บทที่ 8 โรงแรมหย่งอัน ตอนที่ 8
บทที่ 8 โรงแรมหย่งอัน ตอนที่ 8
เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกของติงเหรินดึงดูดให้คนอื่น ๆ มารวมตัวกัน
เสิ่นชงหรานจ้องมองประตูแล้วพูดว่า "พวกเราทุบประตูเข้าไปเถอะ"
ติงเหรินพยักหน้า ทั้งสองใช้ไหล่กระแทกประตู เสียงกระแทกทำให้คนที่กำลังจะลงบันไดเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
ขณะวิ่งอยู่ก็ได้ยินเสียงเย่เหยียนถาม "เกิดอะไรขึ้น?"
ประตูถูกเปิดออกแล้ว โชคดีที่ไม่พบศพทันที ห้องของเจ้าของโรงแรมสะอาดกว่าที่พวกเขาคิด
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเตียง ผ้าห่มถูกพับเรียบร้อยวางอยู่ที่ปลายเตียง
ติงเหรินไปดูที่ห้องน้ำ แต่ก็ไม่มีใครอยู่
จี้ฉานและคนอื่น ๆ มาถึงหน้าประตู "เกิดอะไรขึ้น? เจ้าของโรงแรมเป็นอะไรไป?"
เสิ่นชงหรานส่ายหัว "ไม่เจอเจ้าของโรงแรม เราคงต้องไปหาที่อื่นดูต่อ"
ติงเหรินออกมาจากห้องน้ำและส่ายหัวให้คนอื่น ๆ "เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ตอนที่ฉันลงมาก็ไม่เห็นเขาเลย"
ทุกคนรู้สึกกังวล เป่ยเป่ยที่เพิ่งสูญเสียเพื่อนไปเมื่อวาน ทำหน้าเคว้งคว้าง "ทำไมเจ้าของโรงแรมถึงหายไปด้วยล่ะ? หรือว่าโดนฆาตกรจับไปแล้ว?"
แม้ว่าจะรู้ดีว่าเจ้าของโรงแรมอาจจะถูกฆ่า แต่พวกเขาก็ยังพยายามค้นหาทุกชั้น แต่ก็ไม่พบอะไร
เจิ้งลิ่วถอนหายใจ "จากนี้ไปก็ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองรอดไปถึงวันที่ 29"
บรรดาคนนอกตอนนี้เหลือเพียงหลิวเจี๋ยกับเป่ยเป่ย การพูดของเจิ้งลิ่วแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยยิ่งทำให้หลิวเจี๋ยรู้สึกว่า ความสงสัยของเริ่นห้าวก่อนหน้านี้ไม่ผิด
"พวกคุณมาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่? อะไรคือการรอดถึงวันที่ 29?"
ครั้งนี้เป่ยเป่ยไม่ได้ห้ามหลิวเจี๋ย เพราะแม้แต่เธอก็เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจเหมือนกัน
ติงเหรินมองเจิ้งลิ่วด้วยสายตาไม่เห็นด้วย ก่อนจะอธิบาย "เขายังไม่ค่อยมีสติ เขาเพิ่งได้รับความกระทบกระเทือน"
แต่หลิวเจี๋ยส่ายหน้า "ไม่ใช่ ตั้งแต่แรกแล้วฉันก็คิดว่ามันแปลก ๆ พวกคุณดูไม่ค่อยสนิทกัน แต่กลับชอบมารวมตัวกันบ่อย ๆ ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ"
เขาชี้ไปที่เย่เหยียนและเจิ้งลิ่วแล้วพูดต่อ "อีกอย่าง เจ้าของโรงแรมบอกว่าพวกคุณสองคนเป็นแฟนกัน แต่ถึงแม้จะทะเลาะกันตั้งแต่แรก ก็ไม่ควรจะทำตัวแปลกหน้าแบบนี้ พวกคุณไม่ใช่แฟนกัน"
เย่เหยียนทำตัวไม่ถูกกับคำพูดนี้ เพราะพวกเขาไม่ใช่คู่รักกันจริง ๆ "ตอนแรกเจ้าของโรงแรมเข้าใจผิดต่างหาก..."
ตอนนี้เมื่อเป่ยเป่ยมองทั้งห้าคนตรงหน้า เธอเริ่มรู้สึกว่าพวกเขาเป็นอันตรายมาก แม้แต่เสิ่นชงหรานที่เธอเคยมีความรู้สึกดีด้วย ก็กลายเป็นคนที่เธอเริ่มสงสัย
"หลิวเจี๋ยพูดถูก ตั้งแต่ก่อนที่พวกคุณจะมาที่นี่ ทุกอย่างในโรงแรมก็ยังปกติดี แต่พอพวกคุณมา เพื่อนของพวกเราก็เริ่มตายกันทีละคน"
เธอเริ่มสงสัยว่าพวกเขาอาจจะเป็นกลุ่มอาชญากร
จี้ฉานถอนหายใจและพยายามพูดให้ใจเย็น "พวกเราไม่ได้เป็นคนร้ายจริง ๆ คุณลืมไปหรือเปล่าว่าคู่สามีภรรยาคู่นั้นออกไปขอความช่วยเหลือ ถ้าเราคิดจะขังพวกคุณไว้ที่นี่ เราก็สามารถลงมือทำได้ตั้งแต่แรกแล้ว จะปล่อยให้พวกเขาออกไปทำไม"
คำพูดนี้ดูมีเหตุผล แต่หลิวเจี๋ยก็ยังไม่เชื่อ เขาจับเป่ยเป่ยไว้ข้างหลัง "พวกเราจะย้ายไปอยู่ชั้นหนึ่ง อย่ามายุ่งกันอีกแล้ว"
ติงเหรินและคนอื่น ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าเป็นพวกเขา ก็คงจะระแวงเหมือนกัน
• ...
หลิวเจี๋ยและเป่ยเป่ยตัดสินใจที่จะพักในห้องของเจ้าของโรงแรม ก่อนจะเข้าไปในห้อง พวกเขายังไปหยิบผัก ผลไม้ และขนมจากห้องครัวมาเล็กน้อย เมื่อปิดประตูแล้วก็ไม่มีเสียงอะไรอีก
เย่เหยียนมองไปที่ประตู "พวกเขาจะไม่เป็นอะไรข้างในนั้นใช่ไหม?"
ติงเหรินจัดแจงเสื้อสูทที่เขาสวมมาหลายวันจนยับยู่ยี่ "ก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้พวกเขากลัวพวกเรากันจนตัวสั่นแล้ว ปล่อยพวกเขาไปเถอะ"
ในสายตาของเขาเอง เขายังไม่มั่นใจเลยว่าคนพวกนี้เป็นคนจริง ๆ หรือเปล่า พวกเขาอาจเป็นแค่ NPC ที่ไม่มีชีวิตจิตใจก็ได้
เย่เหยียนได้ยินก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผล "จนถึงตอนนี้ คนที่ตายก็เป็นคนที่อยู่ที่นี่ บางทีพวกเราจะปลอดภัยก็ได้นะ"
เสิ่นชงหรานกลับไม่คิดเช่นนั้น เธอมีลางสังหรณ์ไม่ดี ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เมื่อถึงตาของพวกเขาที่ต้องทำภารกิจ ความเสียหายจะยิ่งใหญ่กว่านี้
"ระบบบอกว่ามีสองทางเลือก หนึ่งคือการรอดไปจนถึงวันที่ 29 อีกทางหนึ่งคือการหาหลักฐานทำความจริงให้ปรากฏ ทำไมพวกเราไม่ลองค้นหาหลักฐานในทุกห้องของโรงแรมดูล่ะ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าที่ไม่รู้อะไรเลยแบบตอนนี้"
เจิ้งลิ่วเห็นด้วยกับความคิดนั้น "งั้นฉันจะไปตรวจห้องอื่นดู"
ติงเหรินมองตามเจิ้งลิ่วที่กำลังจะออกไป จากนั้นหันกลับมามองห้องของเจ้าของโรงแรม "เราควรค้นห้องของเจ้าของโรงแรมด้วยหรือเปล่า แต่สองคนนั้นคงไม่ยอมออกมาแน่"
เสิ่นชงหรานล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า "ปล่อยให้พวกเขาใจเย็นลงก่อน เราไปค้นที่อื่นกันก่อนดีกว่า"
ทุกคนแยกย้ายกันไป เย่เหยียนยังคงอยู่กับจี้ฉาน ขณะที่ติงเหรินตามรอยเจิ้งลิ่วออกไป
เหลือเพียงเสิ่นชงหรานที่ยังคงอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เธอนึกถึงห้องเก็บของที่เธอเคยให้ความสนใจมาก่อนหน้านี้ จึงเดินไปที่ห้องเล็ก ๆ นั้น
เมื่อเข้าไป เธอเห็นหน้าต่างที่เจ้าของโรงแรมปิดด้วยแผ่นกระดาษแข็งเมื่อคืนนี้ เธอถอนหายใจลึก ๆ "สองคนนั้นจะกลับมาได้ไหมนะ"
ภายในห้องเก็บของมีชั้นวางของสองชั้น ซึ่งเต็มไปด้วยกล่องกระดาษ เสิ่นชงหรานมองไปรอบ ๆ ในกล่องเหล่านี้ส่วนหนึ่งมีเครื่องมือของเจ้าของโรงแรม เช่น ค้อนและไขควง
ส่วนที่เหลือเกือบทั้งหมดเป็นหนังสือพิมพ์และนิตยสารเก่า ๆ เสิ่นชงหรานนึกขึ้นได้ว่าที่เคาน์เตอร์หน้ามีแมกกาซีนที่เปิดทิ้งไว้ ดูเหมือนว่าเจ้าของโรงแรมจะออกไปก่อนที่จะอ่านจบ
นิตยสารมีเยอะมาก หากต้องพลิกหาเบาะแสก็คงใช้เวลานาน เธอจึงคิดว่าต้องหาจุดสำคัญให้เจอ
เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์หยิบนิตยสารขึ้นมา มันเป็นนิตยสารที่เน้นเรื่องซุบซิบและข่าวสารทั่วไป คล้ายกับนิตยสารในโลกจริงของเธอ
ยิ่งอ่าน เธอยิ่งรู้สึกว่าที่นี่อาจเป็นอีกโลกหนึ่งที่เชื่อมต่อกับความเป็นจริง
เมื่อเปิดไปไม่กี่หน้า เธอพบหัวข้อใหญ่ที่สะดุดตา: "กลุ่มลูกคนรวยที่ไปเที่ยวแบ็คแพ็คในภูเขาจางต่างหายตัวไป!"
ข่าวระบุว่ากลุ่มวัยรุ่นจากครอบครัวที่ร่ำรวยรวมตัวกันไปปีนเขาในภูเขาจาง ภูเขาจางในตอนนั้นเป็นที่นิยมพอสมควร แต่หลังจากที่พวกเขาหายตัวไป เรื่องราวและตำนานเกี่ยวกับภูเขานี้ก็แพร่หลายมากขึ้น
พ่อแม่ของผู้สูญหายยังจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อตามหาพวกเขา แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลย
เสิ่นชงหรานนั่งลงบนเก้าอี้ มองดูข่าวแล้วนึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เธอลงจากรถบัสก่อนหน้านี้ มีเสียงประกาศว่าถึงสถานีภูเขาจางแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นภูเขาที่อยู่ในข่าวนี้
นอกจากนี้ เป่ยเป่ยยังเคยบอกว่า พวกเขามาที่นี่เพื่อถ่ายทอดสดการเดินทางขึ้นภูเขา ซึ่งก็น่าจะเป็นภูเขาจางนี้เช่นกัน
น่าเสียดายที่สองคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในห้องด้วยความกลัว จึงไม่สามารถยืนยันได้
ข่าวนี้ไม่ได้บอกว่าพบตัวคนหายหรือไม่ แต่ตอนท้ายกลับเบี่ยงประเด็นไปว่า พวกเขาอาจถูกลักพาตัวไปขาย
เสิ่นชงหรานไม่รู้ว่าข่าวนี้เป็นที่สนใจมากแค่ไหน แต่พ่อแม่ของผู้สูญหายดูเหมือนจะเป็นคนมีอิทธิพล หนึ่งในนั้นเป็นบุตรชายของข้าราชการระดับสูง
เสิ่นชงหรานพลิกดูนิตยสารต่อไป เรื่องนี้ยังถูกพูดถึงในหลาย ๆ หน้า เธอสังเกตเห็นวันที่ของนิตยสาร ซึ่งเป็นฉบับเดือนเมษายน ปี 2002
แต่ตอนนี้เป็นปีอะไรเธอก็ไม่แน่ใจ เธอนึกขึ้นได้ว่ามีโทรศัพท์มือถืออยู่ จึงหยิบมันขึ้นมา ก่อนหน้านี้เธอสนใจแค่เวลา แต่กลับมองข้ามวันที่ไป
เมื่อเปิดปฏิทิน เธอเห็นว่าวันนี้คือวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2017 แต่วันที่เธอเปิดเรียนคือวันที่ 1 กันยายน ปี 2020
เสิ่นชงหรานเก็บมือถือไว้ในกระเป๋า คิดในใจว่าเจ้าของโรงแรมเก็บของได้เก่งมาก นิตยสารเมื่อ 15 ปีที่แล้วยังเก็บไว้ได้อยู่
เธอพลิกดูนิตยสารอีกเล่ม แต่ไม่พบข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ จึงตัดสินใจกลับไปค้นหานิตยสารและหนังสือพิมพ์ที่ออกหลังเดือนเมษายน ปี 2002 ในห้องเก็บของ
นี่เป็นเรื่องเดียวที่เชื่อมโยงกับสถานที่แห่งนี้ และอาจเป็นเบาะแสที่สำคัญก็ได้
..........