บทที่ 7 สิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดสามอย่างในชีวิต
บทที่ 7 สิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดสามอย่างในชีวิต
ช่วงเวลาเจ็ดโมงครึ่งถึงแปดโมงเช้าเป็นเวลาอ่านหนังสือ ถึงแม้ห้อง 18 จะเป็นห้องบ๊วยของโรงเรียน แต่ก็ยังเป็นโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งประจำจังหวัด ในห้องก็ยังมีนักเรียนครึ่งห้องที่ท่องศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่
ส่วนพวกที่เหลือถึงจะเยอะ แต่ก็ไม่ได้ไปรบกวนใคร
เรียกได้ว่ามาตรฐานของโรงเรียนมัธยมปลายหมายเลข 11 ก็ยังสูงกว่าโรงเรียนทั่วไปอยู่มาก
"หยวน ฉันมีเรื่องเด็ดจะเล่าให้ฟัง"
เพื่อนผู้ชายผมสั้นแหลมเหมือนเม่น ตัวเตี้ย ๆ ที่นั่งอยู่ข้างหน้าหันกลับมา ใบหน้าระบายยิ้มเจ้าเล่ห์
ไม่รู้ว่ารอบตัวทุกคนมีคนแบบนี้บ้างไหม แค่เขาเอ่ยปาก หัวข้อสนทนาก็จะกลายเป็นเรื่องทะลึ่ง แม้คำพูดนั้นจะมีความหมายปกติ แต่พอออกมาจากปากคน ๆ นี้ บรรยากาศก็จะดูหยาบโลน
โจวหยูก็เป็นคนแบบนี้แหละ
เห็นโจวหยูหันมา เพื่อนร่วมโต๊ะของเฉินหยวน เด็กผู้หญิงผมหางม้าหน้ากลม ๆ มีกระเล็กน้อยก็ขยับเข้ามาใกล้ มือหนึ่งลอกโจทย์ผิด อีกมือก็แอบฟัง
โชคดีที่เพื่อนร่วมโต๊ะอย่างเหอซือเจียวรับเรื่องทะลึ่ง ๆ ได้ แถมยังเป็นคนชอบเรื่องสนุก ๆ อยู่แล้ว
"เด็ดยังไง?"
โจวหยูเอามือป้องปากกระซิบ "เช้านี้ตอนไปห้องพักครู เห็นนักเรียนหญิงคนนึงที่ไม่รู้จักกำลังรายงานตัวอยู่"
"มีคนย้ายมาเหรอ? เส้นไม่ใหญ่พอคงเข้าห้อง 18 ไม่ได้หรอก"
"ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือเด็กผู้หญิงคนนั้น..." พูดถึงตรงนี้ โจวหยูก็เลิกคิ้ว "สุดยอดมาก"
"หน้าตาสุดยอดเหรอ?"
"ไม่ได้มองหน้า จำไม่ได้"
"ไม่ได้มองหน้าแล้วมองอะไรล่ะ?"
"แกนี่ แกล้งทำเป็นโง่" โจวหยูทำหน้ารังเกียจและดูถูก
ทันใดนั้น หลาวโม่ อาจารย์ประจำชั้นหน้าตาดุดัน หน้าเหลี่ยมเหมือนตัวละครในเกมไมน์คราฟต์ก็เดินเข้ามา
พร้อมกับเด็กผู้หญิงสะพายกระเป๋า ใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายอันดับ 11 ยืนอยู่ข้างหลัง
วินาทีที่เห็น นักเรียนชายในห้องแทบทุกคนก็หันไปมอง
"นักเรียนใหม่เหรอ?"
"อืม เห็นอยู่ที่ห้องพักครูตั้งแต่เช้าแล้ว"
"ถึงจำหน้าไม่ได้ แต่จำได้ว่าเป็นเธอ แปลกดี"
"เป็นไง?" โจวหยูทำหน้าแบบ 'รู้ ๆ กันอยู่'
เฉินหยวนกลับรู้สึกแปลกใจ ทำไมพลังพิเศษของตัวเองถึงใช้ไม่ได้
อ้อ มีตัวนับถอยหลังอยู่บนหัวนี่เอง
สายตาเลื่อนขึ้นไป นักเรียนใหม่ที่ย้ายเข้ามามีใบหน้าที่จดจำได้ง่าย หน้ารูปไข่สวย แก้มมีเนื้อนิดหน่อย ผมสั้นประบ่า หน้าม้าปรก แต่ใส่แว่นหนา ๆ ที่ดูขัดตา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อ้วนเลยแต่ทำให้คนที่มองรู้สึกว่าเธออ้วนนิดหน่อยเสมอ...
อาจเป็นเพราะชุดนักเรียนตัวใหญ่ล่ะมั้ง มันก็เลยปิดบังรูปร่างสุดยอดนั่นไว้ไม่อยู่
ชื่อภาษาอังกฤษของเธอน่าจะ Sona ใช่มั้ย
ตามทฤษฎีแล้ว ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิต มันก็ต้องมีตัวเลขอยู่บนหัว
ตัวเขาเองมองเห็นตัวนับถอยหลังอายุขัย แถมในห้องยังมีนักเรียนหญิงย้ายเข้ามาใหม่ งั้นตามทฤษฎีแล้วก็น่าจะเอาไปใช้กับเธอนะ
แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้มีตรรกะอะไรขนาดนั้น ตัวเลขบนหัวของโซน่าคือ 【29183】 พูดได้แค่ว่า ถึงจะสวยเหมือนกัน แต่อายุขัยของเธอยาวกว่าเซี่ยซินหยู่ตั้งหมื่นเท่า
ความจริงแล้ว หลังจากสังเกตอายุขัยของเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ เขาพบว่า นอกจากบางคนที่อายุ 50 กว่าก็ลาโลกไปแล้ว อายุขัยของคนอื่น ๆ ก็ค่อนข้างยืนยาวทีเดียว ในนั้นโจวหยูนับว่าโดดเด่น เพราะอยู่ได้ถึง 85 ปี ถึงแก่กรรมตามอายุขัย
ส่วนสาวคนนี้ บวกกับอายุ 17 ปีตอนนี้ ก็ปาเข้าไป 97 ปีแล้ว
"ฉันชื่อโจวฟู่ ย้ายมาจากโรงเรียนที่ 23 หวังว่าจะเข้ากับทุกคนได้ดีนะคะ" เด็กสาวก้มหน้าแนะนำตัวเสียงเบา
"แซ่โจว เหมือนกันเลย!" โจวหยูตื่นเต้นดีใจ รีบแสดงสีหน้ายินดีออกมา
"งั้นเดี๋ยวแกก็ไปคุยกับเขาให้ดี ๆ ล่ะ"
"ถ้านั่งใกล้ ๆ พวกเรา ฉันต้องเข้าไปทักแน่ สาวคนนี้ถ้านะ...ฉันไม่กล้าคิดเลย"
"ไอ้ขี้ขลาด ฉันกล้าคิดโว้ย"
ถ้าไม่พูดถึงเรื่องอื่น อย่างน้อยอายุขนาดนี้คงมีขั้นเหลนโหลนเลยล่ะ
"เธอไปนั่ง..." หลาวโม่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องเรียน แล้วชี้นิ้วไปที่เฉินหยวน "พวกเธอสองคนชอบคุยกันตอนเรียน โจวฟู่ เธอนั่งที่ของถังเจียนนะ"
"ทำไมล่ะครับอาจารย์ ผมไม่ได้..."
"เร็ว ๆ เปลี่ยนเดี๋ยวนี้เลย เธอไปนั่งที่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามานั่น"
หลาวโม๋ไม่ใช่คนชอบล้อเล่นกับนักเรียน บอกให้เปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน ถังเจียนเลยต้องเก็บหนังสือในโต๊ะ แล้วขนย้ายไปที่นั่งแถวหลังสุดของห้องเรียน
"นึกว่าแกจะเป็นคนถูกย้ายไปซะอีก เวร" โจวหยูทำหน้าเสียดายที่พลาดโอกาส 'ใกล้เกลือกินด่าง'
"สมควร" เฉินหยวนพยักหน้า สีหน้าเรียบเฉย
"ทำไมอยู่ ๆ มาสมน้ำหน้ากันงี้เล่า?”
"ไม่เคยเห็นหรือไง? ลูกชายไม่อยากอยู่กับพ่อก็ทำตัวกันแบบนี้แหละ"
"ไอ้... (เวร——) (เชี้ย——)"
ตอนที่โจวหยูกำลังด่ากราดอยู่นั้น ก็มีภูเขาสูงตระหง่านสองลูกเคลื่อนเข้ามาใกล้โดยไม่รู้ตัว เฉินหยวนที่รู้สึกถึงสายตาบางอย่างก็ชะงักไปครู่หนึ่ง พอหันไปมอง ก็เห็นโจวฟู่รีบหลบสายตาไป
เมื่อกี้... เธอมองฉันเหรอ?
มาแล้ว ๆ
ฉันโต้กลับได้ ฉันเหมือนอาจารย์ใหญ่ โจวหยูมันก็แค่คนธรรมดา
และแล้ว สิ่งที่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่สุดในสามสิ่งของชีวิตก็เกิดขึ้น – หล่อนกำลังมองเขาอยู่
"เอาล่ะ พวกเราเริ่มเรียนกันเถอะ"
หลาวโม๋รู้ดีว่าทำไมเด็กผู้ชายพวกนี้ถึงได้ส่งเสียงดังกันนัก เขาจึงจัดการดับไฟพวกนั้นด้วยวิชาคณิตศาสตร์สุดน่าเบื่อและกดดัน
แต่สำหรับเฉินหยวนแล้ว บทเรียนของหลาวโม๋กลับเป็นบทเรียนที่เขาชอบที่สุด
ถึงแม้ว่าหลาวโม๋จะเป็นคนค่อนข้างร้ายกาจ ดูเผิน ๆ ก็ดูดุ แต่เขาก็สอนดี เพราะรู้ว่าเด็กเกเรพวกนี้ไม่ใช่เด็กเรียนหัวกะทิที่จะมุ่งมั่นทำโจทย์ยาก ๆ ได้ ดังนั้นในห้องเรียน เขาจึงเน้นปูพื้นฐานให้แน่น แล้วค่อยไปสอนโจทย์เพิ่มเติมให้กับคนที่อยากพัฒนาตัวเองหลังเลิกเรียน ด้วยเหตุนี้ วิชาคณิตศาสตร์จึงเป็นหนึ่งในไม่กี่วิชาที่เฉินหยวนสามารถตามทัน
โดยทั่วไปแล้ว คะแนนคณิตศาสตร์ของเขาจะอยู่ที่ประมาณร้อยกว่า ๆ ช่วงที่ทำได้ดีก็จะได้ร้อยสิบกว่า ๆ
วิชาภาษาจีนก็ไม่เลว คะแนนส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณร้อย โดยเฉพาะคะแนนเรียงความที่อยู่ที่ห้าสิบเสมอ
ด้วยคะแนนวิชาหลักระดับนี้ ตามหลักแล้วก็น่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับต้น ๆ ได้สบาย ๆ
แต่ทว่าคะแนนภาษาอังกฤษของเขากลับแย่มาก ได้แค่หกเจ็ดสิบคะแนนเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่วิชาที่จะฉุดคะแนนธรรมดา แต่กลับกลายเป็นว่าฉุดคะแนนเขาไปเยอะมาก
ถึงแม้ว่าสาเหตุหลักจะมาจากตัวเฉินหยวนเอง แต่สำเนียงท้องถิ่นอันแสนคุ้นเคยของครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนมัธยมเหอเสียง และการออกเสียงอักษรที่ไม่ถูกต้องของหล่อน หล่อนก็คงต้องมีส่วนรับผิดชอบบ้างแหละน่า?
ส่วนอีกสามวิชา ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คะแนนก็ค่อนข้างสมดุลกัน ชีววิทยาค่อนข้างอ่อน ได้แค่คะแนนผ่านเกณฑ์ เคมีก็พอใช้ได้ คะแนนรวมสามวิชานี้อยู่ที่ประมาณสองร้อยถึงสองร้อยยี่สิบ
คะแนนรวมครั้งล่าสุดของเฉินหยวนคือห้าร้อยสี่ นักเรียนชั้นมัธยมปลายสายวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนสิบเอ็ดมีทั้งหมดประมาณหนึ่งพันคน สายศิลป์สี่ร้อยกว่าคน เขาอยู่ในอันดับที่เก้าร้อยของสายวิทย์
คะแนนต่ำสุดสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับต้น ๆ ของมณฑลไห่ตงครั้งที่แล้วอยู่ที่ห้าร้อยสามสิบสี่ ซึ่งหมายความว่าคะแนนของเขายังห่างจากเกณฑ์ถึงสามสิบคะแนนเต็ม ๆ
ถ้าหากสอบติดแค่มหาวิทยาลัยระดับกลาง ๆ ธรรมดา การที่เขาจากบ้านเกิดมาไกลก็คงไม่มีความหมายอะไร
ถ้าถึงตอนนั้น คนในหมู่บ้านถามขึ้นมาว่า เรียนที่เซี่ยงไฮ้เป็นยังไงบ้าง?
หลังจากที่พยายามมาสามปี ฉันอยากจะเข้าวิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์เซี่ยงไฮ้ตะวันออก
แน่นอนว่า ฉันไม่ได้หมายความจะดูถูกวิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของมณฑลไหน ๆ เพราะเอาเข้าจริง แค่คะแนนของฉันก็ยังห่างจากเกณฑ์เข้าวิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ตั้งสามคะแนน
น่าเสียดายจริง ๆ ที่พลังพิเศษของเขามันไร้ประโยชน์แบบนี้ ไม่งั้นเขาคงอยากใช้พลังโกง ๆ นี่พลิกสถานการณ์ สอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยชิงหวาให้ได้
เป้าหมายในตอนนี้ก็คือ ตั้งใจอ่านหนังสือ สอบให้ติดมหาวิทยาลัยระดับต้น ๆ ให้ได้
ในขณะที่เฉินหยวนกำลังตั้งใจฟังอยู่นั้น เหอซือเจียวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็สะกิดแขนเขาด้วยปากกาลูกลื่น
"ว่าไง?" เฉินหยวนทำหน้างง
เหอซือเจียวทำท่าทางจุ๊ปาก แล้วค่อย ๆ ดันกระจกพับเล็ก ๆ ของเธอ ส่งสัญญาณให้เขาดู
เฉินหยวนหันไปมอง แล้วก็เห็นใบหน้าที่แดงก่ำ และดวงตาที่แอบมองมาทางนี้เป็นระยะ
เป็นไปไม่ได้หรอกน่า
โจวหยูที่เป็นผู้ชายมาชอบเขา มันยังมีความเป็นไปได้มากกว่าที่แม่สาวข้างโต๊ะคนนี้จะมามองเขาซะอีก