ตอนที่แล้วบทที่ 2: โลกหลังความตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4: กลับคืนร่างเดิม

บทที่ 3: ความชั่วร้ายของมนุษย์


บทที่ 3: ความชั่วร้ายของมนุษย์

ลู่หย่วนหมิงวิ่งตามหลังตำรวจผิวขาวกับชายผิวดำไร้บ้านลงไปยังชั้นล่างของตึก

เจ้าสัตว์ประหลาดหน้าตาเหมือนสุนัขตัวนั้น กำลังปีนป่ายขึ้นมาจากผนังด้านนอกตึก พวกมันตัวใหญ่ยาวถึงสามสี่เมตร ด้วยกำลังคนธรรมดาไม่มีทางสู้ได้แน่นอนอย่างน้อยก็คนที่ไม่มีอาวุธ ทั้งสามคนจึงรีบวิ่งเข้าไปในตึกโดยไม่ลังเล

ถึงแม้ตำรวจผิวขาวจะมีปืนพก แต่ก็แค่ปืนพกกระบอกเดียว ไม่ต้องพูดถึงจำนวนกระสุนที่มีอย่างจำกัด พลังทำลายล้างแค่นี้อาจไม่มากพอที่จะฆ่าพวกมันได้

ขนาดตัวพวกมันสูงถึงสามสี่เมตร ใหญ่ไม่แพ้เสือหรือสิงโต แถมยังเป็นสัตว์ประหลาด ที่นี่เป็นโลกหลังความตาย พวกมันอาจจะคงกระพันก็ได้ ใครจะไปรู้ คิดว่าปืนพกกระบอกเดียวจะฆ่าสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้เหรอ ยิ่งมีพวกมันมากกว่าสิบตัวด้วยแล้ว!

ทั้งสามคนได้แต่ก้มหน้าวิ่งหนีสุดชีวิต จากดาดฟ้าลงมายังชั้นล่างในตึก

ตึกนี้เหมือนซากปรักหักพัง หลังจากวิ่งลงมาจากดาดฟ้า ภายในตึกที่ปรากฏต่อหน้าทั้งสามก็เต็มไปด้วยเศษซากชิ้นส่วนที่ปรักหักพังลงมา พื้นมีรูโหว่หลายแห่ง เหล็กเส้นในผนังที่คอยรับน้ำหนักก็โผล่ออกมา ห้องต่าง ๆ ในตึกก็รกไปหมด กระดาษขาดวิ่น เฟอร์นิเจอร์พัง ๆ ประตูที่เปิดอ้า บวกกับเหล็กเส้นที่ยื่นออกมา ทั้งสามคนจึงต้องชะลอความเร็วลง เพราะไม่งั้นอาจจะพลาดตกลงไปชั้นล่าง หรือไม่ก็โดนเหล็กเส้นเสียบเอาได้ แถมเศษซากต่าง ๆ บนพื้นก็เป็นตัวปัญหาทำให้พวกเขาวิ่งเร็วไม่ได้

ชายผิวดำไร้บ้านสบถไม่หยุดขณะวิ่ง ส่วนตำรวจผิวขาวดูดีกว่าหน่อย ถึงแม้สีหน้าจะตื่นตระหนก แต่จิตใจยังไม่ถึงกับแตกสลาย เขาวิ่งไปพร้อมกับหยิบปืนออกมาตรวจสอบกระสุนเป็นระยะ ๆ

ส่วนลู่หย่วนหมิงก็ไม่ต่างกัน เขาวิ่งตามหลังทั้งสองคนไป สมองของเขาว่างเปล่า แม้แต่ร่างกายก็ยังสั่นเทาไปหมด

จากคนที่เป็นเจ้าชายนิทรา จู่ ๆ ก็ข้ามเวลามาอนาคตอยู่ที่นิวยอร์กในอีกห้าปีต่อมา กลายเป็นคนติดยาในสลัม แล้วก็ต้องมาเจอกับคำสาปหรือผีสางที่ไม่สามารถเข้าใจได้จนตาย หลังจากตายก็มาอยู่ในโลกหลังความตาย จากนั้นก็เห็นคนตายกระโดดตึก สัตว์ประหลาดปรากฏตัว แล้วก็ถูกสัตว์ประหลาดไล่ล่า...

เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย เขาแทบไม่มีเวลามาคิดถึงความแปลกประหลาดของเรื่องทั้งหมดนี้เลย

ตอนนี้ในขณะที่กำลังวิ่งหนีเอาชีวิตรอด สมองของลู่หย่วนหมิงก็ว่างเปล่า แต่เมื่อวิ่งไปเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มคิดอะไรบางอย่างได้

ฉันจะข้ามเวลากลับไปได้ไหม?

นี่เป็นปฏิกิริยาแรกของลู่หย่วนหมิงหลังจากมีสติกลับคืนมา

เขาไม่ใช่คนติดยาไร้ชื่อในอเมริกา เขาเป็นชายหนุ่มชาวจีนวัยยี่สิบสามปีต่างหาก!

เพราะว่าเป็นเจ้าชายนิทรา เขาถึงได้ข้ามเวลามาอยู่ในร่างของคนติดยาในอเมริกาในอีกห้าปีต่อมาอย่างไม่คาดฝัน

ดังนั้นปัญหาใหญ่ที่สุดตอนนี้คือ เขาจะยังข้ามเวลากลับไปได้ไหม?  กลับไปที่ร่างเจ้าชายนิทราของเขา?

ถึงแม้ร่างเดิมของเขาจะเป็นเจ้าชายนิทรา แต่ก็ยังดีกว่าถูกสัตว์ประหลาดไล่ล่า โดนจับฉีกกินในโลกแห่งความตายนี้!

(หลังจากที่ฉันข้ามเวลามา เวลาผ่านไปทั้งหมดห้าวัน เจ็ดสิบสองชั่วโมงแรกฉันรู้สึกได้ทันทีเลยว่าสามารถข้ามกลับไปได้ แล้วฉันก็ลองดู หลังจากที่ข้ามกลับไปร่างเดิมแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องรอเจ็ดสิบสองชั่วโมงก็สามารถข้ามกลับมาโลกนี้ได้ตลอดเวลา แต่ถ้าข้ามกลับมาในโลกนี้แล้ว ก็ต้องรอเจ็ดสิบสองชั่วโมงก่อนถึงจะข้ามกลับไปอีกได้ เจ็ดสิบสองชั่วโมงแรกคือสามวัน แล้วฉันมัวก็กลัวสถานการณ์ข้างนอกนั่น เลยอยู่ในห้องอีกสองวันกว่า... ตอนนี้กี่ชั่วโมงแล้ว!? )

ลู่หย่วนหมิงพยายามอย่างหนักที่จะนึกย้อนกลับไป

เขาเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่แสดงออกมาตั้งแต่ยังเด็ก และเมื่ออายุมากขึ้น อาการก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ลู่หย่วนหมิงเคยไปพบจิตแพทย์ และได้รับการบำบัดและแนะนำ ดังนั้นโรคย้ำคิดย้ำทำนี้ จึงถูกจำกัดให้อยู่แค่ในส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การดื่มน้ำและการกินข้าว

ในกรณีที่ไม่ได้ใช้พลังงานมากหรือเหงื่อออกมาก ลู่หย่วนหมิงจะดื่มน้ำทุก ๆ แปดชั่วโมง นิสัยนี้ดำเนินมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว จนเกือบจะกลายเป็นนาฬิกาชีวภาพไปแล้ว

ในความทรงจำของลู่หย่วนหมิง หลังจากที่เขาย้อนเวลากลับไปอยู่ในร่างของคนติดยาเป็นครั้งที่สอง เขาก็ได้ดื่มน้ำไปอีกแปดครั้ง นั่นก็คือหกสิบสี่ชั่วโมง ขาดอีกเพียงแปดชั่วโมงเขาก็จะสามารถย้อนเวลากลับไปได้ และในช่วงแปดชั่วโมงสุดท้ายนี้ ในตอนแรกเขาเกิดความลังเล แต่หลังจากนั้นก็ปลอบใจตัวเองและสะกดจิตตัวเอง จากนั้นเขาก็นึกถึงหลาย ๆ สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น และในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าผลักประตูออกจากห้อง หลังจากนั้นก็คือความตาย การร่วงหล่น การมาถึงโลกหลังความตาย แล้วก็ถูกกลุ่มสัตว์ประหลาดพบ เริ่มต้นการวิ่งหนีเอาชีวิตรอด... การกระทำทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาอย่างน้อยห้าหรือหกชั่วโมง

(... ประมาณการแบบระมัดระวังที่สุด ฉันต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยสามชั่วโมงถึงจะย้อนเวลากลับไปได้ ถ้ายังย้อนเวลาได้นะ)

ลู่หย่วนหมิงเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะยังย้อนเวลากลับไปยังร่างเดิมได้หรือไม่ เพราะเขาตายไปแล้ว ตายหลังจากที่ย้อนเวลามาอยู่ในร่างของคนติดยา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองจะยังย้อนเวลากลับไปยังร่างเดิมได้อีกหรือไม่

แต่นี่ก็เป็นความหวังอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ?

หลังจากที่ลู่หย่วนหมิงคิดเรื่องนี้ได้ เขาก็เริ่มมองไปรอบ ๆ พยายามหาที่ซ่อน ขอแค่ทนได้นานที่สุดสามชั่วโมงเท่านั้น เขาก็จะสามารถลองดูได้ว่าจะย้อนเวลากลับไปยังร่างเดิมได้หรือไม่

ในขณะที่ลู่หย่วนหมิงกำลังวิ่งและครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ ๆ คนจรจัดผิวสีที่อยู่ข้างหน้าก็ก้มตัวลงที่หน้าประตูห้อง ๆ หนึ่ง ทำให้เขาหยุดชะงัก ตำรวจผิวขาววิ่งผ่านเขาไป ในขณะที่ลู่หย่วนหมิงกำลังจะวิ่งผ่านเขาไปเช่นกัน คนจรจัดผิวสีคนนั้นก็เหวี่ยงแท่งโลหะยาว ๆ มาฟาดเขา โดนเข้าที่ข้อต่อขาซ้ายของหลู่หย่วนหมิง เสียงดังกร๊อบ! ขาซ้ายของลู่หย่วนหมิงก็หักไปด้านหลัง ตัวเขาก็กลิ้งลงไปนอนกองกับพื้น

คนจรจัดผิวสีคนนั้นมีแววตาดุร้าย ยกแท่งโลหะในมือขึ้น ทำท่าจะฟาดลู่หย่วนหมิงอีกครั้ง แต่ตำรวจผิวขาวที่อยู่ข้างหน้าก็ตะโกนขึ้นทันทีว่า "วางอาวุธลง! ยกมือขึ้น! ไม่งั้นฉันจะยิง!"

คนผิวสีคนนั้นสบถใส่ลู่หย่วนหมิงที่นอนกุมขาครวญครางอยู่ที่พื้น แต่ก็ยอมโยนแท่งโลหะทิ้งไป เขายกมือขึ้นหันไปหาตำรวจผิวขาวแล้วพูดว่า "เฮ้ พี่ชาย ใจเย็น ๆ หน่อย ฉันกำลังช่วยเราสองคนอยู่นะ พวกสัตว์ประหลาดกำลังจะตามมา เราอาจจะวิ่งหนีพวกมันไม่พ้น แต่เราสามารถวิ่งหนี..."

สีหน้าของตำรวจผิวขาวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ปืนในมือก็ค่อย ๆ ลดระดับลง แต่เขาก็ยังคงจ้องมองคนจรจัดผิวสีคนนั้นเขม็งอย่างไม่วางตาแล้วพูดว่า "ไปข้างหน้าฉัน เอามือไว้ในที่ที่ฉันมองเห็น ไม่งั้นฉันไม่รังเกียจที่จะทำให้แกกลายเป็นคนที่วิ่งไม่ได้อีกคน"

คนจรจัดผิวสียักไหล่ แต่ก็รีบวิ่งไปข้างหน้าตำรวจผิวขาว และในขณะที่เขาเดินผ่านลู่หย่วนหมิง เขาก็เตะเข้าที่ท้องของลู่หย่วนหมิงอีกครั้ง ทำให้ลู่หย่วนหมิงอาเจียนออกมา ตัวเขากุมท้องขดตัวอยู่ที่มุมห้องด้วยความทรมาน

"ไอ้หมูหนังเหลือง ไอ้ขยะ!! ถ้าพวกแกไม่มาแย่งงาน แย่งเงิน ฉันก็คงไม่กลายเป็นคนจรจัดหรอก..."

สิ้นเสียง คนจรจัดผิวสีและตำรวจผิวขาวก็วิ่งหนีออกไปไกลแล้ว พวกเขาวิ่งลงไปตามทางเดินของตึก

อย่างน้อยสิบกว่าวินาทีต่อมาลู่หย่วนหมิงถึงจะทนความเจ็บปวดที่ท้องได้ เขามองไปยังที่ที่คนจรจัดผิวสีและตำรวจ ผิวขาววิ่งหนีไปออกไปด้วยความเหลือจะเชื่อ ครึ่งค่อนวันก็ยังตั้งสติไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เขาถูกทิ้ง!?

ไม่สิ! ไม่ใช่แค่ถูกทิ้ง!

นี่มันแทงข้างหลังชัด ๆ!

"เวรเอ๊ย! มิน่าล่ะหลายคนถึงบอกว่าคนผิวสีไม่ได้รังเกียจการเหยียดเชื้อชาติ แต่พวกเขารังเกียจแค่การเหยียดคนผิวสี!!"

ลู่หย่วนหมิงอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาเป็นชุด ก่อนจะบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง

เขาพยายามขยับขาซ้ายที่หักงอ แค่ขยับนิดเดียว ความเจ็บปวดก็แล่นริ้วจนต้องร้องออกมา มันเป็นความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต เขาเอามือกอดขาที่หักไว้แน่น ร้องครวญครางอยู่หลายวินาที ก่อนจะกัดฟันแน่น ทนรับความเจ็บปวดนั้นไว้

พวกปีศาจกำลังไล่ตามมา ถ้าเขายังมัวเสียเวลาคร่ำครวญอยู่ตรงนี้ สิ่งที่รอเขาอยู่ก็มีแต่ ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ถูกพวกมันกินแน่!

เขาต้องหาทางเอาชีวิตรอดให้ได้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้!

ลู่หย่วนหมิงพยายามอดทนกับความเจ็บปวด เขามองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง สังเกตทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัว

ตอนนี้เขาคิดได้แล้ว เขาจะไปวิ่งตามไอ้สองตัวนั้นทำไมกัน?

สิ่งที่เขาต้องทำคือหาที่ซ่อนตัว ต้องเป็นที่ ๆ แคบและปลอดภัย เพื่อรอเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงจนกว่าจะย้อนเวลากลับไปได้แค่นั้นเอง

ถึงแม้ว่าร่างของคนติดยาที่เขาเข้าสู่ได้ตายไปแล้ว และวิญญาณของเขาตกลงไปสู่โลกแห่งความตายแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะสามารถย้อนเวลากลับไปยังร่างเดิมได้หรือไม่ แต่การเดิมพันกับโอกาสที่จะกลับไปก็ยังดีกว่าเสี่ยงวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากพวกปีศาจกว่าสิบตัวที่กำลังไล่ล่าเขาในตอนนี้

แน่นอน ถ้าหากสามารถวิ่งไปพลางหาที่ซ่อนไปด้วยได้ก็คงจะดี แต่ตอนนี้ขาของเขาหักแล้ว ไม่มีทางหนีออกจากชั้นดาดฟ้าแห่งนี้ได้อีก การหาที่ซ่อนใกล้ ๆ นี่แหละ เป็นทางเลือกเดียวที่เขาทำได้

ไม่นาน ลู่หย่วนหมิงก็หาที่ซ่อนได้หลายที่ แต่ส่วนใหญ่เป็นกองขยะ หรือมุมอับหลังกำแพงที่พัง ที่ซ่อนแบบนี้ต้องอาศัยโชคช่วยล้วน ๆ ถ้าพวกปีศาจไม่เจอเขาก็รอดตัวไป แต่ถ้าเจอ พวกมันก็สามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดายเลย

ลู่หย่วนหมิงหมดหนทาง เขาทำได้แค่ลากขาที่หัก คลานไปกับพื้น แค่ขยับตัวนิดหน่อย ความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามา แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว ร้องครวญครางเป็นระยะ พร้อมกับลากขาคลานไปข้างหน้า พยายามหาที่ซ่อนตัวที่พอจะใช้หลบภัยได้

ทันใดนั้น ลู่หย่วนหมิงก็ได้ยินเสียง "ซู่ ๆ " ดังมาจากเศษซากกำแพงด้านบน เหมือนมีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ไม่ต้องสงสัยเลย พวกปีศาจปีนขึ้นมาจากพื้นถึงดาดฟ้าแล้ว และกำลังไล่ตามเขามาอย่างรวดเร็ว

"เร็ว ๆ เร็ว ๆ เข้า..."

ลู่หย่วนหมิงร้องครวญคราง ออกแรงคลานไปกับพื้น เพราะออกแรงมากเกินไป เล็บของเขาถึงกับพลิกกลับ แต่แล้ว เขาก็เห็นบางอย่าง ดวงตาเป็นประกาย รีบคลานไปยังห้อง ๆ หนึ่งข้าง ๆ ทันที

ภายในห้องนั้น เต็มไปด้วยเศษซากกำแพงและเหล็กเส้นที่โผล่ออกมา ตรงมุมห้อง มีเศษกำแพงหลายชิ้นกองรวมกัน เกิดเป็นโพรงเล็ก ๆ คล้ายรูที่อยู่ของพวกลูกสุนัข เล็กมาก ทางเข้าก็แคบ มีเหล็กเส้นโผล่ออกมา แต่ดูจากสายตาแล้ว น่าจะพอดีกับตัวเขา ตอนนี้เขาได้ยินเสียงพวกปีศาจวิ่งไล่ตามมาแล้ว ลู่หย่วนหมิงไม่รอช้า รีบมุดตัวเข้าไปในโพรงทันที

ช่วงบนของร่างกายมุดเข้าไป เหล็กเส้นและเศษกำแพงบาดแขนและลำตัวเป็นแผล แต่เขาไม่สนใจ มุดเข้าไปเรื่อย ๆ โพรงนี้ตื้นมาก พอดีกับช่วงบนและช่วงล่างของร่างกาย ถ้าเขางอขา ขาของเขาจะอยู่ห่างจากปากโพรงประมาณแปดสิบถึงเก้าสิบเซนติเมตร

แต่ขาซ้ายของลู่หย่วนหมิงหัก เขาพยายามงอขาเข้าไปแล้ว แต่ขยับนิดเดียวก็เจ็บปวดไปถึงใจ ถึงแม้ว่าจะพยายามอดทนแค่ไหน แต่เขาก็งอขาไม่ได้ ข้อต่อถูกไอ้คนจรจัดผิวสีดำตีด้วยไม้จนหักงอ

หมายความว่า...

ขาซ้ายของเขายื่นออกมาจากปากโพรง!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด