บทที่ 20 เมื่อสายลมพัดผ่านไป ฝนก็หยุดลงเช่นกัน (2)
รถแล่นผ่านเส้นทาง Express Ring และไปถึงสะพาน South River อย่างรวดเร็ว
มู่หยู่เฉินบอกให้ซีเซี่ยเย่จอดรถบริเวณริมถนนใต้สะพาน จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็เดินไปตามทางเท้าริมแม่น้ำออกไปไกลพอสมควร และตอนนี้ซีเซี่ยเย่ก็รู้แล้วว่าเขาต้องการที่จะมาตรวจสอบดูที่ทางแถวนี้
บริเวณแม่น้ำทางตอนใต้ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ Glory World Corporation ได้วางแผนที่จะพัฒนาเขตนี้ให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจเช่นกัน แต่เนื่องจากติดโครงการอื่นๆ ที่เร่งด่วนกว่า โครงการนี้จึงหยุดเอาไว้ชั่วคราว
ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์และก็เป็นคนที่มองการณ์ไกลมาก แถวนี้มีประชากรอาศัยอยู่ค่อนข้างหนาแน่นและการคมนาคมก็ค่อนข้างที่สะดวก ถ้าหากว่ามาพัฒนาสถานที่แห่งนี้ ในอนาคตมันจะต้องสดใสอย่างแน่นอน
ในปัจจุบันแม้ว่าใครหลายๆ คนจะมองว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เธอกลับคิดว่าสถานที่นี้เป็นที่ที่ดีมากเลยทีเดียว
เขาไม่ได้อยู่นานเท่าไหร่นัก หลังจากที่ครุ่นคิดกับตัวเองแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เดินกลับไปที่รถ และตอนนี้มันก็ได้เวลาอาหารค่ำพอดี เพราะอย่างนั้นซีเซี่ยเย่ขับไปที่ร้านอาหารที่พวกเขาจะไปรับประทานอาหารเย็นกันทันที
ร้านที่ซีเซี่ยเย่พามู่หยู่เฉินมาทานอาหารเย็น ไม่ใช่ร้านอาหารที่หรูหราอะไรมากนัก แต่มันกลับเป็นร้านอาหารริมแม่น้ำทางตอนใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันถูกสร้างขึ้นบริเวณริมบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ข้างๆ กับแม่น้ำ มันเป็นร้านอาหารจีนเล็กๆ ที่สดชื่นและสวยงามมากร้านหนึ่ง
“คุณอยากสั่งอะไรก็สั่งเลย ไม่ต้องเกรงใจฉันนะคะ” ขณะที่ซีเซี่ยเย่ยื่นเมนูส่งไปให้มู่หยู่เฉินที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ ดวงตาของเธอส่องประกายความจริงใจออกมาด้วยเช่นกัน
มู่หยู่เฉินยื่นมือออกไปรับเมนูนั้นมา จากนั้นเขาก็เปิดมันดูทีละหน้าๆ ด้วยท่าทางที่สง่างาม
“เนื้อสัตว์ปีกของที่นี่ไม่เลวเลย โดยเฉพาะเมนูหม้อไฟ…”
ทันทีที่เขาเปิดเมนู เขาก็ได้ยินเสียงที่แผ่วเบาของซีเซี่ยเย่ลอยก็ผ่านเข้ามาในหูเสียก่อน เพราะอย่างนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับดวงตาที่เหมือนกับมีแสงประกายระยิบระยับ และเหมือนต้องการอะไรบางอย่างของเธอ
เกิดความรู้สึกสบายใจปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา และสุดท้ายก็ยอมสั่งหมอไฟตามความต้องการของเธอ พร้อมทั้งสั่งเนื้อสัตว์ปีกเป็นเครื่องเคียง และเหล้าไผ่งูเขียว
ในขณะที่เขาส่งเมนูคืนไปให้กับบริกรและกำลังจะหันมาถามเธอว่า เธออยากจะสั่งอะไรเพิ่มอีกรึเปล่า เขาก็เห็นว่าตอนนี้เธอกำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง พร้อมทั้งเท้าคางเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
เขาส่งสัญญาณมือเพื่อเป็นการบอกให้บริกรถอยกลับไปก่อน จากนั้นเขาก็มองตามไปยังทิศทางที่เธอกำลังมองอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันดังมาจากด้านนอกบริเวณป่าต้นดอกเหมยริมแม่น้ำ ในช่วงนี้ดอกเหมยกำลังเบ่งบานพอดี กลีบของมันล่วงหล่นลงมากระจัดกระจายไปทั่วทั้งพื้นดิน หลายคนจับมือกันเดินบนทางเท้าสีเขียวอย่างช้าๆ ในป่าต้นดอกเหมยนั้น บ้างก็เป็นคู่รัก บ้างก็เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก…
ร้านอาหารแห่งนี้จัดการระบบบริการได้อย่างดีเยี่ยม เพราะรอเพียงไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
ซีเซี่ยเย่หยิบขวดเหล้าขึ้นมา จากนั้นเธอก็เทมันลงไปในแก้วเปล่าสองใบอย่างเงียบๆ แล้วจึงยื่นแก้วหนึ่งมาให้มู่หยู่เฉิน ส่วนอีกแก้วเธอก็ยกมันขึ้นดื่ม หลังจากที่เธอดื่มมันเข้าไปเธอก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะความร้อนแรงของมัน
ดวงตาที่แวววาวของซีเซี่ยเย่เลื่อนมองออกไปไกลอย่างช้าๆ จากนั้นเธอก็เทเหล้าลงไปในแก้วอีกครั้ง พร้อมกับพูดออกไปว่า “ฉันได้ดื่มเหล้านี้โดยบังเอิญ ตอนแรกฉันก็ไม่ค่อยชอบรสชาติของมันสักเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่รู้ว่าฉันเริ่มรู้สึกชินกับรสชาติของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณลองชิมดูสิ ฉันไม่รู้ว่าคุณจะชอบมันรึเปล่า”
มู่หยู่เฉินนั่งฟังเธอพูดอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาและยกขึ้นจิบเล็กน้อย เขาพบว่ารสชาติของมันดีมาก มันมีรสชาติที่นุ่มนวล หวาน อีกทั้งยังมีกลิ่นหอม
เธอจำได้ลางๆว่า คุณยายของเธอเคยพูดเอาไว้ว่า หากผู้หญิงเป็นเหมือนเหล้าไผ่งูเขียว มันก็อาจจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัว กลมกล่อม เข้มข้น มีกลิ่นหอมที่หรูหราเหมือนกับไวน์ อีกทั้งมันยังซ่อนเร้น สวยงาม แต่มีพิษที่น่ากลัวเหมือนกับงู และคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมความสดของชา
และมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า…
ผ่านไปเนิ่นนานกว่าที่เธอจะได้สติกลับมา
เมื่อเธอเห็นมู่หยู่เฉินนิ่งเงียบ และเอาแต่จ้องมองมาที่เธอจากฝั่งตรงข้าม เธอก็คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย และกล่าวขอโทษออกไป “คุณไม่ชอบมันเหรอคะ? ให้ฉันเปลี่ยนเป็นไวน์แดงสักขวดดีไหม?”
มู่หยู่เฉินส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ เขาวางแก้วลงไปบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เลื่อนสายตามองลงไปที่หม้อไฟที่กำลังเดือดอยู่ตรงหน้า แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ผมก็แค่กำลังคิดว่า ถ้าเรายังเอาแต่ดื่มอยู่อย่างนี้ โดยที่ไม่รีบกิน อาหารที่อยู่ในหม้อมันอาจจะอืดหมดรึเปล่าน่ะครับ?”
เมื่อเธอได้ยินเขาถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมแบบนี้ ซีเซี่ยเย่ก็รีบก้มลงไปมองหม้อไฟทันที และเธอก็เห็นว่าตอนนี้หม้อไฟกำลังเดือดปุดๆ แล้ว เธอจึงหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นก็หยิบตะเกียบคีบลูกชิ้นขึ้นมาด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว “ลองกินนี่ดูสิคะ ลูกชิ้นที่นี่อร่อยมากเลย โดยเฉพาะลูกชิ้นกุ้ง”
เธอจิ้มมันลงไปในซอสนิดหน่อย จากนั้นก็ยัดมันเข้ามาในปากของเธออย่างช้าๆ
เมื่อเห็นแบบนั้น มู่หยู่เฉินก็เริ่มหยิบตะเกียบขึ้นมาบ้าง จากนั้นเขาก็คีบบางอย่างออกมาจากหม้อไฟ มันเป็นเนื้อที่ถูกแล่มาบางๆ และเมื่อเขายัดมันเข้าปาก เขาก็พบว่ารสชาติของมันอร่อยสุดๆ
ลมหนาวพัดผ่านเอื่อยๆ อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมจางๆ ของดอกเหมยที่ลอยวนอยู่ในอากาศ ทำให้จิตใจสดชื่นและเบิกบาน
ทันทีที่พวกเขาเดินออกมาจากร้านหลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเสร็จ แสงไฟนีออนที่พร่างพรายก็ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง Z มันพร่ามัวราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายอย่างไรอย่างนั้น เงาจางๆ สลัวๆ จากเสาไฟริมถนนก็ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ที่นั่งคนขับ ตอนนี้ซีเซี่ยเย่กำลังเท้าแขนข้างหนึ่งกับกระจกรถที่กำลังเปิดอยู่ตามปกติ ส่วนมืออีกข้างก็บังคับหมุนพวงมาลัยอย่างมั่นคง มู่หยู่เฉินรู้สึกผ่อนคลาย เขาจึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อน จากนั้นบรรยากาศภายในรถจึงกลับมาเงียบสงบ
คนสองคนที่ไม่ได้รู้จักกันดีกำลังนั่งอยู่ในรถด้วยกันอย่างเงียบๆ ตามปกติแล้ว พวกเขาควรที่จะรู้สึกอึดอัด แต่น่าแปลกที่ทั้งคู่ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน เมื่อพวกเขาทั้งสองคนได้มานั่งด้วยกันแบบนี้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรกัน แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่ามันแปลกอะไร
รถแล่นไปตามถนนที่กว้างขวางอย่างมั่นคง ด้วยความที่พวกเขากำลังผ่านเขตชานเมือง เพราะอย่างนั้นบนทางเท้าจึงไม่มีคนเดียวผ่านไปมามากนัก และบางครั้งบนถนนก็มีรถแค่สองสามคันเท่านั้นที่ขับสวนพวกเขามา
เซี่ยเย่นึกขึ้นมาได้ว่าถนนเส้นนี้ค่อนข้างที่จะเปลี่ยว แต่ด้วยความที่ระยะทางมันใกล้กับ Maple Residence ที่มู่หยู่เฉินอาศัยอยู่เธอจึงเลือกเส้นทางนี้ แต่เส้นทางนี้ก็เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากมีทางโค้งหลายแห่งตลอดทาง และมีอุโมงค์ยาวๆ จำนวนมากที่ลอดผ่านภูเขาที่มีทางเลี้ยวมากมาย ภูมิประเทศก็สูงชันและซับซ้อน ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงไม่ค่อยใช้เส้นทางนี้มากเท่าไหร่นัก โดนเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืนที่นี่มักจะเงียบสงบมากเช่นกัน
และด้วยความท้าทายของถนนนี้เอง มันจึงเป็นสถานที่ที่พวกเด็กๆ มักจะมากบดานและชอบมาแข่งรถกันในเวลากลางคืน และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา บนหน้าหนังสือพิมพ์ก็มีข่าวออกมาว่ารถหรูหลายคันมาแข่งกันที่ถนนเส้นนี้ด้วยเช่นกัน
และในขณะที่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จู่ๆ ก็เกิดเสียงของล้อรถที่บี้เบียดกับพื้นถนนขึ้นที่ด้านหลังรถของเธอราวกับว่ามันเป็นการยืนยันความคิดของเธออย่างไรอย่างนั้น มีแสงไฟหน้ารถเจิดจ้าส่องเข้ามาที่ด้านหลังรถของเธอ และด้วยความที่แสงจ้านั้นมันกระทบกับกระจกมองหลัง มันจึงทำให้เซี่ยเย่มองไม่เห็นและแทบจะลืมตาไม่ขึ้น จากนั้นรถที่ขับมาอย่างเร็วและแรงราวกับพายุเฮอริเคนก็ขับผ่านหน้าเธอไป จากนั้นก็มีเสียงหวีดแหลมดังขึ้น
“นี่คนสวย พวกเรากำลังจะปิดถนนข้างหน้า! ถ้าคุณไม่รีบ คุณอยากจะมาร่วมกับเรารึเปล่าล่ะ?”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่บ้าระห่ำและไร้ความปรานีนั้น รถคันหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มเบียดรถของเซี่ยเย่ขึ้นมา เด็กหนุ่มสวมผ้าพันคอโจรสลัดยื่นหัวออกมานอกหน้าต่าง และมองตรงมาที่ซีเซี่ยเย่อย่างท้าทาย
ซีเซี่ยเย่หันไปจ้องมองเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันเป็นปม แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามที่จะไม่สนใจพวกเขา
แต่เพียงไม่นาน รถอีกคันที่อยู่ข้างๆ รถมู่หยู่เฉินที่ซีเซี่ยเย่กำลังขับอยู่จนเกือบจะชน แต่ก็โชคดีที่ซีเซี่ยเย่มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เพราะอย่างนั้นเธอจึงหมุนพวงมาลัยหักหลบมันได้ และรอดพ้นมันไปได้อย่างหวุดหวิด