ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 10 งานชุมนุมล่าสัตว์
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 10 งานชุมนุมล่าสัตว์
เจ้าหนูนี่เติบโตมาภายใต้การคุ้มครองของตระกูลกู้ตลอด ไม่เคยแม้แต่จะฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
เป็นเพียงดอกไม้ในเรือนกระจกโดยแท้
อนาคตต้องต่อสู้แย่งชิงเส้นทางพิสูจน์มรรคเป็นจอมสรรพสิ่งกับเหล่าอัจฉริยะฟ้าประทานรุ่นเยาว์ มิใช่เพียงแค่การบำเพ็ญเท่านั้น
เส้นทางนั้นล้วนปูด้วยโลหิตและกระดูก
แม้กู้ฉางเซิงจะเป็นกายาปฐมโกลาหล ก็ยังคงมีโอกาสสูงที่จะล้มหายตายจากไปกลางคัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาพึงพอใจของชายชุดเทาก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
“ข้ารู้ว่าท่านปู่บรรพชนมิอยากให้ข้าอยู่แต่ภายในตระกูลกู้ ไม่ออกไปไหน เส้นทางต้องก้าวเดินด้วยตนเอง มิใช่สิ่งที่คนรุ่นก่อนทิ้งไว้ให้”
กู้ฉางเซิงตอบ
ตระกูลอมตะสามารถสืบทอดมาได้ยาวนานเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผล
“พอดี ช่วงนี้มีงานชุมนุมล่าสัตว์ เจ้าก็ถือโอกาสนี้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วใต้หล้าเถิด”
ชายชุดเทายิ้มเล็กน้อย ตอบรับ
งานชุมนุมล่าสัตว์ เป็นงานชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่ที่แดนมรรคาหนานเซิ่งและแดนมรรคารอบข้างจัดขึ้นทุกพันปี
เหตุผลที่กำหนดเวลาเป็นพันปี
ก็เพราะเหยื่อในงานชุมนุมล่าสัตว์ คือ คลื่นสัตว์ทมิฬ
ทุกพันปีจะโหมกระหน่ำครั้งหนึ่ง ทุกที่ที่พวกมันผ่านไป หนทางไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต ต้นไม้ใบหญ้าล้วนเหี่ยวเฉา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดดับสูญ
สัตว์อสูรเหล่านั้นถูกสารอมตะจากต่างแดนย้อมติด จิตวิญญาณสูญสิ้น กลายเป็นเครื่องมือที่ทำลายล้างทุกสิ่ง
พื้นที่ฝังศพเก้าอเวจี ดินแดนนอกสวรรค์ เขตไร้ผู้คนต่างแดน
นี่คือสามเขตหวงห้ามที่เหล่าผู้บำเพ็ญในแดนมรรคาสามพันแดนต่างก็รู้จัก แม้แต่ผู้ยืนยงก็มิอยากย่างกรายเข้าไป
ในบรรดานี้ ต้นกำเนิดของคลื่นสัตว์ทมิฬเกี่ยวข้องกับเขตไร้ผู้คนต่างแดน
กล่าวกันว่า ณ ที่แห่งใดที่หนึ่งในแดนมรรคาหนานเซิ่ง มีรอยแยกมิติที่เชื่อมต่อกับต่างแดน
สารอมตะก็แผ่กระจายออกมาจากที่นั่น
เมื่อได้ยินคำอธิบายของท่านปู่บรรพชน ดวงตากู้ฉางเซิงก็เป็นประกายด้วยความสนใจ คิดในใจ “งานชุมนุมล่าสัตว์ที่จัดขึ้นทุกพันปี บังเอิญยิ่งนัก ดูเหมือนว่าโชคชะตาไม่เลว”
หลังจากเรียนรู้พลังอิทธิฤทธิ์และวิชาสมบัติมากมาย เขากำลังคิดว่าจะไปฝึกฝนที่ไหนดี
นี่ไม่ใช่โอกาสที่ดีหรือ?
“แต่สิ่งเดียวที่ต้องระวังก็คือ อย่าให้สารอมตะย้อมติดร่างกาย แม้แต่ผู้ยืนยง หากถูกย้อมติด ก็ต้องล้มตาย สูญเสียความเป็นมนุษย์”
ราวกับรู้ว่ากู้ฉางเซิงคิดอะไร ชายชุดเทาจึงกล่าวเตือน
“ข้าเข้าใจแล้ว โปรดวางใจเถิดท่านปู่บรรพชน”
กู้ฉางเซิงพยักหน้า
สถานที่ที่ทำให้เซียนแท้ต้องหวาดกลัว เขาต้องระมัดระวังอย่างแน่นอน
“การออกเดินทางครั้งนี้ ตระกูลจะจัดหาผู้พิทักษ์มรรคให้เจ้า แต่หากไม่พบเจอกับอันตรายถึงชีวิต พวกเขาจะไม่ลงมือ มิเช่นนั้น การฝึกฝนก็คงไม่มีความหมาย”
ชายชุดเทากล่าวต่อ
กู้ฉางเซิงเกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลกู้ ชีวิตของเขาย่อมสำคัญอย่างยิ่ง นี่เป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัย
“นอกจากนี้ จงนำสมบัติลับและสิ่งของป้องกันตัวติดตัวไปให้มาก เมื่อออกไปข้างนอก เจ้าคือทายาทบุตรเทพของตระกูลอมตะ เป็นตัวแทนของตระกูลอมตะ”
“จี้หยกชิ้นนี้ ข้าได้หลอมมันด้วยตนเอง เจ้าต้องพกติดตัวตลอดเวลา ภายในนั้นมีวิญญาณแท้ของข้าหนึ่งส่วน หากบดขยี้ ก็สามารถปลุกมันขึ้นมา คุ้มครองเจ้าได้ชั่วครู่”
จี้หยกที่ส่องประกายเจิดจรัส ปลดปล่อยปราณเซียนออกมาแผ่วเบา ถูกท่านปู่บรรพชนมอบให้กู้ฉางเซิง
ดูธรรมดา มิได้มีสิ่งใดพิเศษ
ทว่าภายในนั้นกลับมีวิญญาณแท้ของท่านปู่บรรพชนหนึ่งส่วน เขาก็คือบุคคลผู้หนึ่งที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดในแดนมรรคาสามพันแดน
ล้ำค่าเพียงใด ไม่ต้องกล่าว
ตระกูลกู้คงไม่ยอมให้เขาตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้ฉางเซิงก็พยักหน้าเล็กน้อย กล่าวขอบคุณ “ฉางเซิงขอบพระคุณท่านปู่บรรพชนที่เมตตา”
จากนั้น ทั้งสองก็สนทนากันอีกครั้ง
กู้ฉางเซิงกล่าวถึงผลลัพธ์การบำเพ็ญเพียรและความเข้าใจในพลังอิทธิฤทธิ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาภายในศาลาพระสูตร และจึงลุกขึ้นกล่าวลา
……
ภายนอกเกาะเทพที่เขาอาศัยอยู่ มีสมาชิกตระกูลที่ได้รับคำสั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ชายวัยกลางคนผู้มีใบหน้าใจดี เมื่อเห็นกู้ฉางเซิงแปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งพุ่งลงมา ก็รีบคารวะ “คารวะคุณชาย”
กู้ฉางเซิงเลิกคิ้ว เอ่ยถาม “เจ้าคือ?”
“ข้าได้รับความเมตตาจากเหล่าผู้อาวุโสในตระกูล งานชุมนุมล่าสัตว์ครั้งนี้ ข้าน้อยจะรับผิดชอบดูแลความเป็นอยู่ จัดเตรียมเรือเหาะ และอื่น ๆ ให้คุณชาย” ชายวัยกลางคนกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม ท่าทางนอบน้อมอย่างยิ่ง
งานชุมนุมล่าสัตว์ย่อมไม่ใช่แค่กู้ฉางเซิงเพียงคนเดียว
สมาชิกตระกูลกู้รุ่นเยาว์มีมากกว่าหมื่นคน เพียงแต่จะคัดเลือกผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่น
นี่คือหลักการของการคัดเลือก
กู้ฉางเซิงเข้าใจ จึงเอ่ยถามอย่างสงบ “เช่นนั้น ตระกูลจะจัดการอย่างไร?”
“คุณชายจะเป็นผู้นำ ส่วนสมาชิกลำดับรุ่นเยาว์สามลำดับก็จะเข้าร่วมด้วย เพราะสมาชิกลำดับรุ่นเยาว์อื่น ๆ กำลังฝึกฝนอยู่ที่อื่น ไม่สามารถกลับมาทันเวลา เกรงว่า……”
ชายวัยกลางคนตอบ
สมาชิกลำดับรุ่นเยาว์ของตระกูลกู้ ก็คือผู้ที่มีพรสวรรค์และพลังอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นนี้ ตำแหน่งทายาทจะถูกคัดเลือกจากพวกเขา
แต่ละคนล้วนเป็นตัวแทนของสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลกู้ มรดกเทียบเท่าขุมอำนาจโบราณภายนอก
ทว่ารุ่นนี้ เป็นเพราะกู้ฉางเซิง ตำแหน่งทายาทจึงถูกกำหนดไว้แล้ว
แต่ในหมู่คนรุ่นเยาว์ ก็ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้าง
นี่เป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
พรสวรรค์และภูมิหลังของข้าด้อยกว่าตรงไหน เหตุใดแม้แต่สิทธิ์ในการต่อสู้ก็ยังไม่มี?
ตระกูลกู้ยิ่งใหญ่ ไม่อาจหยั่งถึง การแย่งชิงภายในตระกูลย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตราบใดที่ไม่เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ ตระกูลก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ความหมายแฝงชัดเจนอย่างยิ่ง
กู้ฉางเซิงเข้าใจ สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวว่า “ไม่เป็นไร หากพวกเขาอยากแย่งชิง ก็ให้มาลองดู”
น้ำเสียงที่ดูสบาย ๆ ทำให้ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างขมขื่น
สมาชิกลำดับรุ่นเยาว์สิบลำดับแรกของตระกูลกู้ ล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดา
หากออกไปข้างนอก แต่ละคนสามารถก่อให้เกิดความโกลาหลได้
กระบวนการสร้างบารมี คงไม่ง่ายนัก
แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดในเรื่องนี้ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดก็พอ จึงกล่าวว่า “ใกล้จะออกเดินทางแล้ว เหล่าผู้อาวุโสให้ข้าน้อยพาคุณชายไปคัดเลือกผู้ติดตามสักสองสามคน เพื่อช่วยเหลือคุณชายจัดการเรื่องวุ่นวายในชีวิตประจำวัน”