บทที่ 3 นี่คุณโดนน้ำร้อนลวกเหรอ?
บทที่ 3 นี่คุณโดนน้ำร้อนลวกเหรอ?
ห้องสี่เหลี่ยมขนาด 18 ตารางเมตรที่ปกติแล้วไม่เคยมีคนอยู่เกินหนึ่งคน วันนี้กลับมีมนุษย์คนที่สองปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิด
หญิงสาวนั่งตัวตรง มือทั้งสองข้างวางทับบนเข่า ใบหน้าสวยหวานก้มต่ำด้วยท่าทีเขินอาย เท้าเล็ก ๆ ขยับไปมาอย่างประหม่าราวกับเหยียบจักรเย็บผ้าอยู่
ถึงแม้จะเคยเจอหน้ากันมาก่อน แต่เฉินหยวนก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้สังเกตเธอใกล้ ๆ เพราะไม่สนิทกัน แต่การที่ได้อยู่ด้วยกันในห้องแคบ ๆ แบบนี้ ทำให้เฉินหยวนได้เห็นว่าเธอเป็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักจริง ๆ
คำว่า 'น้อย' ที่เฉินหยวนใช้เรียกเธอ ไม่ใช่เพราะเขาทำตัวเป็นผู้ใหญ่หรือวางมาด แต่ถึงแม้เธอจะอายุเท่ากันกับเขา แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนน้องสาวข้างบ้านที่แสนดีและอ่อนโยน ผมสีดำขลับยาวสลวยถึงเอว ผิวหน้าขาวเนียนละเอียดไร้ที่ติ ดวงตากลมโตสีดำสนิทราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน บุคลิกที่อ่อนหวานเรียบร้อยสอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอกของเธออย่างลงตัว
ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
ไม่ใช่ว่ายิ่งหน้าตาดีก็ยิ่งมีปัญหาน้อยลงหรอกเหรอ?
สาวน้อยแสนสวยแบบนี้จะคิดฆ่าตัวตายได้ยังไงกันนะ เธอต้องเจอเรื่องหนักหนาสาหัสอะไรมาแน่ ๆ
"รอแป๊บนึงนะ กุ้งมังกรกำลังนึ่งอยู่"
เฉินหยวนพูดพลางใช้มือข้างหนึ่งประคบน้ำแข็ง อีกข้างเปิดเตาแก๊ส นำกุ้งมังกรที่เตรียมไว้ใส่จานแล้ววางลงในซึ้ง
"ฉันช่วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมทำคนเดียว..."
เฉินหยวนยังพูดไม่ทันจบ ก็หันไปเห็นหญิงสาวยืนอยู่ข้าง ๆ ที่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมยังหยิบผ้ากันเปื้อนโดราเอมอนของเขาไปใส่ ก่อนจะรวบผมยาวเป็นหางม้าอย่างคล่องแคล่ว เผยให้เห็นลำคอขาวเนียน
"ไม่มีอะไรมาก แค่ทำน้ำจิ้ม..."
"อืม ฉันทำเป็น"
หญิงสาวยังคงไม่รอให้เฉินหยวนพูดจบ ก็ลงมือสับกระเทียม พริกขี้หนู แล้วปรุงรสด้วยซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู น้ำมันหอย เกลือ และน้ำตาลทราย อย่างชำนาญ
โอ้โห นี่เธอเป็นมืออาชีพนี่นา
เฉินหยวนเห็นแบบนั้นก็ไม่เข้าไปยุ่ง เดินกลับไปที่โต๊ะเล็ก ๆ ข้างเตียงซึ่งเป็นเหมือนห้องนั่งเล่น หยิบอาหารเมื่อวานที่ยังกินไม่หมดออกมาจากตู้เย็น ทั้งไข่เจียวมะเขือเทศ ผัดมะเขือยาวใส่กระเทียม ผัดแครอทกับหมู และเกี๊ยวน้ำครึ่งจาน แล้วนำไปอุ่นในไมโครเวฟทีละอย่าง
ห้านาทีต่อมา บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารหลายอย่าง เหลือที่ว่างตรงกลางไว้สำหรับกุ้งมังกร
เปิดซีรีย์ดูสักตอนดีกว่า
เฉินหยวนหยิบมือถือออกมา เริ่มภารกิจสำคัญก่อนกินข้าว นั่นก็คือการหาหนังดู
"กุ้งมังกรมาแล้ว ระวังร้อนนะ"
ทันใดนั้น ถุงมือกันความร้อนขนาดใหญ่ที่ถือจานกุ้งมังกรก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
สิ่งที่สะดุดตาเฉินหยวนยิ่งกว่าก็คือใบหน้าด้านข้างที่งดงามบริสุทธิ์ของหญิงสาว
ปอยผมเส้นเล็ก ๆ ร่วงลงมาปรกใบหน้า เธอใช้นิ้วเรียวเกี่ยวมันไปเหน็บไว้หลังใบหู
"เอ่อ..." เห็นเฉินหยวนมองมา หญิงสาวก็เอียงคออย่างงุนงง "มีอะไรติดหน้าฉันเหรอคะ?"
มีภาพลักษณ์ภรรยาในอุดมคติของฉันติดอยู่น่ะสิ!
"ไม่มีอะไร นั่งลงก่อนสิ เดี๋ยวผมไปหยิบน้ำให้"
เฉินหยวนลุกขึ้นไปหยิบเบียร์เย็น ๆ สองกระป๋องจากตู้เย็นมาวางไว้บนโต๊ะ
"เอ่อ... นี่มันเบียร์สับปะรดเหรอคะ?"
"ไม่มีสับปะรดหรอก เบียร์ล้วน ๆ เลย"
หญิงสาวมองเฉินหยวนที่เรียกเบียร์ว่าน้ำด้วยความตกตะลึง ท่าทางไม่ใส่ใจของเขา ทำให้เธออดถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่ได้ "พรุ่งนี้ยังต้องเรียน ดื่มเหล้าไม่เป็นไรเหรอคะ?"
"แค่นี้เอง ตอนเรียนภาคค่ำ ยังมีคนแอบกินหม้อไฟกันหลังห้องเลย"
"มีงั้นด้วยเหรอ? ครูประจำชั้นไม่ว่าเหรอ...?"
"ครูประจำชั้นเป็นคนเอาหม้อมาต่างหาก"
"หา?"
หญิงสาวตกใจจนพิมพ์เครื่องหมายคำถามออกมา
"ล้อเล่นน่า ต้องแอบครูประจำชั้นอยู่แล้วสิ"
แสดงว่าเรื่องหม้อไฟเป็นเรื่องจริงสินะ?
"โรงเรียนหมายเลข 11 ต่างจากที่คิดไว้เยอะเลย..." เซี่ยซินหยู่คิดว่าโรงเรียนหมายเลข 11 เป็นถึงโรงเรียนประจำจังหวัด ไม่น่าจะปล่อยปละละเลยขนาดนี้
"โรงเรียนไหน ๆ ก็มีห้องเรียนแย่ ๆ ห้องต้น ๆ ของโรงเรียนหมายเลข 11 ไม่เป็นแบบนี้หรอก ส่วนห้องเรา..." พูดถึงตรงนี้ เฉินหยวนก็ถอนหายใจ "พูดได้แค่ว่า นักเรียนโรงเรียนหมายเลข 11 ก็มีทั้งเก่งและไม่เก่ง"
ตอนแรกที่เข้าโรงเรียนนี้มา เฉินหยวนก็ไม่แย่นัก แต่เพราะระดับการศึกษาของอำเภอเหอเสียงกับเมืองเซี่ยไห่ต่างกันราวฟ้ากับดิน พอเขามาที่นี่ก็พบว่าตัวเองตามคนอื่นไม่ทัน แถมยังมีสอบบ่อยอีก เหมือนเพิ่งผ่านบทช่วยสอน ก็ต้องไปสู้กับมือโปร ไม่นานเขาก็ถูกทิ้งห่าง
หลังจากนั้นเฉินหยวนก็ค้นพบว่า เพื่อนร่วมชั้นหลายคนเรียนเนื้อหาของม.ปลายตอน ม.ต้น กันหมดแล้ว
ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีพรสวรรค์อะไร โดนคนอื่นกดขี่ข่มเหง จนตัวเองหล่นไปอยู่ห้องท้าย ๆ ของโรงเรียนในที่สุด
สภาพแวดล้อมการเรียนของห้องบ๊วยก็แย่กว่า ครูก็ต่างกัน เขาก็เลยวนเวียนอยู่ในวังวนแบบนี้ จากที่เคยได้คะแนนสี่ร้อยกว่า ๆ ก็ตกไปอยู่ที่เก้าร้อยกว่า ๆ
แน่นอนว่าเฉินหยวนไม่ได้โทษแต่ปัจจัยภายนอก อย่างน้อยเขาก็ยอมรับอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือแรงจูงใจของตัวเองมันแย่จริง ๆ
"อย่างนี้นี่เอง..."
เซี่ยซินหยู่พึมพำออกมา แต่ในหัวกลับคิดฟุ้งซ่าน
กินหม้อไฟหลังห้องเรียนเหรอ...
เตาอุ่นอาหารก็สะดวกดี ใช้หม้อต้มอะไรก็ได้ ว่าแต่... น้ำจิ้มล่ะ?
ไม่มีน้ำจิ้มจะกินยังไง?
"เด็กเรียนเก่งของโรงเรียนหมายเลข 4 คงจินตนาการไม่ออกสินะ โรงเรียนพวกเธอเป็นถึงอันดับสองของเมือง แต่ละคนเรียนเก่งกันทั้งนั้น" เฉินหยวนไม่เข้าใจ โรงเรียนตัวเองแย่ขนาดนี้ มีอะไรต้องตกใจนักหนา
นักเรียนโรงเรียนหมายเลข 4 ชอบดูถูกคนอื่นขนาดนั้นเลยเหรอ?
"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ โรงเรียนไหน ๆ ก็มีนักเรียนไม่เก่ง... อ๊ะ แน่นอนว่าไม่ได้หมายถึง...หมายถึงท่าน"
คำว่า 'ท่าน' นี่หลุดออกมาได้ยังไงเนี่ย?
"ผมชื่อเฉินหยวน เรียกเฉินหยวนก็พอ"
เฉินหยวนกะจะแนะนำตัวเองแบบตลก ๆ เลยจงใจทิ้งมุก 'ไม่เห็นต่างกันตรงไหนเลย' ไว้ให้อีกฝ่าย
"ฉันชื่อเซี่ยซินหยู่... เรียกเซี่ยซินหยู่ก็พอ"
เซี่ยซินหยู่ก็แนะนำตัวตามแบบเฉินหยวน ราวกับกำลังเอาใจเด็กปัญญาอ่อน แต่ก็ปกปิดสีหน้าเคอะเขินเอาไว้ไม่อยู่
ส่งมุกให้แล้วก็รับหน่อยสิ! อย่าทำเหมือนประจบฉันแบบนี้ ไม่งั้นฉันจะกลายเป็นคนโง่จริง ๆ นะ!
"งั้นกินข้าวกันเถอะ หิวจะตา...แย่อยู่แล้ว"
เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะนึกถึงเรื่องที่เกือบจะฆ่าตัวตายสำเร็จ เฉินหยวนจึงพยายามเลี่ยงที่จะพูดคำว่า ‘ตาย’ ไม่อยากให้นึกถึงเรื่องร้าย ๆ
โชคยังดีที่อายุขัยยังคงเป็น 1 ไม่ได้ลดลง
แต่ว่า ทำไมเธอถึงจ้องมองมาที่เขาแบบนั้นนะ…
“เฉินหยวน ตอนที่เข้ามาในห้องเมื่อกี้ มือ… โดนน้ำร้อนลวกใช่มั้ย?”
ที่จริงเซี่ยซินหยู่สังเกตเห็นมานานแล้ว แต่เรื่องที่เพิ่งคุยกันไป เธอไม่อยากพูดถึงอีก
การฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ มันน่าอายจะตายไป
“เรื่องเล็กน้อย”
“ขอฉันดูหน่อยสิ”
เฉินหยวนพูดจบ เซี่ยซินหยู่ก็คว้ามือของเขาไป กางฝ่ามือออก แล้วมองรอยแดงจาง ๆ บนนั้น “รอแป๊บนึงนะ”
“...อ้อ ๆ”
เซี่ยซินหยู่ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ สักพักก็ออกมา เธอป้ายยาสีฟันใส่นิ้ว แล้วทาลงบนแผลลวกของเขาอย่างเบามือ พอทาเสร็จก็ก้มหน้าลงไปเป่าเบา ๆ
ลมหายใจที่เป่าออกมา ทำให้ยาสีฟันเย็น ๆ กระจายไปทั่วแผล…
ช่างมหัศจรรย์จริง ๆ ความเจ็บปวดหายวับไปกับตา
จากนั้น เฉินหยวนก็วางก้อนน้ำแข็งลงข้าง ๆ หยิบตะเกียบขึ้นมา “อืม กินข้าวกันเถอะ กินตอนร้อน ๆ จะอร่อยกว่านะ”
กุ้งล็อบสเตอร์ตรงกลางจานถูกนึ่งจนแดงก่ำ ผ่าครึ่งตัว เนื้อกุ้งสีขาวเนียนละเอียดอัดแน่นอยู่ในเปลือก กุ้งมังกรตัวใหญ่กว่าครึ่งกิโล ไข่กุ้งก็เยอะมาก เหมือนกับมันปูของปูขน รสชาติเข้มข้น
ถึงแม้ตอนนี้เซี่ยซินหยู่จะรู้สึกเขินอายมาก แต่ในใจก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ถึงแม้ว่าจะเคยเห็นกุ้งล็อบสเตอร์บอสตันในซูเปอร์มาร์เก็ตมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ความอร่อยของมันก็ได้แต่จินตนาการเอา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้ลิ้มลอง…
“กินตอนร้อน ๆ สิ อย่ามัวแต่นั่งเหม่อ”
เฉินหยวนคีบกุ้งล็อบสเตอร์ครึ่งตัวใส่ชามของอีกฝ่าย
“ไม่เป็นไร ฉันไม่กินเยอะขนาดนั้นหรอก…”
เซี่ยซินหยู่รีบโบกมือปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ทันใดนั้นเบียร์กระป๋องหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้า เฉินหยวนยังช่วยเปิดฝากระป๋องให้ด้วย ไอน้ำแข็งสีขาวลอยขึ้นมาจาง ๆ
ชนกระป๋องเบียร์กับอีกฝ่ายเบา ๆ เฉินหยวนยกเบียร์กระป๋องขึ้น ตั้งใจที่จะเลี้ยงส่งเพื่อนใหม่คนนี้
ทว่า [1] ตรงหน้ายังคงนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง