ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 3 ทะลวงพันธนาการ
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 3 ทะลวงพันธนาการ
ในชั่วพริบตา กู้ฉางเซิงก็มีอายุได้เก้าเดือนแล้ว
ในฐานะผู้ที่ข้ามภพมา เขาย่อมแตกต่างจากทารกทั่วไป ไม่ร้องไห้งอแง แววตายังมักจะฉายแววครุ่นคิดราวกับผู้ใหญ่
เหล่าผู้อาวุโสตระกูลกู้ก็มิได้รู้สึกแปลกใจ พวกเขามิได้ปฏิบัติต่อเขาราวกับทารกธรรมดา
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวัน หรือการอธิบายเรื่องการบำเพ็ญ ล้วนเป็นการดูแลเอาใจใส่อย่างดีที่สุด
เกาะเทพที่เขาอาศัยอยู่ มีอาณาเขตกว้างใหญ่ถึงหนึ่งหมื่นลี้ ล้อมรอบด้วยอาคมมากมาย ภายในยังมีตัวตนที่น่ากลัวคอยปกป้องอย่างลับ ๆ
น้ำที่เขาดื่ม คือ น้ำไร้ขอบเขตเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า เพียงหนึ่งหยดก็มีมูลค่ามหาศาล
อาหารที่เขารับประทาน คือ อาหารที่เหล่ายอดฝีมือมากมายรวบรวมปราณจากสี่ทิศแปดทาง ผนึกเส้นชีพจรพลังโลก ตราตรึงกลิ่นอายสวรรค์และปฐพี ผสมผสานกับสมุนไพรล้ำค่ามากมาย
แม้กระทั่งสมุนไพรวิญญาณที่ปลูกไว้ภายในตำหนักของเขา ก็ยังต้องให้ยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญกฎเกณฑ์มรรคอัสนีเดินทางเข้าไปในส่วนลึกของเคราะห์สายฟ้า เพื่อเก็บรวบรวมของเหลวเคราะห์สายฟ้ามารดน้ำ
ความหรูหราฟุ่มเฟือยเช่นนี้ ทำให้กู้ฉางเซิงรู้สึกชาชิน
ผู้ใดกล่าวว่าของเหลวเคราะห์สายฟ้าใช้สำหรับหลอมกาย?
โลหิตสมบัติที่เขาใช้สำหรับหลอมกายและสร้างรากฐาน ล้วนเป็นโลหิตที่ผู้อาวุโสในตระกูลเดินทางเข้าไปในเขตหวงห้าม จับสัตว์ประหลาดบรรพกาลที่มีกลิ่นอายน่ากลัวมาสังหารและหลอม
โชคดีที่ตระกูลกู้เป็นตระกูลอมตะ พวกเขาได้สะสมสมบัติล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วน จึงสามารถทนต่อการใช้จ่ายเช่นนี้ได้ มิได้ส่งผลกระทบต่อรากฐาน
“แม้ว่าเจ้าจะถือกำเนิดมาเป็นอริยะ แต่การมีพลังเวทมากมายเช่นนี้ มิใช่เรื่องดี เพราะเจ้าไม่เคยบำเพ็ญ ไม่รู้จักวิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง ยิ่งไม่รู้จักความลึกลับของระดับตบะต่าง ๆ ยากที่จะแสดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้”
“นี่เป็นพันธนาการ เป็นสิ่งที่กักขังเจ้าเอาไว้”
ชายชราผู้มีใบหน้าเหี่ยวย่นราวกับเปลือกไม้ ราวกับว่าลมพัดเบา ๆ ก็สามารถล้มลงได้ กำลังอธิบายเรื่องการบำเพ็ญให้กู้ฉางเซิงฟังอย่างอดทน
บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้ม
กู้ฉางเซิงที่อายุเก้าเดือน สามารถพูดคุยและเดินได้แล้ว ในเวลานี้ เขากำลังฟังอย่างตั้งใจ
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับระบบการบำเพ็ญของโลกใบนี้
ระดับชำระกายา ระดับห้วงสมุทรปราณ ระดับผสานวิญญาณ ระดับตำหนักดวงจิต ระดับแยกปฐพี ระดับเบิกฟ้า ระดับหวนเอกา…………
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่ท่านปู่บรรพชนห้า ระดับตบะที่ข้ามีตั้งแต่กำเนิด ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในระดับที่ท่านกล่าวมานี้” กู้ฉางเซิงกล่าวด้วยความสงสัย
แม้ว่าเขาจะไม่เคยบำเพ็ญ แต่พรสวรรค์ของเขายอดเยี่ยมยิ่งนัก ตั้งแต่กำเนิด เขาก็มีพลังเวทระดับอริยะ
ใบหน้าของปู่บรรพชนห้ามีสีหน้ามืดมน เด็กคนนี้ เหตุใดจึงชอบกล่าววาจาที่ทำร้ายจิตใจผู้อื่น
“เจ้าต้องเข้าใจหลักการหนึ่ง พลังเวทมิได้หมายถึงพลังอำนาจและระดับตบะ หากเจ้าเผชิญหน้ากับอริยะที่แท้จริงในตอนนี้ เขาย่อมสามารถสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย ยอดฝีมือทุกคนล้วนเป็นผู้ที่ผ่านการฝึกฝน มิใช่ถือกำเนิดมาแล้วแข็งแกร่ง” ปู่บรรพชนห้ากล่าวสั่งสอนอย่างอดทน เขากลัวว่ากู้ฉางเซิงจะหลงระเริงในพรสวรรค์ หยิ่งยโส และหลงลืมตนเอง
นี่คือสิ่งที่เหล่าผู้อาวุโสกังวล
คำสอนของชายชราที่อายุหลายแสนปี ย่อมต้องมีเหตุผล
กู้ฉางเซิงเข้าใจ เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าจะจดจำคำสอนของท่านปู่บรรพชนห้า ข้าเข้าใจแล้ว”
เขาในตอนนี้ ราวกับขวดที่เต็มไปด้วยน้ำ แต่ปากขวดกลับมีขนาดเล็กเท่ากับรูเข็ม หรือกระทั่งเล็กกว่านั้น
ดังนั้น เขาจึงเทน้ำออกมาไม่ได้
นี่คือเหตุผลที่ปู่บรรพชนห้ากล่าวว่ายอดฝีมือระดับอริยะที่แท้จริง สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว” ปู่บรรพชนห้ากล่าวด้วยความยินดี
ดังนั้น ในช่วงเวลาสามปีต่อมา กู้ฉางเซิงจึงฝึกฝนวิธีการใช้พลังเวทของตนเองทุกวัน
และพยายามหลอมรวมพลังเวทที่เขาได้รับมาตั้งแต่กำเนิดเข้ากับร่างกาย
เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลมิได้ตัดทอนพลังเวทที่เขามีตั้งแต่กำเนิด เพราะต้องการดูว่าเขาจะเลือกเส้นทางใด
หากมิเช่นนั้น ตลอดชีวิตนี้ จุดสูงสุดของเขาก็คงเป็นเพียงระดับเซียนแท้
ระดับที่สูงกว่านั้น ราชันเซียน หรือจักรพรรดิเซียน คงมิอาจสัมผัสได้
เช่นนี้เอง รอบกายกู้ฉางเซิงจึงปรากฏนิมิตมากมายทุกวัน
ราวกับว่ากำลังแสดงโลกที่ลึกลับและยิ่งใหญ่ออกมา
ภายในนั้นปรากฏมังกรเขียวโจมตี พยัคฆ์ขาวคำราม หงส์แดงกระพือปีก เต่าดำแบกภูเขา บัวเขียวหยั่งราก…………
ปราณปฐมโกลาหลล้อมรอบกายของเขาก่อกำเนิดกลิ่นอายที่ลึกลับ
เหล่าผู้อาวุโสจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความยินดีและความพึงพอใจ
“สมกับที่เป็นกายาปฐมโกลาหล พรสวรรค์เหนือฟ้าดิน อัจฉริยะดุจดั่งอสูร…… ขนาดของปากขวดยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ”
“ใช่แล้ว การคาดเดาของบรรพชนถูกต้อง พวกเราเพียงแต่สามารถชี้แนะเส้นทาง การบำเพ็ญในอนาคตต้องอาศัยตัวเขาเอง”
“แม้แต่บรรพชนก็ยังมิกล้าสั่งสอนมากเกินไป กลัวว่าจะทำให้เขาหลงทาง……”
“เผชิญหน้ากับเด็กคนนี้ พวกเราไม่กล้ากล่าวว่าเส้นทางของตนเองถูกต้อง”
พวกเขาส่ายหน้า พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
พรสวรรค์ที่น่ากลัวทำให้พวกเขาไม่กล้าสั่งสอนเรื่องการบำเพ็ญ
พวกเขาทำได้เพียงบอกเล่าเรื่องการบำเพ็ญ และประสบการณ์ชีวิตให้กู้ฉางเซิงฟัง
ทันใดนั้น กู้ฉางเซิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ร่างกายสั่นสะเทือน พลังเวทมากมายพบเจอทางออกจึงเริ่มต้นพุ่งทะลักออกมา
ความรู้สึกที่ลึกลับยากอธิบายปรากฏขึ้น ภายในใจสงบนิ่ง
จากนั้น บนผิวหนังของเขาก็ปรากฏแสงเซียนมากมายไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ทำให้เขารู้สึกสบาย ปราณโลหิต อวัยวะภายใน และกระดูก ล้วนได้รับการหล่อเลี้ยง
ในเวลานี้ ราวกับว่าเขามีพลังอันไร้ขอบเขต
“กระไรนะ!? ปากขวดแตกแล้ว หรือว่าเด็กคนนี้ต้องการทะลวงพันธนาการ? ทะลวงระดับสูงสุด?”
เหล่าผู้อาวุโสเบิกตากว้าง
“เด็กคนนี้คิดว่ากายเนื้อของตนเองถูกจำกัดเช่นนั้นหรือ? แต่เขาก็เป็นกายาปฐมโกลาหลที่หาได้ยากในหมื่นยุคแล้วมิใช่หรือ!”
“แม้ว่าเขาจะมิได้ถูกตัดทอนพลังเวท แต่กลับนำพลังเวทที่ได้รับมาตั้งแต่กำเนิดมาหล่อเลี้ยงรากฐาน ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเด็กคนนี้ คงมิใช่ระดับเซียนแท้”