บทที่ 9 อธิการบดีมาถึงแล้ว
บทที่ 9 อธิการบดีมาถึงแล้ว
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เลอวั่นอี้คาดไว้
ครูในแผนกวัสดุไม่รู้เลยว่ารูปนี้มีความหมายว่าอย่างไร
ในวันธรรมดาก็อนุญาตให้สังเกตการณ์ห้องฝึกซ้อมได้ตามใจชอบ
ไม่นานนัก ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหุ่นยนต์ทดสอบโลหะผสมลายเวทย์มนตร์ในห้องฝึกซ้อมนักศึกษาใหม่ ก็กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในฟอรัมของโรงเรียน
“เรื่องจริงเหรอเนี่ย! มีอสูรกายอีกตัวในชั้นปีหนึ่ง!!”
“พี่ชาย วันนี้ฉันได้เห็นกับตาตัวเอง ฉันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทดสอบ แต่คะแนนที่ฉันทำได้มัน...”
“ไม่ต้องแสร้งทำเป็นเก่งหรอก เปิดเผยตัวจริงออกมาซะ ฉันเองก็ต่อยโลหะผสมลายเวทย์มนตร์แตกด้วยหมัดเดียว”
“มีข่าวลือว่าเจ้าคนที่ทำได้นั่นเขาไปขอความช่วยเหลือจากแผนกวัสดุ!!”
“แผนกวัสดุนั่นสมควรโดนประณามแล้ว พวกเขากำลังลดต้นทุน เจ้าพวกนั้นกำลังยักยอกเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง!!”
........
แต่ละหัวข้อการสนทนาดูเกินจริง แต่สิ่งที่อยู่ในข่าวลือนั้นมีส่วนหนึ่งคือเรื่องจริง
เหตุการณ์นี้กลายเป็นประเด็นร้อนในฟอรัมของโรงเรียน แม้แต่ห้องฝึกซ้อมในตอนนี้ก็กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนต้องไปเช็คอิน
ในตอนแรก มันก็เป็นเพียงการพูดคุยกันในหมู่นักเรียน
แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินต่อไป
ปรมาจารย์ระดับสูงก็เริ่มให้ความสนใจ
ในลานบ้านปรมาจารย์ของสถาบันเกาอู่แห่งมหานครเวทมนตร์
ฮั่วเหวินซุน ผู้นำพรรคไฟ บุตรชายแห่งระดับเพชร กำลังดุหวงตงตง ศิษย์รักของเขา
“อาจารย์บอกให้แกฝึกฝนให้หนัก แต่แกกลับแอบเล่นโทรศัพท์!”
“อาจารย์ ผมไม่ได้เล่นโทรศัพท์! ผมกำลังจับตาดูคู่แข่งอยู่!”
“ยังจะกล้าเถียงอีกเหรอ?! ในกลุ่มของพวกแก ใครมันจะมีเวลามาโพสต์อะไรแบบนี้ลงบนเน็ตกัน?!”
“จริงนะครับ อาจารย์!!”
“ฉันนี่แหละที่จะตีแกให้ตาย!!”
ฮั่วเหวินซุนเป็นคนที่ใจร้อน
เขาโบกมือข้างหนึ่ง
เปลวไฟก็ลุกท่วมก้นของหวงตงตง
หวงตงตงเจ็บปวด เขานั่งลงบนพื้นเพื่อดับไฟ
“หึ ฝึกฝนก็ไม่ฝึกฝน ยังมีเวลามานั่งเล่นอยู่ได้!!” ฮั่วเหวินซุนดุด่าศิษย์ของเขา “วันนี้ฉันจะสาธิตวิชาไฟสามสิบหกกระบวนท่าให้แกดูเอง!!”
หวงตงตงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยความคับข้องใจ “ไม่ใช่นะครับ อาจารย์ ดูสิครับ!!”
“เรื่องอะไรกัน ฉันเดินทางไปทั่วโลกมานานหลายปี ไม่มีอะไรเป็นเรื่องแปลกอีกต่อไป เมื่อไหร่แกจะเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ให้ได้อย่างฉันกัน??!”
เมื่อเห็นว่าหวงตงตงยืนกรานที่จะให้เขาดู ฮั่วเหวินซุนจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของหวงตงตงมาด้วยความโกรธ
แต่เมื่อเขาเห็นภาพหุ่นยนต์ทดสอบในฟอรัม
ฮั่วเหวินซุนก็หยุดพูด
เขามีคิ้วหนา ดวงไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ตอนนี้ดวงตาของเขากำลังเบิกกว้าง
ดวงตาของเขาค่อยๆ เปลี่ยนจากสงบนิ่งเป็นตกตะลึง
มันค่อยๆ เปลี่ยนจากตกตะลึงเป็นไม่อยากจะเชื่อ และสุดท้ายมันก็กลายเป็นความกระตือรือร้น!!
ฮั่วเหวินซุนดูตื่นเต้นจนรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง
คนนอกมองดูความสนุก คนในมองดูประตู
เลอวั่นอี้สามารถมองเห็นความน่าทึ่งของผู้ทดสอบคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วฮั่วเหวินซุน ผู้ซึ่งอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับเพชรจะมองไม่เห็นได้ยังไงกัน?
ในตอนนั้นเอง หัวใจของฮั่วเหวินซุนมีเพียงความคิดเดียว
ต้องรับเขาเป็นศิษย์ให้ได้!
นี่คือศิษย์เอกของฉัน นี่คือสิ่งที่ฉันจะเอาไปโอ้อวดตลอดชีวิต นี่คือคนที่จะแบกโลงศพของฉันในอนาคต!!
ไม่เกินจริงเลยที่จะบอกว่า เมื่อเขาเห็นภาพนี้ ฮั่วเหวินซุนก็ถึงกับคิดชื่อให้ศิษย์ของเขาแล้ว
น้ำเสียงของฮั่วเหวินซุนสั่นเทา “บอกข้ามาเร็วๆ ว่านี่มันที่ไหน??!!”
“อาจารย์ครับ นี่คือห้องฝึกซ้อมของนักศึกษาใหม่...”
พูดจบฮั่วเหวินซุนก็กลายร่างเป็นลมเพลิงก่อนจะบินออกจากลานบ้านไป
“อาจารย์ ท่านจะไปไหน?!” หวงตงตงดูงุนงง ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัว ฮั่วเหวินซุนก็บินหนีไปแล้ว เหลือเพียงแค่ประโยคเดียวทิ้งเอาไว้ในสายลมอันเดียวดาย
“ใจเย็นๆ ไว้ ฉันจะไปรับศิษย์น้องให้แกเอง!!”
เมื่อฮั่วเหวินซุนบินไปถึงลานบ้านของอาคารนักศึกษาใหม่
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึง
ตอนนี้ที่แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยชายชรา
พวกเขาทุกคนมีพลังอย่างน้อยก็ระดับแพลทินัมสูงสุด และหลายคนก็เป็นปรมาจารย์ระดับเพชร
พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นคนที่สามารถก่อตั้งพรรคได้
“ท่านฮั่ว เจ้ามาสายแล้วนะ เดี๋ยวก็โดนแซงคิวหรอก!!”
“ท่านผู้อาวุโสหู ยังมีเวลามาที่นี่อีกเหรอเนี่ย?”
“ทำไมกันล่ะ? นี่ข้าจะมาที่นี่ไม่ได้งั้นเหรอ?”
“เฮ้ เจ้าหม่า เจ้าแอบไปเรียนรู้วิชาเวทย์มนตร์จากพระสันตะปาปาแห่งศาสนจักรไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“อย่ามาพูดอะไรบ้าๆ! ข้าไปแลกเปลี่ยนเท่านั้น! แลกเปลี่ยนต่างหาก!”
“เหอะๆ ผู้นำพรรคจิง ดูเหมือนที่นี่จะไม่ใช่พรรคของเจ้านะ??”
“ฮ่าๆ ฉันเรียนจบจากสถาบันเกาอู่แห่งมหานครเวทมนตร์เมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนี้มาเยี่ยมชมโรงเรียนเก่า มันไม่ได้เหรอไงกัน?”
เหล่าชายชรากำลังพูดคุยกัน
ทุกคนรู้ดีว่าทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ และพวกเขาก็ต่างก็ไม่พอใจกันอย่างเห็นได้ชัด
ชายชราก็เป็นผู้ฝึกฝนเช่นกัน
ถ้าจะพูดถึงเรื่องการแข่งขัน พวกเขาต่างปลดปล่อยออร่าออกมาโดยไม่ลังเล
ที่นี่เต็มไปด้วยออร่าของชายผู้แข็งแกร่ง
นักเรียนที่อยู่ในรัศมีสิบไมล์ต่างก็รู้สึกกดดัน
แม้แต่สุนัขที่กำลังเดินผ่านไปมา มันก็ยังต้องคลานหนีไปอย่างเหนื่อยหอบ
ส่วนแผนกจัดหา
หัวหน้าแผนกเหยาโหย่วเฉียนด่าซูโหย่วไฉ่ ผู้รับผิดชอบแผนกวัสดุของนักศึกษาใหม่กำลังโกรธ
“นี่นายแน่ใจนะว่าอุปกรณ์ตรวจสอบเสียหาย และบันทึกการเข้าออกหายไปจริงๆ น่ะ??!!”
“นายคิดว่าถ้าพูดแบบนี้จะมีใครเชื่อนายงั้นเหรอ? หืม? บอกมาสิ ใครจะเชื่อนายกัน?!”
“มองดูข้างนอกให้ดีๆ! บรรดายอดฝีมือมากันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ มันเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายตอนที่พวกเรารบกับแคว้นนินจา!!”
“คิดให้ดีก่อนจะพูด!! ถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกเราอาจจะไม่ได้ออกไปจากตึกนี้!”
ตอนนี้ แผนกวัสดุถูกล้อมรอบไปด้วยปรมาจารย์จากทุกทิศทุกทาง
แต่ละคนต่างรอให้พวกเขาเปิดประตูและให้คำตอบ
แต่คำตอบที่ลูกน้องมอบให้เขามีเพียงแค่ว่า ไม่มีคำตอบ
ไม่เพียงแต่ไม่มีคำตอบ มันยังไม่มีข้อมูลอะไรให้เขาอีกด้วย
แบบนี้...ใครจะเชื่อล่ะ?
ถ้าออกไปบอกแบบนั้นกับเหล่าปรมาจารย์ พวกเขาไม่มีทางเชื่อแน่
เหยาโหย่วเฉียนรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ได้ออกไปจากแผนกจัดหาอย่างปลอดภัยได้อีก...
ตอนนี้ใบหน้าของซูโหย่วไฉ่เต็มไปด้วยเหงื่อ เขากำลังเช็ดเหงื่ออย่างต่อเนื่อง
หัวใจของเขากำลังเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
นี่มันเรื่องอะไรกัน??!!
เกิดบ้าอะไรขึ้น? นักเรียนที่ทำการทดสอบคนนั้นสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?
ปรมาจารย์มากมายจากมหานครเวทมนตร์มารวมตัวกันที่นี่ ใครจะทนได้...
ซูโหย่วไฉ่พูดไม่ออก สุดท้ายแล้วเขาก็ทำผิดกฎก่อน เขารู้สึกผิด
“พวกเราไปขอร้องอธิการบดีดีมั้ย? ถ้าท่านอธิการบดีอยู่ที่นี่ ปรมาจารย์ข้างนอกคงจะสงบลงได้...”
“อธิการบดีเหรอ? นายกล้าไปขอร้องท่านจริงๆเหรอ? นี่คิดว่าท่านอธิการบดีจะให้เกียรตินายมากกว่าฉันงั้นเหรอ? ซูโหย่วไฉ่ ปกตินายเป็นคนฉลาด ทำไมตอนนี้นายถึงได้โง่แบบนี้?”
ในขณะที่เหยาโหย่วเฉียนกำลังจะด่า ชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับอากาศธาตุ
ทั้งสองคนตกใจ เมื่อเห็นชายชราคนนั้น พวกเขาก็รีบลุกขึ้นยืนด้วยความเคารพ “สวัสดีครับ ท่านอธิการบดี”
คนที่เพิ่งมาถึงคืออธิการบดีของสถาบันเกาอู่แห่งมหานครเวทมนตร์
เป็นปรมาจารย์ผู้เลิศล้ำ
ท่านโวลต์ ไบซู หนึ่งในเสาหลักทั้งสามที่คอยปกป้องมหานครเวทมนตร์
ไบซูโบกมือ เขาบอกให้ทั้งสองคนนั่งลง
“ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว ฉันจะจัดการเอง” ไบซูตัดสินใจขั้นสุดท้าย
ดูเหมือนว่าบุคคลทั้งสองได้รับการนิรโทษกรรม เส้นใยที่ตึงเครียดก็คลายลง
โดยเฉพาะซูโหย่วไฉ่
เขาทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง แต่ปากของเขากลับยังไม่หยุด เขาเปลี่ยนไปเลียแข้งเลียขาไบซูทันที “ท่านอธิการบดี ในที่สุดผมก็ได้เจอกับพระผู้เป็นเจ้าแล้ว! ท่านคือแสงสว่าง ท่านคือแบบอย่างให้กับผม!”
ไบซูไม่สนใจคำเยินยอเหล่านั้น เขาพูดอย่างใจเย็น
“ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับนักเรียนคนนี้”
“และอย่าลืมทำลายข้อมูลสำรองทั้งหมด อย่าบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด”