ตอนที่แล้วบทที่ 7 อาจารย์ใหญ่เลอตกตะลึงของ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 อธิการบดีมาถึงแล้ว

บทที่ 8 อสุรกาย


บทที่ 8 อสุรกาย

ออร่าของเลอวั่นอี้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง

ออร่าระดับแพลทินัมได้แผ่กระจายไปทั่วโดยที่ไม่รู้ตัว

หวังเสี่ยวหม่านอดไม่ได้ที่จะถอยไปยืนใกล้ๆประตู

ส่วนซูโหย่วไฉ่ ผู้ที่ตกเป็นเป้าสายตาของพายุจิตวิญญาณ

ใบหน้ากลมๆของเขารู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก

สุดท้ายแล้ เขาก็ต้องหยิบเอาหน้ากากแสงสีทองออกมาจากกระเป๋า เหมือนนักมายากลที่กำลังจะร่ายมนตร์

ซูโหย่วไฉ่สวมหน้ากากนั้น

แสงสีทองที่เปล่งออกมาจากหน้ากาก มันได้ปิดกั้นออร่าของเลอวั่นอี้เอาไว้

ซูโหย่วไฉ่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเปิดปากพูด

“อาจารย์ใหญ่เลอ ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรอยากจะพูด ก็พูดออกมาเถอะครับ”

ในฐานะอาจารย์ในแผนกวัสดุ เขามักจะสนใจแต่เรื่องการเงิน ไม่ค่อยสนใจเรื่องการฝึกฝนของนักเรียนเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นเลอวั่นอี้ตื่นเต้นขนาดนี้ เขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้

เลอวั่นอี้มองหน้ากากสีทองของซูโหย่วไฉ่ เธอเบะปากบ่นออกมา “นี่นายใช้ไอเทมระดับทองแบบนี้เลยเหรอ? แผนกจัดหานี่ร่ำรวยจริงๆ”

เลอวั่นอี้ปรับอารมณ์ของตัวเอง เธอกลับไปสู่บุคลิกเดิม “บอกมาสิว่านักเรียนคนนั้นอยู่ที่ไหน?”

ซูโหย่วไฉ่ฟังคำพูดของเลอวั่นอี้ เขาพูดอย่างเศร้าสร้อย “พูดไปก็เท่านั้น แต่ก็นั่นแหละ มันมาจากทางเหนือ ผมบอกคุณได้เลย วันนี้พวกเราเสียหายหนักมาก ไม่เพียงแต่โลหะผสมลายเวทย์มนตร์จะถูกทำลาย กล้องวงจรปิดในห้องฝึกซ้อมของพวกเราก็พังด้วย!!”

“ถ้ารู้ว่านักเรียนคนไหนทำเรื่องแบบนี้ขึ้น ผมจะจัดการมันแทนคุณเอง!”

ซูโหย่วไฉ่ยังคงบ่นพึมพำ ส่วนเลอวั่นอี้กลับครุ่นคิด

จากนั้นเธอก็เซ็นเอกสารที่ซูโหย่วไฉ่ส่งมาให้ ก่อนจะยื่นเอกสารคืนให้กับซูโหย่วไฉ่

“เอาไป ใบรับรองที่ฉันเซ็นให้นาย”

ซูโหย่วไฉ่ไม่รู้ว่าทำไมเลอวั่นอี้ถึงเซ็นมันให้เขาอย่างง่ายดาย

แต่นี่ถือเป็นเรื่องดี

ซูโหย่วไฉ่ที่เมื่อกี้ยังดูเศร้าและโกรธ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็กลับมายิ้มร่า

“อาจารย์ใหญ่เลอทำงานได้รวดเร็วจริงๆ ยินดีต้อนรับอาจารย์ใหญ่เลอมาที่นี่อีกนะครับ”

ในขณะที่เขากำลังพูด เขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กลัวว่าเลอวั่นอี้จะเปลี่ยนใจ

แต่เมื่อซูโหย่วไฉ่กำลังจะแตะต้องเอกสาร เลอวั่นอี้ก็กดเอกสารเอาไว้ซะก่อน

เลอวั่นอี้พูดกับซูโหย่วไฉ่อย่างจริงจัง

“ฉันยังพูดไม่จบ ในฐานะอาจารย์ใหญ่ชั้นปีหนึ่ง ฉันสามารถเซ็นเรื่องนี้ให้นายได้ง่ายๆ แต่นายจะต้องสัญญากับฉันเรื่องหนึ่งก่อน”

“อาจารย์ใหญ่เลอ ว่ามาเลยครับ ตราบใดที่ไม่ต้องเสียเงินมากมายอะไร วันละร้อยเหรียญผมก็โอเค!” ซูโหย่วไฉ่จ้องไปที่เอกสารที่ถูกกดเอาไว้ ราวกับลิงที่เกาไม่ถูกที่คัน

เลอวั่นอี้พูดพร้อมกับรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้ต้องการเงินจากแผนกวัสดุ ฉันแค่อยากจะให้ตามหาบันทึกการเข้าออกห้องฝึกซ้อมทั้งหมดของนักศึกษาปีหนึ่งในวันนี้ และลบข้อมูลสำรองทั้งหมดออก”

ซูโหย่วไฉ่เงยหน้าขึ้นมองเลอวั่นอี้ เขารู้สึกอับอายเล็กน้อย “อาจารย์ใหญ่เลอ ผมเกรงว่านั่นจะเป็นการทำผิดกฎนะครับ”

เลอวั่นอี้ได้ยินซูโหย่วไฉ่พูดแบบนั้น

มือของเธอก็เริ่มออกแรง เธอกำลังบีบเอกสารที่เรียบร้อยจนเริ่มยับยู่ยี่

“อะ...อาจารย์ใหญ่เลอ ผมทำไม่ได้! ผมทำแบบนั้นไม่ได้!”

เลอวั่นอี้ได้ยินแบบนั้นก็เลยปล่อยมือออกไป ในที่สุดซูโหย่วไฉ่ก็ได้รับเอกสารรับรอง เขาเหยียดกระดาษบนโต๊ะอย่างเศร้าใจ

“อาจารย์ใหญ่เลอ ผมตกลง ผมจะอ้างว่าเอกสารต้นฉบับนี้เสียหายเหมือนกับอุปกรณ์เฝ้าระวัง แต่คุณจะต้องเก็บมันเป็นความลับนะ!” ซูโหย่วไฉ่ส่งบันทึกให้กับเลอวั่นอี้

“ไม่ต้องห่วงอาจารย์ซู ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉัน เลอวั่นอี้ ไม่รักษาคำพูดน่ะ? ยินดีต้อนรับอาจารย์ซูเสมอนะคะ”

“โธ่ ไม่ต้องมาต้อนรับอะไรหรอกนะ ผมจะไม่มาที่สำนักงานวิชาการอีก!!”

หลังจากพูดจบ ซูโหย่วไฉ่ก็รีบออกจากสำนักงานวิชาการราวกับกำลังหนีเอาตัวรอด

เลอวั่นอี้ เด็กสาวคนนี้ดูเหมือนจะอายุยังน้อยก็จริง

แต่วิธีการของเธอนั้นโหดเหี้ยมมาก ทุกครั้งที่มาที่นี่ เขาต้องถูกเอาเปรียบเสมอ

เลอวั่นอี้มองดูซูโหย่วไฉ่จากไป เธอเล่นกับเอกสารในมือก่อนที่จะเริ่มครุ่นคิด

“อาจารย์เลอ พวกเราจะเอาเอกสารพวกนี้ไปทำอะไร?” หวังเสี่ยวหม่านผู้ช่วยถามขึ้นหลังจากที่ไม่มีใครอยู่

สถาบันเกาอู่แห่งมหานครเวทมนตร์กำหนดให้ อาจารย์ผู้มีพลังระดับแพลทินัมสามารถรับศิษย์โดยตรงได้

หวังเสี่ยวหม่านเป็นทั้งเพื่อนสนิทและลูกศิษย์โดยตรงของเลอวั่นอี้

หวังเสี่ยวหม่านมักจะช่วยงานในฐานะผู้ช่วยอยู่แล้ว ดังนั้นทั้งสองคนจึงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก

เลอวั่นอี้มองไปที่หวังเสี่ยวหม่าน “ไปดูรูปที่ซูโหย่วไฉ่ส่งมาให้ฉันสิ”

หวังเสี่ยวหม่านเหลือบมองภาพถ่าย ก่อนจะเอามือปิดปากด้วยความประหลาดใจ “1012?? เรามีอัจฉริยะอีกคนในชั้นปีหนึ่งอีกคนแล้วสินะ!!”

“ยินดีกับอาจารย์ด้วยนะคะ ความแข็งแกร่งของนักศึกษาปีหนึ่งของพวกเราก้าวไปอีกขั้นแล้ว!! แต่การทำแบบนี้จะไม่ผิดกฎเหรอคะ?”

“มองดูรูปอีกครั้งสิ เห็นอะไรอีกรึเปล่า?”

หวังเสี่ยวหม่านมองดูภาพอย่างระมัดระวัง จากนั้นเธอจึงพูดต่อ “โลหะผสมลายเวทย์มนตร์ถูกทำลาย? งอัจฉริยะคนนี้ไปถึงขั้นกลางของระดับทองแล้ว!”

เลอวั่นอี้ส่ายหัว “ไม่ใช่หรอก เขาอยู่ระดับเงินต่างหาก”

หวังเสี่ยวหม่านที่ฟังคำพูดของเลอวั่นอี้ เธอดูสับสนเล็กน้อย “นี่มันเป็นไปได้ยังไงคะ??”

โลหะผสมลายเวทย์มนตร์ โลหะที่ว่ากันว่าผู้มีพลังระดับต่ำกว่าทองไม่สามารถทำลายได้ แล้วคนระดับเงินจะสามารถทำลายมันได้ยังไง?

เลอวั่นอี้ถามกลับ

“ถ้าหากเป็นเธอที่เป็นคนโจมตี ใช้ทักษะเดียวกัน โจมตีแบบเดียวกัน และต้องการทำลายโลหะผสมลายเวทย์มนตร์ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว หุ่นยนต์ทดสอบต้องถอยหลังอย่างน้อยไปมากแค่ไหน?”

ไม่ว่ามองยังไง หวังเสี่ยวหม่านก็เป็นอัจฉริยะ

เพียงแค่จินตนาการถึงภาพเหล่านั้นในหัว เธอก็สามารถบอกผลลัพธ์ได้ เมื่อเธอคำนวณผลลัพธ์ เธอมองภาพถ่ายอีกครั้ง ความตกใจในดวงตาของเธอก็ค่อยๆ เผยให้เห็น

หวังเสี่ยวหม่านพูดด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น “อย่างน้อยก็ต้องกระเด็นไปไกลมากกว่าขนาดครึ่งหนึ่งของหุ่นยนต์ทดสอบ... ถ้าอย่างนั้นหมายความว่า ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของผู้ทดสอบคนนี้มัน...”

“ใช่แล้วล่ะ” เลอวั่นอี้พูดอย่างใจเย็น “ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของผู้ทดสอบคนนี้จะต้องมีอย่างน้อย 70% จึงจะสร้างความเสียหายให้กับโลหะผสมลายเวทย์มนตร์ในระยะห่างแบบนั้นได้”

พูดจบเธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาของเธอเปล่งประกาย

“นั่นหมายความว่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ผู้ทดสอบคนนี้มีเทียบเท่าได้กับผู้มีพลังระดับเพชร...”

ทันทีที่เธอได้ยินข้อสรุป หวังเสี่ยวหม่านก็ตกใจจนพูดไม่ออก

ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของนักเรียนระดับเงินเทียบได้กับปรมาจารย์ที่พวกเธอไม่สามารถเอื้อมถึงได้งั้นเหรอ?

ทักษะพื้นฐานที่แข็งแกร่งแบบนี้ ความสามารถในการทำความเข้าใจการฝึกฝนแบบนี้ ระดับความเข้ากันได้กับการฝึกฝนเช่นนี้

มันไม่ใช่แค่หนึ่งในล้านอีกต่อไป มันคือหนึ่งในหลายล้านต่างหาก!

เลอวั่นอี้พูดต่อ

“เพียงแค่มีประสิทธิการภาพใช้พลังแบบนี้ ก็ไม่มีทางเลยที่จะพ่ายแพ้ให้กับการต่อสู้ในระดับเดียวกันได้ ไม่สิ ศัตรูสิบคน หรือแม้แต่ร้อยคน การเอาชนะพวกเขาได้ก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ในโรงเรียนของเราก็เคยมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้ว”

ดวงตาของเลอวั่นอี้หรี่ลงเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงเรื่องบางอย่าง

“ตัวอย่างก็คือผู้ปลุกพลังระดับ S หนึ่งในตำนานรุ่นใหม่ เขานำพาตระกูลไปสู่ความรุ่งเรือง จางเหอตง ผู้ไร้เทียมทาน!!”

หวังเสี่ยวหม่านดูตื่นเต้น เธอหายใจแรงขึ้นเล็กน้อย

“อาจารย์ เราเปิดเผยข้อมูลนี้ไม่ได้ เราจะต้องตามหานักศึกษาใหม่คนนี้ให้เร็วที่สุด!!!”

เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป

ไม่ใช่แค่คนเก่าคนแก่ในสถานศึกษาเท่านั้นที่จะวุ่นวาย แต่กองกำลังภายนอกสถานศึกษาก็จะเริ่มเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน

จางเหอตงคนที่สอง ใครบ้างจะไม่สนใจเขา??

“เธอคิดว่าอัจฉริยะแค่คนเดียว สมควรให้ฉันระดมคนมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?” เลอวั่นอี้เล่นกับเอกสารในมือ

“ข่าวปิดไม่ได้หรอก ด้วยวิธีจัดการของพวกงี่เง่าในแผนกวัสดุแล้ว ฉันว่าพรุ่งนี้รูปนี้คงจะไปโผล่อยู่ในฟอรัมแน่ โชคดีที่วิดีโอการเฝ้าระวังหายไป บันทึกการเข้าออกทั้งหมดก็อยู่ที่ฉัน เราถือไพ่เหนือกว่า”

เลอวั่นอี้ตรวจสอบบันทึกการเข้าออก

เมื่อเธอเห็นบันทึกของห้อง 1 และห้อง 2 เธอก็ตกตะลึงเล็กน้อย

แต่หลังจากที่คิดทบทวน เธอก็ส่ายหัว

กำลังคิดอะไรอยู่? อัจฉริยะแบบนั้นจะมาจากชั้นเรียนของเย่เหรินได้ยังไงกัน?

“เสี่ยวหม่าน ไม่ต้องสนใจห้อง 2 ของชั้นปีที่ 1 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้จับตาดูห้อง 1 ของชั้นปีที่ 1 และห้อง 5 ของชั้นปีที่ 1 เราจะต้องตามหาอสุรกายตัวนี้ให้เร็วที่สุด”

“ค่ะ อาจารย์”

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด