บทที่ 55 เงาปริศนาในบ้านลึก (ตอนกลาง)
บ้านเลขที่ 17 ปรากฏขึ้นในสายตาของฟางไห่ชวน ความรู้สึกคุ้นเคยพลันเต็มหัวใจของเขา
เขาหายใจออกเบา ๆ พลางด่าตัวเองในใจว่า ทำไมถึงกลายเป็นคนประสาทไปได้ คนอายุสี่สิบกว่าแล้วจะกลัวเพียงเพราะลมพัดได้อย่างไร?
ขณะที่เขากำลังหัวเราะเยาะตัวเองอยู่นั้น ด้วยแสงไฟหน้ารถ เขาก็สังเกตเห็นสิ่งหนึ่งที่อยู่หน้าประตูบ้านของเขาเอง แมวดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังนั่งนิ่ง ๆ มองตรงมาที่เขาอย่างเย็นชา
แมวตัวนี้ไม่มีขนสีอื่นเจือปน มันดำสนิทเหมือนเมฆครึ้มบนท้องฟ้า
โดยเฉพาะดวงตาของมันที่ส่องแสงสีเขียวอมน้ำเงินในความมืด ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอย่างน่าขนลุก
“แมวดำ?” ฟางไห่ชวนอุทานอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ความหวาดกลัวไร้เหตุผลเกิดขึ้นในใจของเขาทันที
ที่จริงแล้วไม่มีใครรู้ว่า ตลอดชีวิตของเขา สิ่งที่เขารังเกียจและกลัวที่สุดก็คือแมว
โดยเฉพาะแมวดำ เขามีความเกลียดชังที่ยากจะอธิบายได้
“ให้ตายเถอะ” ฟางไห่ชวนสบถอย่างโมโห ขณะกดแตรรถเพื่อไล่แมวตัวนั้นให้หนีไป
แต่แมวดำนั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนเลย มันเพียงแค่แลบลิ้นสีแดงสดเลียจมูกของมันเบา ๆ ท่าทางดูท้าทาย
“ให้ตายสิ!” ฟางไห่ชวนสบถอีกครั้งเมื่อเห็นว่าแมวไม่กลัวเสียงแตร
รถของเขาอยู่ห่างจากบ้านเลขที่ 17 เพียงไม่กี่เมตร เขาจึงเริ่มผ่อนความเร็วลงอย่างสัญชาตญาณ
ทันใดนั้น ฟ้าก็ผ่าลงมาหนึ่งครั้งด้วยสายฟ้าสีม่วง
ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังสนั่นจนแผ่นดินสั่นสะเทือน
ฝนเม็ดใหญ่เริ่มตกกระทบลงมาอย่างรุนแรง สร้างเสียงดังไปทั่ว
แมวดำดูเหมือนจะตกใจกลัวเสียงฟ้าร้อง มันหันไปส่งเสียงร้องแหลมใสใส่ฟางไห่ชวนที่นั่งอยู่ในรถ
จากนั้นมันก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงสูงของบ้านและหายตัวไปในความมืด
ฟางไห่ชวนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมด่าเจ้าแมวจรจัดตัวนั้นอีกครั้ง แล้วจอดรถไว้หน้าบ้าน
เขาเปิดประตูข้างและเดินเข้าไปในบ้าน
แต่ทันทีที่เขาเข้าไป เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าในบ้านมืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงไฟ ทำให้บรรยากาศดูเหมือนสุสาน
ไม่รู้ทำไม เขานึกถึงสุสานขึ้นมาในตอนนั้น
“หรือว่าเจียเจียกับป้าหวังไม่อยู่บ้าน?” ฟางไห่ชวนขมวดคิ้ว
ถ้าเจียเจียไม่อยู่คงไม่แปลก เพราะเธอยังเป็นเด็กสาวที่ชอบออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก
แต่ทำไมป้าหวังถึงไม่อยู่? ถ้าเธออยู่ ทำไมถึงไม่เปิดไฟ?
ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอย่างไม่มีสัญญาณล่วงหน้า
เมื่อเขาดูเบอร์โทรกลับพบว่าเป็นโทรศัพท์จากบ้านของเขาเอง
ใจของฟางไห่ชวนเต้นแรง เขารีบรับสายอย่างรวดเร็ว “ฮัลโหล? นั่นป้าหวังหรือเปล่า? หรือว่าเจียเจีย...”
“เจ้านาย ฉันเอง!” ปลายสายเป็นเสียงของป้าหวัง เสียงของเธอดูเบาบางและแผ่วไกล
ฟางไห่ชวนไม่ได้สังเกต เขาตะคอกใส่ด้วยความโมโหว่า “ป้าหวัง คุณอยู่บ้านทำไมไม่เปิดไฟ?”
“เจ้านาย ฉัน...ฉัน...ฉันไม่กล้าเปิดไฟ!” ป้าหวัง พูดเสียงสั่นเหมือนกับได้รับความตกใจอย่างมาก
ฟางไห่ชวนเพิ่งรู้สึกว่าเสียงของป้าหวัง แปลกไป เขาจึงมองไปที่อาคารในลานบ้านอีกครั้ง
นั่นอะไร?
หน้าต่างชั้นสอง มีเงาดำเงาหนึ่งพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เขาจำได้ชัดเจนว่านั่นคือห้องของลูกสาวเขา ฟางเจีย
“เจียเจียก็อยู่ที่บ้านด้วย? แล้วทำไมเธอถึงไม่เปิดไฟล่ะ?”
ฟางไห่ชวนรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่ไหลขึ้นมาจากเท้าสู่ศีรษะ พร้อมกับความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นในใจ
ในบ้านต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่ ๆ
เขานึกถึงสายโทรศัพท์จากป้าหวัง เมื่อสามวันก่อน ที่บอกว่าปลาทองในบ้านตายหมด!
หรือว่านี่เป็นสัญญาณบอกเหตุร้าย? หรือว่า จริง ๆ แล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว?
“เจ้านาย เจ้านาย คุณ...คุณทำไมไม่พูดอะไร?” เมื่อเห็นว่าฟางไห่ชวนเงียบไปนาน ป้าหวัง รีบถามด้วยเสียงเบามาก ราวกับกลัวว่าจะมีใครได้ยิน
ฟางไห่ชวนได้สติกลับมาและพยายามทำตัวให้สงบก่อนตอบว่า “ป้าหวัง ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”
“เจ้านาย...” ป้าหวัง ยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ฟางไห่ชวนก็วางสายไปแล้ว
ไม่ว่าในบ้านจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องเข้าไปดูให้ได้
เพราะเขาจะไม่ยอมให้ลูกสาวของเขา ฟางเจีย เป็นอะไรไปเด็ดขาด
ลูกสาวของเขาสำคัญที่สุดสำหรับเขา
เขาไม่เสียเวลาคิดมาก เขาเร่งฝ่าฝนเข้าไปถึงประตูบ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบล้วงกุญแจออกมาเพื่อจะไขประตู
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เมื่อเขาแตะประตูเบา ๆ ประตูกลับเปิดออกอย่างช้า ๆ โดยไม่ต้องใช้กุญแจเลย
ภายในบ้านมืดสนิท บรรยากาศเงียบงันจนดูน่ากลัว
ความมืดมิดที่หนาทึบเหมือนจะกลืนกินทุกสิ่ง ทำให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก
อากาศรอบตัวเย็นเฉียบจนทำให้เขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“ป้าหวัง ป้าหวัง...” ฟางไห่ชวนยืนอยู่ที่หน้าประตู ไม่กล้าเข้าไปข้างในทันที เขาได้แต่เรียกป้าหวัง ออกมา
มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก ทั้ง ๆ ที่นี่คือบ้านของเขาเอง แต่เขากลับไม่กล้าเข้าไปข้างใน
หลังจากเรียกอยู่หลายครั้ง ในที่สุดประตูห้องทางซ้ายมือชั้นหนึ่งก็เปิดออกด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าด
แสงจากไฟฉายสาดส่องเข้ามา “เจ้านาย ฉัน...ฉันอยู่ที่นี่...พูดเบา ๆ หน่อยเถอะค่ะ”
เสียงของป้าหวัง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสั่นเครือ เหมือนกำลังพยายามสะกดกลั้นความกลัวเอาไว้
“ป้าหวัง...” ฟางไห่ชวนกำลังจะพูดต่อ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเบา ๆ ดังขึ้นจากชั้นสอง
เงาสีดำพุ่งลงมาจากบันไดชั้นสองอย่างเงียบ ๆ
คำว่า "พุ่งลงมา" คงไม่เกินจริง เพราะเงานั้นเดินโดยไม่มีเสียงใด ๆ มันเบาเหมือนหมอกจาง ๆ หรือใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมา
“ใครน่ะ?” ฟางไห่ชวนตะโกนถามตามสัญชาตญาณ
ป้าหวัง ร้องออกมาด้วยความตกใจและล้มลงกับพื้น ไฟฉายในมือกลิ้งไปด้านข้าง
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นตามมา พร้อมกับสายฟ้าที่ฉายแสงสว่างผ่านท้องฟ้าอีกครั้ง
ด้วยแสงจากฟ้าผ่า ฟางไห่ชวนมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเงาดำ — กลับกลายเป็นลูกสาวของเขา ฟางเจีย
เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีดำ ผมสีดำยาวคลุมไหล่
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอได้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ดวงตาสีดำสนิทของเธอกำลังจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ไม่มีแววอารมณ์ใด ๆ มันเย็นเหมือนน้ำแข็งที่ไม่เคยละลาย
มีเพียงใบหน้าที่งดงามของเธอที่ซีดขาวไร้สีเลือด
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากยิ่งขึ้นก็คือ เธอทาลิปสติกสีดำ อายแชโดว์สีดำ ทำให้ใบหน้าทั้งหมดของเธอดูแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
“เจียเจีย ลูกเล่นอะไรอยู่?” แม้ว่าการแต่งตัวของเธอจะประหลาด แต่ในที่สุดเธอก็คือลูกสาวของเขา ไม่มีอะไรที่น่ากลัว
ฟางไห่ชวนหายใจออกยาวขณะพูด พลางเอื้อมมือไปคลำหาสวิตช์ไฟบนผนังที่ใกล้ประตู
เมื่อเขากดสวิตช์ไฟ โคมไฟในห้องนั่งเล่นกระพริบสองสามครั้งก่อนจะสว่างขึ้น
ฟางไห่ชวนปิดประตูบ้าน พลางต่อว่าเธอเล็กน้อย “เจียเจีย เลิกเล่นได้แล้ว กลับไปเปลี่ยนชุดซะ พ่อซื้อเค้กช็อกโกแลตที่ลูกชอบที่สุดมาให้ เดี๋ยวให้ป้าหวัง ไปเอาในรถ”
แต่ฟางเจียยังคงยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเธอไร้การเปลี่ยนแปลง ดวงตาเย็นชาของเธอยังคงจ้องเขาอย่างไม่ละสายตา
“เจียเจีย พ่อขอโทษ พ่อทำงานยุ่งมากเลยช่วงนี้ เลยไม่มีเวลาอยู่กับลูกสุดสัปดาห์นี้เราออกไปเที่ยวกันดีไหม?” ฟางไห่ชวนพยายามพูดปลอบใจเธอเมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ตอบสนอง
ในใจของเขารู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย เขาคิดว่าเรื่องร้ายคงไม่เกิดขึ้นแล้ว
“ปลา...ปลา...” ขณะที่เขากำลังโล่งใจ ฟางเจียก็พูดขึ้นทันที
พร้อมกับที่เธอพูด เธอค่อย ๆ พ่นปลาทองตัวเล็ก ๆ ออกมาจากปากทีละตัว ๆ
ฟางไห่ชวนตกใจจนผงะถอยหลังไปสองก้าว
เท้าของเขาลื่นล้มลงกับพื้นอย่างแรง