บทที่ 6 ต่อหน้าและลับหลัง (2)
ตั้งแต่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่จัวเซ่าได้พบจัวหรงหมิง ชายที่ตายด้วยน้ำมือของเขาในชีวิตก่อน และทำให้เขากลายเป็นฆาตกรฆ่าคนที่ใครๆ ต่างก็พยายามหลีกเลี่ยง
บรรพบุรุษตระกูลจัวเคยเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยในพื้นที่นี้ กระทั่งมาถึงรุ่นปู่ของปู่ เขาพ่ายแพ้ให้กับการพนัน
พอมาถึงรุ่นปู่ของจัวเซ่า ครอบครัวจัวก็ยากจนมาก ยังโชคดีที่ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม ครอบครัวจัวไม่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมต่างๆ เลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นปู่จัวก็ยังคงต่างจากคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน เช่น เขาสามารถอ่านหนังสือออก ทั้งยังดูดี
ปู่จัวที่ดูดีแต่งงานกับย่าจัวที่ดูดีเช่นกัน พวกเขาให้กำเนิดลูกทั้งหมดสามคน แต่ละคนล้วนดูดีกันคนละแบบ
แม้ว่าจัวหรงหมิงจะอายุสี่สิบกว่าแล้ว เขาก็ยังคงหล่อเหลามาก แต่เพราะเขามักจะดื่มอยู่ตลอดเวลา จึงไม่เคยสร่างเมาเลยสักครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ตาปรืออยู่ตลอดเวลา
เมื่อก่อนเขาเคยทำงานในโรงงานปุ๋ย หลังจากตกงานก็อาศัยรับจ้างชั่วคราวอยู่ละแวกนั้น เงินที่เขาหามาได้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายของเขา จัวเซ่าจำได้ว่าก่อนที่พ่อแม่ของเขาจะเสียชีวิต จัวหรงหมิงมักจะมาขอหยิบยืมเงินพ่อแม่ของเขาอยู่บ่อยครั้ง ส่วนชวีกุ้ยเซียงก็มักจะทำงานหัตถกรรมมากมายไปขายเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว เช่น เย็บลูกปัดบนเสื้อผ้า เย็บเลื่อมวิบวับอะไรพวกนั้น
เมื่อจัวเซ่ามองไปยังจัวหรงหมิง เขาก็รีบก้มหน้าลงทันที ซ่อนความดุร้ายบนใบหน้าของตนเอาไว้
หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมและทำลายชีวิตตนเองอีกครั้ง เขาแทบจะรอไม่ไหว อยากพุ่งเข้าไปจับจัวหรงหมิงมาตอนเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“คุณคือลุงของจัวเซ่างั้นเหรอ? ผมเป็นอาจารย์ของจัวเซ่า วันนี้ผมมาเยี่ยมบ้าน” หยางเจี้ยนหวากล่าวและพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก่อนจะเอ่ยถามเขา “คุณรู้หรือไม่ว่าการตีเด็กเป็นเรื่องผิดกฎหมาย”
“อาจารย์ทั้งสองท่าน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ภรรยาของผมอารมณ์ไม่ค่อยดี...” จัวหรงหมิงเอ่ยขอโทษด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปจ้องชวีกุ้ยเซียงอีกครั้ง “ผมทำงานยุ่งมาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภรรยาตีเด็กๆ ต้องขอโทษพ่อของเด็กทั้งสองจริงๆ”
จัวหรงหมิงเคยเรียนหนังสือมาก่อน ทั้งยังพูดจาสุภาพและแสดงออกอย่างสงบเรียบร้อยกว่าชวีกุ้ยเซียงมาก ดังนั้นอาจารย์ทั้งสองจึงจากไปหลังจากกำชับอีกสองสามประโยค
จัวเซ่ามองอาจารย์ทั้งสองคนจากไป ก่อนจะหันกลับมาสบเข้ากับดวงตาร้ายกาจของจัวหรงหมิง “ไอ้เด็กเวร แกกล้ามากนะ!”
น้ำเสียงของจัวหรงหมิงดำมืดลง เขากับชวีกุ้ยเซียงแต่งงานกันย่อมศีลเสมอกัน แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ดี วันนี้จัวเซ่าไม่เชื่อฟัง แล้วยังไปยุยงให้อาจารย์สองคนมาที่บ้าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ทำให้เขาโกรธมาก เขาต้องสั่งสอนจัวเซ่าสักหน่อยแล้ว
จะปล่อยให้ไอ้เด็กเวรนี่ปีนขึ้นมาบนหัวเขาไม่ได้!
จัวหรงหมิงเดินเข้าไปสองสามก้าวหมายจะจับจัวเซ่า แต่จัวเซ่ากลับหลบและเดินเข้าไปในครัว
“แกจะทำอะไร?” จัวหรงหมิงเอ่ยถาม จู่ๆ ก็รู้สึกกระวนกระวาย
จัวเซ่าเดินออกมาจากครัวพร้อมกับมีดเล่มหนึ่ง
เมื่อเห็นมีดทำครัวที่อยู่ในมือของจัวเซ่า แม้จะไม่คมนัก แต่ก็ทำให้ตายได้ การแสดงออกของจัวเซ่าเปลี่ยนไป “แกอยากจะทำอะไร? วางมีดลงซะ!”
“ฉันไม่ได้อยากจะทำอะไร” จัวเซ่ามองไปยังจัวหรงหมิงด้วยสายตาว่างเปล่า แกว่งมีดในมือไปมา “แต่ถ้าแกทุบตีฉันอีก ฉันก็จะไม่เกรงใจ! ถึงฉันจะเอาชนะไม่ได้ แต่ก็จะสู้สุดตัวเหมือนกัน!”
“ไอ้เด็กเวร แกกล้าขู่ฉันงั้นเหรอ?” จัวหรงหมิงโกรธจัด “กูจะตีมึงให้ตาย!” เขาดูคลั่งมาก แต่ในดวงตากลับฉายแววหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน
“ถ้าแกทำร้ายฉัน ฉันจะวิ่งไปที่สถานีตำรวจแล้วบอกว่าแกทารุณฉัน ถ้าแกทุบตีฉันจนตาย...” บนใบหน้าของจัวเซ่ายังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “เป็นเรื่องดีถ้าแกจะทุบตีฉันจนตาย ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้อยากจะมีชีวิตอยู่อยู่แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะเป็นผี รอแกถูกยิงเป้าประหารชีวิต”
ยามที่จัวเซ่าเอ่ยออกมา น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งมาก ไม่มีขึ้นลง แต่จัวหรงหมิงกลับรู้สึกหวาดกลัวอย่างน่าประหลาด ในดวงตาที่ว่างเปล่านั้นกลับทำให้เขารู้สึกกลัวจับขั้วหัวใจ
“แก ไอ้เด็กหน้าเหม็น มองแบบนี้หมายความว่ายังไงฮะ?” ชวีกุ้ยเซียงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง เธอตะโกนออกมาสองสามประโยค แต่กลับไม่กล้าเข้าไปทุบตีจัวเซ่าจริงๆ
จัวเซ่าหัวเราะเยาะ ขว้างมีดใส่ทั้งคู่ เมื่อเห็นดังนั้นทั้งสองก็รีบถอยหลังด้วยความหวาดกลัว จัวเซ่าลากจัวถิงเข้าไปในห้องของพวกเขา
ในชีวิตที่แล้วเขารู้สึกว่าตนไม่สามารถต่อกรกับครอบครัวของลุงได้เลย แต่ตอนนี้เขาอายุสามสิบห้าปีแล้ว เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ไม่กล้าทำอะไรเขาเลย
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสังคมที่มีขื่อมีแป จัวหรงหมิงจะกล้าฆ่าพวกเขาได้อย่างไรกัน?
จัวหรงหมิงไม่กล้าทำ แต่เขากล้า
“พี่?” เมื่อกลับเข้ามาในห้อง จัวถิงมองจัวเซ่าด้วยความกังวล
“ถิงถิง ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว แล้วก็ไม่ต้องกังวลด้วย” จัวเซ่าลูบศีรษะของจัวถิง ยิ้มขึ้นมา “อยากกินน่องไก่ไหม?”
พูดจบจัวเซ่าก็หยิบน่องไก่ที่เหลียงเฉินให้ออกมาจากกระเป๋า
จัวถิงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เธอไม่ได้กินอาหารว่างมานานแล้ว...
จัวเซ่าแบ่งขาไก่ออกเป็นสองส่วน แบ่งกันกินคนละครึ่งกับจัวถิง จากนั้นก็ให้จัวถิงทำการบ้าน ส่วนตนหยิบหนังสือออกมาอ่านเช่นกัน
การบ้านของชั้นประถมนั้นง่ายมาก จัวถิงทำเพียงไม่นานก็เสร็จหมดแล้ว หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้ว เธอก็แอบมองจัวเซ่า
วันนี้พี่ชายเปลี่ยนไปมาก
แต่เธอชอบพี่ชายแบบนี้มากกว่า
เด็กน้อยมีความสุขมาก แต่จู่ๆ จัวเซ่าก็พบเรื่องวุ่นๆ เรื่องหนึ่ง
เขากับจัวถิงนอนในห้องเดียวกัน ไม่เพียงแค่นั้น พวกเขายังมีแค่เตียงเดียวอีก...