ตอนที่แล้วบทที่ 5 การเยี่ยมบ้านที่แสนวุ่นวาย (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 6 ต่อหน้าและลับหลัง (2)

บทที่ 6 ต่อหน้าและลับหลัง (1)


บ้านหลังนี้ของจัวหรงหมิงเล็กมาก รีโนเวตใหม่เมื่อหลายปีก่อน แน่นอนว่าไม่สามารถทำตู้ในแบบที่จะเป็นที่นิยมในอีกหลายปีข้างหน้าได้

เคาน์เตอร์ครัวก่อจากอิฐที่ใช้ทำผนังซ้อนกันหลาย ๆ ชั้นขึ้นมาเตี้ย ๆ จากนั้นปูหินอ่อนไว้ด้านบน ใต้เคาน์เตอร์ครัววางถังแก๊สและถังน้ำมันที่ใช้บรรจุข้าวสาร ทั้งยังมีตู้ที่เอาไว้เก็บจานชามและอาหารต่าง ๆ วางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว

ตอนนี้ตู้ใบนั้นตกลงบนพื้น

ในตอนแรกนั้นชวีกุ้ยเซียงอยากจะระงับอารมณ์ของตนเอาไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ แต่เมื่อเธอเห็นเศษเครื่องเคลือบที่แตกอยู่บนพื้น เธอก็อดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป “ฉันจะฆ่าแก ไอ้เด็กสารเลว!”

เพียงไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น และในเวลานั้นความโกรธของอาจารย์ทั้งสองก็ระเบิดออก “หยุด!”

จากนั้นไม่นาน

ณ ร้านอาหารเล็ก ๆ ในอำเภอฟูหยาง จัวเซ่าและจัวถิงกำลังกินอาหารโดยมีกระเป๋านักเรียนของตนอยู่ด้วย

ความวุ่นวายที่บ้านครอบครัวจัวก่อนหน้า อาจารย์หยางและอาจารย์จางไม่สามารถพูดโน้มน้าวชวีกุ้ยเซียงได้ ทำได้เพียงพาเด็กทั้งสองคนออกมาจากบ้านหลังนั้นก่อน หลังจากถามจัวเซ่า แล้วรู้ว่าพวกเขายังไม่ได้กินอาหารเย็น อาจารย์จึงพาพวกเขาไปร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง

ร้านอาหารเล็ก ๆ ดูแลโดยคู่รักอายุประมาณสามสิบคู่หนึ่ง ในช่วงเช้าขายก๋วยเตี๋ยว ช่วงกลางวันและช่วงเย็นขายอาหาร ราคาไม่แพง อาจารย์หยางสั่งอาหารมาห้าจาน ได้แก่ หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดง ปลาตะเพียนราดซอสเปรี้ยวหวาน ผัดถั่วงอกผักดอง มะเขือเทศผัดไข่ นอกจากนี้ยังมีแกงจืดฟัก อาหารห้าจานราคารวมสามสิบหยวน

ของพวกนี้เป็นการปรุงอาหารแบบโฮมเมด ปกติอาจารย์ทั้งสองมักจะกินอาหารที่บ้าน รสชาติก็ไม่ได้ต่างจากที่นี่มากนัก ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแปลก ในตอนแรกพวกเขาไม่ได้ขยับตะเกียบ แต่จัวเซ่ากับจัวถิง...

ก่อนที่จัวเซ่าจะตายในชีวิตก่อน เขาไม่ได้ขาดแคลนอาหารการกิน แต่เพราะเขาเป็นโรคซึมเศร้า ตลอดทั้งวันไม่อยากกินอะไรเลยแม้แต่น้อย...แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว

เขาอยากจะเก็บน่องไก่ที่เจ้าอ้วนตัวน้อยให้นำมาให้จัวถิงกิน ตอนกลางวันเลยไม่ได้กินเข้าไป ตอนนี้เขาหิวมาก อีกทั้งเขาต้องการแสดงท่าทางน่าสงสารต่อหน้าอาจารย์ทั้งสองของเขา ดังนั้นจัวเซ่าจึงกินมากเป็นพิเศษ

ส่วนจัวถิง...หนึ่งปีมานี้เธอไม่ได้กินอาหารคาวมากมายนัก และทักษะการทำอาหารของชวีกุ้ยเซียงก็ย่ำแย่มาก ตอนนี้มีโอกาสได้กินอาหารที่อร่อยขนาดนี้แล้ว...

จัวถิงแทบจะจุ่มหัวของเธอลงไปในชามข้าวอยู่แล้ว

เด็กทั้งสองคนกินข้าวหมดไปสองชามแล้ว แต่ดูเหมือนจะยังไม่หายอยาก พวกเขาดูเหมือนจะหิวมาก แต่เวลากินข้าวกลับยังระมัดระวังไม่กล้าคีบ...

อาจารย์ประจำชั้นของจัวเซ่าแซ่หยาง ชื่อหยางเจี้ยนหวา ปีนี้อายุสามสิบหกปีแล้ว มีลูกสาวหนึ่งคน เรียนอยู่ชั้นป.หก

เมื่อคิดถึงลูกสาวของตนที่มักจะเลือกกินมาก เวลากินปลาตะเพียนก็จะกินเฉพาะส่วนท้องปลาที่ไม่มีกาง เนื้อก็จะกินเฉพาะเนื้อไม่ติดมัน หากมีฟักก็จะไม่แตะอาหารจานนั้นเลย เมื่อมองเด็กสองคนตรงหน้านี้แล้ว...

จัวเซ่ากินข้าวไปแล้วสามชาม จัวถิงก็กินข้าวไปสองชามเช่นกัน แต่หลังจากที่พวกเขากินไปมากขนาดนี้ ไม่คิดว่าบนโต๊ะจะยังเหลือหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงหนึ่งในสามของจาน ปลาตะเพียนราดซอสเปรี้ยวหวานหมดเฉพาะส่วนหัวกับหาง อาหารจานอื่น ๆ เหลือมากกว่าครึ่ง

หยางเจี้ยนหวาคิดถึงเรื่องเมื่อกี้ขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ต้องพูดถึงหากลูกสาวของเขาไม่ระวังทำชามราคาไม่กี่เหมาแตก หากเปลี่ยนเป็นทำแจกันดอกไม้ราคาหลายร้อยหยวนแตก อย่างมากที่สุดเขาก็แค่เศร้านิดหน่อยแล้วสอนลูกสาวอีกสองสามประโยค เขาทำใจตีลูกไม่ลงแน่นอน แต่จัวเซ่า...

หยางเจี้ยนหวามองไปยังเด็กหนุ่มร่างผอมที่นั่งอยู่ตรงหน้าตน ความสงสารและความละอายใจก่อเกิดขึ้นภายในใจของหยางเจี้ยนหวา เขาไม่เคยแม้แต่จะสังเกตเห็นสถานการณ์ของจัวเซ่ามาก่อน

“อาจารย์หยาง ผมกินอิ่มแล้วครับ” จัวเซ่าวางชามลง มองไปยังหยางเจี้ยนหวาด้วยความระมัดระวังแล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง

“พวกเธอกินอีกหน่อยสิ” สติของหยางเจี้ยนหวากลับมาอีกครั้ง จากนั้นก็คีบเนื้อให้จัวเซ่ากับจัวถิงคนละชิ้น

“ขอบคุณครับ” จัวเซ่ากล่าว ก้มศีรษะลงและเริ่มกินอย่างช้า ๆ ราวกับลังเลที่จะกินเนื้อทั้งหมดในคราวเดียว จัวถิงก็เอ่ยขอบคุณทันที

หยางเจี้ยนหวาคีบปลาให้พวกเขาอีกเล็กน้อย จากนั้นตนก็เริ่มกิน ในขณะนั้นเองภายในหัวของเขาก็พันกันยุ่งเหยิง “จัวเซ่า ครอบครัวของเธอ...”

เมื่อนึกถึงท่าทางของผู้หญิงคนนั้น หากเด็กทั้งสองคนกลับไป เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะถูกทุบตี แต่เขาก็ไม่สามารถพาเด็กทั้งสองคนไปด้วยได้...

หยางเจี้ยนหวาค่อนข้างกังวล

“อาจารย์หยาง ถึงเธอจะอารมณ์เสียก็ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว” จัวเซ่าพูดออกมาอย่างน่าเอ็นดู

ถ้าเขามีกำลังเพียงพอ เขาจะสอนบทเรียนให้กับสองผัวเมียคู่นั้นอย่างสาสมแน่นอน แต่ตอนนี้เขาอายุเพียงสิบห้าปี ทั้งยังผอมแห้ง เขาจะไม่ใฝ่ต่ำและกลายเป็นนักเลงเพื่อให้ตนมีกำลังต่อต้านเหมือนดังชีวิตก่อน

เขาสามารถได้รับความสงสารจากผู้อื่นก่อน ให้ตนอยู่ในสถานะของเหยื่อ จากนั้นก็หาวิธีสลัดสองผัวเมียนั้นออกไปด้วยความชอบธรรม

“รอเธอกินเสร็จ แล้วครูจะไปคุยกับเขาดี ๆ สักหน่อย” หยางเจี้ยนหวากล่าว

หยางเจี้ยนหวาทำตามที่เขาพูด หลังจากกินเสร็จแล้วก็พาจัวเซ่าและจัวถิงกลับไปที่บ้านครอบครัวจัว และในตอนนี้จัวหรงหมิงก็กลับมาแล้วเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด