิทธิฤทธิ์ระดับกึ่งจอมสรรพสิ่งขึ้นไป กู้ฉางเซิงได้เรียนรู้ทั้งหมด
กระทั่งอาณาเขตของห้วงสมุทรวิญญาณปฐมโกลาหลยังขยายใหญ่ขึ้นถึงสิบเท่า กลายเป็นหนึ่งแสนลี้!
ส่วนตบะของเขาก็ทะลวงผ่านระดับผสานวิญญาณ บรรลุระดับตำหนักดวงจิต
ท้ายที่สุดแล้ว ตำหนักดวงจิตของเขาได้ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งที่ขาดก็คือระดับตบะเท่านั้น
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะ ‘วิชากระจกโพธิ์’ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่สภาวะตระหนักมรรคในทันทีที่ฝึกฝนวิชาเวท ทำให้ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรเพิ่มขึ้นอย่างมาก ประหยัดเวลาไปหลายโยชน์
อย่างไรก็ตาม รากฐานของตระกูลกู้ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก
วิชาเวทระดับกึ่งจอมสรรพสิ่งลงไป มีมากมายดุจดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า
เขาจึงเลือกที่จะเพิกเฉยต่อวิชาเหล่านั้น
“หากไม่เดินทางบนเส้นทางการหลอมรวมหมื่นวิชชา ขัดเกลาตนเอง ก็ไม่คู่ควรที่จะกล่าวว่าตนเองเป็นกายาปฐมโกลาหล”
หลังจากออกจากศาลาพระสูตร กู้ฉางเซิงก็เดินทางไปพบกับปู่บรรพชน
เมื่อนึกถึงเวลา เขาก็มายังโลกใบนี้เป็นเวลาสิบสามปีแล้ว
จากรูปร่างภายนอก เขาแทบไม่แตกต่างจากผู้ใหญ่
แต่เขาฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ไม่มีประสบการณ์ต่อสู้ ทำให้เขารู้สึกว่าพลังต่อสู้ของเขานั้นเป็นเพียงภาพลวงตา ไร้ประโยชน์
“เจ้าต้องการใช้การต่อสู้เพื่อขัดเกลาตนเองอย่างนั้นหรือ”
บุรุษชุดเทาที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เบิกตากว้าง ภายในดวงตาราวกับบรรจุจักรวาลอันไร้ขอบเขตเอาไว้
เขามองไปยังกู้ฉางเซิง เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดมาก่อนว่ากู้ฉางเซิงจะเอ่ยปากขอเช่นนี้