ตอนที่แล้วบทที่ 16 ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 นายชอบผู้หญิงดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ...?

บทที่ 17 ที่จริงฉันอยู่ห้องเดียวกับนายตอนมัธยมปลาย


ตอนที่โจวจิงเจ๋อนำส้มโอขึ้นมา ต้าหลิวกินไปหนึ่งชิ้น และยกนิ้วให้ “มันหวานจริงๆ สวี่สุยผลไม้ทางตอนใต้ของพวกเธอหวานเหมือนกันหมดเลยหรือเปล่า?”

“หวานสิ อีกทั้งส้มโอน้ำผึ้งเนื้อแดงยังเป็นสินค้าประจำท้องถิ่นของพวกเราด้วย” สวี่สุยตอบ

หลังจากการซ้อมเสร็จสิ้น กลุ่มของพวกเขาก็แยกย้ายกันกลับบ้าน สวี่สุยต้องไปที่บ้านของเซิ่งหนานโจวเพื่อสอนพิเศษเซิ่งเหยียนเจี่ย ทันทีที่มาถึงบ้าน ป้าเซิ่งจับมือเธอและชมเธอไม่ขาดปาก เพราะในการสอบคะแนนเต็ม 100 คะแนน เซิ่งเหยียนเจี่ยได้คะแนน 81 ในวิชาคณิตศาสตร์ และ 72 คะแนนในวิชาภาษาอังกฤษ

เมื่อเทียบกับคะแนนทั้งสองวิชาที่สอบตกก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นการพัฒนาที่มีคุณภาพ

“ทำงานหนักแล้ว” ป้าเซิ่งลูบมือของเธอ

“พอไหวค่ะ” สวี่สุยตอบกลับ หลังจากนั้นเดินเข้าไปในห้องของเซิ่งเหยียนเจี่ย ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เด็กชายก็นั่งอยู่ที่นั่น โดยทำท่าทางท่าทางเย่อหยิ่ง

“จะเข้าเรียนแล้ว และจะยังโพสท่าอยู่อีก” สวีสุ่ยหยิบหนังสือขึ้นมาตีเขาเบา ๆ

เด็กชายผมหยิกหัวเราะ "ฮิฮิ"

เป็นเรื่องยากสำหรับเซิ่งเหยียนเจี่ยที่จะสอบได้คะแนนดี เขาได้ในสิ่งที่แม่ของเขาต้องการ เมื่อเข้าเรียนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สวี่สุยมองเห็นถึงความกระตือรือร้นในการเรียนของเด็กชายสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอจึงเพิ่มแบบทดสอบให้กับเขา

“ครูสวี่สุย ความรักที่ผมมีต่อครูกำลังจะหายไป” เซิ่งเหยียนเจี่ยนอนอยู่บนโต๊ะ พูดด้วยใบหน้าขมขื่น

“แต่มันไม่ส่งผลต่อความรักที่ครูมีต่อนาย” สวี่สุยตอบอย่างเป็นธรรมชาติ

ใบหน้าอ้วนๆ ของเด็กชายค่อยๆ แดงอย่างเงียบ ๆ สวี่สุยเหลือบมองดูเวลา เก็บของและเตรียมจะออกไป พอดีกับที่เซิ่งหนานโจวเคาะประตูแล้วเข้ามาพร้อมกับโจวจิงเจ๋อ

เขาเอนตัวพิงกรอบประตู กำลังเล่นโทรศัพท์

เซิ่งหนานโจวกล่าวว่า "สวี่สุย อยู่ทานอาหารเย็นที่นี่ก่อนสิ

สวี่สุยจงใจไม่ให้ตัวเองเห็นคนๆ นั้น และปฏิเสธแบบอ้อมๆว่า "ไม่ล่ะ ยังเช้าอยู่ ฉันอยากกลับไปนอน"

เซิ่งหนานโจวอยากจะพูดต่อ แต่เด็กชายผมหยิกที่นั่งอยู่ตรงนั้นหงุดหงิดเล็กน้อย "พี่ชาย ไม่เบื่อเหรอ พวกพี่รีบไปกันเถอะ ผมมีอะไรจะคุยกับครูสวี่”

“โอเค มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะสามารถดันผลการเรียนของคนไม่เอาไหนแบบนั้นได้แค่ไหนนะ” เซิ่งหนานโจวเหลือบมองที่น้องชายของเขา ตอนที่เดินออกไปยังช่วยปิดประตูให้พวกเขาด้วย

เด็กชายผมหยิกนั่งบนพรม จับที่จับสวิตช์ มองหารีโมทคอนโทรล สวี่สุยเดินไปหยิบรีโมทคอนโทรลที่ติดอยู่ตรงรอยแยกของโซฟาแล้วยื่นให้เขา

“ไม่ใช่ว่าจะชวนครูเล่นเกมอีกแล้วเหรอ? วันนี้ครูเหนื่อยนิดหน่อย” สวี่สุยถาม

“ไม่ใช่แน่นอน พี่ชายจิงเจ๋อสัญญาว่าวันนี้จะเล่นเกมกับผม” เซิ่งเหยียนเจี่ยเอื้อมมือไปหยิบตั๋วสองใบในกล่องเก็บของ แล้วยื่นให้อย่างเชื่องช้าด้วยท่าทางที่ผิดธรรมชาติ “แม่ของผมขอให้ขอบคุณคุณครู ดังนั้นไปดูหนัง”

“โอเค” สวี่สุยไม่รับ แต่พูดว่า “ตั๋วเอาไว้กับนายก่อน แล้วเจอกันที่โรงหนัง”

“ครูต้องมานะ” เซิ่งเหยียนเจี่ยเน้นย้ำ

“โอเค” สวี่สุยโบกมือให้เขา

หลังจากที่สวี่สุยออกไป โจวจิงเจ๋อก็เดินเข้าไปเล่นเกมกับเด็กชายผมหยิก วันนี้โจวจิงเจ๋ออารมณ์ไม่ดี ในขณะที่เล่นเกมกับเซิ่งเหยียนเจี่ย เขาฆ่าเซิ่งเหยียนเจี่ยหลายครั้ง ฆ่าจนเด็กชายผมหยิกไม่มีเลือดให้ไหลแล้ว

แต่ผิดคาด เซิ่งเหยียนเจี่ยแพ้เกมแล้วยังฮัมเพลง โจวจิงเจ๋อหยิบกล่องลูกอมออกมา ปอกเปลือกลูกอมมินต์ออกแล้วโยนเข้าปาก เขาเลิกคิ้วขึ้น “แพ้แล้วทำไมยังมีความสุขขนาดนั้น?”

เซิ่งเหยียนเจี่ยหน้าแดงเมื่อจำอะไรบางอย่างได้และพูดว่า "ผมนัดครูสวี่สุยไปดูหนัง"

สีหน้าของโจวจิงเจ๋อยังคงนิ่ง เขาถอดรีโมทคอนโทรลที่ชำรุดในบ้านของเขาและซ่อมแซมมัน เขารู้ว่าเด็กชายคงจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว วินาทีต่อมา น้ำเสียงของเซิ่งเหยียนเจี่ยตื่นเต้นจนควบคุมไม่ได้

“เธอตอบตกลง และผมจะสารภาพกับเธอในวันนั้น!”

โจวจิงเจ๋อกำลังหมุนรูเล็กๆ ด้วยไขควง เมื่อได้ยินดังนั้น เขาตกตะลึงจนจิ้มเข้าไปที่นิ้วของตัวเอง หลังจากกลับมารู้สึกตัวก็ยิ้มอย่างเย็นชา

“นายชอบอะไรในตัวอาจารย์เสี่ยวสวี่?”

เซิ่งเหยียนเจี่ยตอบเสียงดังว่า เด็กก็เป็นอย่างนี้ แสดงออกอย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมา "ผมชอบรูปลักษณ์ที่ดูดีและอ่อนโยนของครูเสี่ยวสวี่ ดวงตาของเธอโตและสวยมาก ผิวขาว เวลาเธอยิ้มมีลักยิ้มสองข้าง แถมยังดีกับผมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยสอนพิเศษให้กับผม... สรุปคือ เธอดูเหมือนแฟนในอนาคตของผม”

โจวจิงเจ๋อเคี้ยวลูกอมมินต์ในปากจนเกิดเสียงดัง รสชาติมิ้นต์ติดอยู่ที่ปลายลิ้น เขาโจมตีเด็กอ้วนอย่างไร้ความปราณี

“เด็กน้อย ขนนายยังขึ้นไม่เต็มที่ นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำสารภาพรักเขียนยังไง นอกจากนี้ ฉันจะบอกความจริงให้ ครูเสี่ยวสวี่ ที่เขาดีกับนายและสอนพิเศษให้นายก็เพราะรับเงินจากแม่ของนายไปแล้ว และเธอไม่ชอบที่นายเล่นแต่เกมจนทำให้เกรดออกมาไม่ดี”

เซิ่งเหยียนเจี่ยเพิ่งอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โลกทัศน์ทั้งหมดของเขาพังทลายลง เด็กชายผมหยิกทำตาโตและผลักโจวจิงเจ๋อออกไป ดวงตาของเขาแดงเล็กน้อย "พี่ชาย พี่เกลียดผม ผมไม่อยากให้พี่ซ่อมรีโมตคอนโทรลแล้ว พี่ออกไปเลย คนอย่างพี่ไม่รู้หรอกว่าการชอบคืออะไร”

โจวจิงเจ๋อถูกเซิ่งเหยียนเจี่ยผลักออกไปนอกประตู เขาไม่ได้โกรธ แถมยังหัวเราะ หน้าอกของเขาสั่นไปด้วยความสุข “คนอย่างพี่ไม่รู้หรอกว่าการชอบคืออะไร” เขาได้ยินประโยคนี้มานับไม่ถ้วน แฟนเก่าทั้งหมดที่เขาเคยคบหาล้วนพูดประโยคนี้กับเขาแทบทุกคน

เขาเป็นคนเจ้าชู้และเฉยชา ดูเหมือนไม่แยแสกับอะไรทั้งนั้น ไป่อวี๋เยว่โวยวายโมโหจนบอกเลิกเขา แต่โจวจิงเจ๋อตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด

ในทางกลับกัน ไป่อวี๋เยว่ร้องห่มร้องไห้หลังจากได้ยินเขาพูด กล่าวหาว่าเขาไม่เข้าใจความหมายของคำว่ารัก และไม่เคยคิดถึงอนาคตของเราเลยแม้แต่น้อย

ที่น่าตลกคือ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตของตัวเองอยู่ที่ไหน

----

พยากรณ์อากาศกล่าวว่าวันพุธจะมีอุณหภูมิ 8 องศาและมีฝนตก

ในตอนเช้าสวี่สุยลุกขึ้นจากผ้าห่ม อากาศเย็นแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขน อากาศเย็นลง สวี่สุยยังคงกลัวความหนาว ดังนั้น เธอจึงสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีขาวและไปเข้าเรียน ขณะที่เธอกำลังจะออกไปพร้อมกับหนังสือในอ้อมแขน เธอพบว่ามีน้ำค้างแข็งโปร่งใสก่อตัวขึ้นบนราวบันได

ช่วงบ่ายไม่มีเรียน หลังจากเลิกเรียนเธอจึงไปที่โรงหนัง ไม่สนใจแม้แต่จะแต่งตัว เมื่อเธอเห็นว่าคนที่ยืนอยู่กับเพื่อนตัวน้อยเซิ่งเหยียนเจี่ยคือใคร เธอก็ก่นด่าตัวเองในใจ ไม่ว่ายังไงเธอก็ควรจะแต่งตัวกว่านี้สักหน่อย ทำไมถึงใส่เสื้อนวมขนนกง่ายๆ แล้วออกมาเลย เพราะมันป่องดูยังไงก็ไม่สวย

เซิ่งเหยียนเจี่ยยังคงโกรธโจวจิงเจ๋อ แต่แม่ของเขาไม่วางใจให้เขาออกมาคนเดียว และบอกว่าต้องหาคนมากับเขาด้วยพี่ชายของเขาไปเล่นเกมที่ร้านอินเทอร์เน็ตแล้ว เหลือเพียงพี่ชายจิงเจ๋อที่นอนขี้เซาอยู่ข้างบ้าน

เด็กชายผมหยิกต้องลดทิฐิตัวเองลงและไปขอร้องโจวจิงเจ๋อ

“ครูเสี่ยวสวี่ ครูอยากดื่มอะไรครับ? ผมเลี้ยงเอง” ดวงตาของเซิ่งเหยียนเจี่ยเป็นประกายเมื่อเขามองสวี่สุย

โจวจิงเจ๋อทำเสียง “ฮึ” ไม่รู้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน เขาเดินไปที่เคาท์เตอร์หยิบคูปองหนังของเซิ่งเหยียนเจี่ยออกมาเพื่อเลือกหนังที่ต้องการจะดู เอียงศีรษะแล้วถามว่า

“ชอบหนังแนวไหน?”

“หนังสยองขวัญ” สวี่สุยตอบ

เพื่อตามใจครูเสี่ยวสวี่ที่เขาชอบ เซิ่งเหยียนเจี่ยลืมความขี้ขลาดและพูดว่า "ผมก็เหมือนกัน!"

โจวจิงเจ๋อหยุดมือที่กำลังยื่นคูปองหนังกลางอากาศ ใช้นิ้วโป้งถูตั๋ว แล้วยิ้มเบาๆ "สวี่สุย เธอมีเรื่องที่คาดไม่ถึงกี่เรื่องกัน..."

โจวจิงเจ๋อเลือกที่นั่งสามที่ในภาพยนตร์สยองขวัญ เขายืนอยู่ด้านหลัง วันนี้เขาสวมเสื้อโค้ททำงานและรองเท้าคอมแบต ทำให้เขาดูสูงและแข็งแรงมาก

ตอนที่พนักงานยื่นตั๋วให้แก่เขา เธอมองเขาหลายครั้ง ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้มว่า "นี่ตั๋วของคุณค่ะ ต้องการอะไรอีกไหมคะ?"

โจวจิงเจ๋อขอน้ำเย็นหนึ่งขวดโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เซิ่งเหยียนเจี่ยคว้าแขนเสื้อของสวี่สุยแล้วเขย่า เพื่อแสดงมารยาท "ครูสวี่ ครูชอบกินอะไร ผมเลี้ยงเอง!"

สวี่สุยไม่ค่อยชอบกินขนม สายตาของเธอกำลังลังเลและกำลังจะปฏิเสธ โจวจิงเจ๋อเหลือบมองไปที่ใบหน้าตื่นเต้นของเด็กชายและพูดว่า "สั่งเถอะ ไม่อย่างนั้นเด็กนี่ร้องไห้แน่"

ในที่สุดสวี่สุยก็เข้าโรงหนังมาพร้อมกับป๊อปคอร์นหนึ่งถัง

สามนาทีก่อนหนังจะเริ่ม เซิ่งเหยียนเจี่ยนั่งตรงกลาง สวี่สุยนั่งข้างในและโจวจิงเจ๋อนั่งที่ด้านนอกสุดข้างทางเดิน

โจวจิงเจ๋อตั้งแต่เขานั่งลงก็เอนหลังพิงเก้าอี้และเล่นโทรศัพท์มือถือ ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองเลย สวี่สุยหลับตาลง รวบรวมสมาธิและหันสายตาไปที่หน้าจอ

ภาพยนตร์เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สวี่สุยถูกพล็อตเรื่องดึงดูดความสนใจอย่างรวดเร็ว เธอจดจ่อมาก ไม่เบี่ยงเบนความสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว นี่เป็นเรื่องยากสำหรับเซิ่งเหยียนเจี่ยผู้กล้าหาญที่อยู่ถัดจากเธอ

ตั้งแต่หนังเริ่ม หลังของเขาเย็นเฉียบ แต่เขาบังคับตัวเองให้ดูเหมือนลูกผู้ชาย และพยายามจ้องที่หน้าจอด้วยดวงตาที่เปิด กว้าง แต่คนกลัวยังไงก็กลัวอยู่ดี

ใบหน้าของผีผู้หญิงบนหน้าจอเต็มไปด้วยเลือด ทันใดนั้น คลานออกจากโต๊ะด้วยใบหน้าบูดบึ้ง การกระทำนี้ทำให้ผู้ชมใน โรงหนังตกใจ ผู้หญิงหลายคนกรีดร้องลั่น

“โอ้—”

ภาพมีความสมจริงและน่ากลัว จู่ๆ เสียงร้องที่น่าสะพรึงกลัวของโรงภาพยนตร์ก็ดังขึ้นมา เซิ่งเหยียนเจี่ยกรีดร้องเสียงดัง เขาปิดตาทั้งสองข้างไม่กล้ามอง ตอนนี้เขาต้องการการปลอบโยน

ศีรษะของเซิ่งเหยียนเจี่ย หันมาที่ด้านข้างของโจวจิงเจ๋อโดยไม่ได้ตั้งใจ และทันใดนั้นก็ตระหนักว่านี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับอาจารย์เสี่ยวสวี่อบอุ่นขึ้น ดังนั้นศีรษะของเขาจึงค่อยๆ หันไปที่ด้านข้างของสวี่สุย

ในตอนที่ศีรษะของเขาห่างจากอาจารย์เสี่ยวสวี่สองเซนติเมตร มือที่เย็นชาและแข็งแกร่งคู่หนึ่งก็จับที่หลังคอของเขา โจวจิงเจ๋อมองตรงไปที่หน้าจอ แต่มือของเขากลับไม่ว่าง อุ้มเซิ่งเหยียนเจี่ยกลับไปยังที่นั่งตามเดิม

โจวจิงเจ๋อมองเตือนเขา แต่เสียงของเขากลับเฉื่อยชา "ซื่อสัตย์หน่อย"

เซิ่งเหยียนเจี่ยรู้สึกเศร้าใจมาก ปิดตาตลอดเวลา และดูหนังสยองขวัญจนจบเรื่องผ่านนิ้วของเขา ในที่สุดก็เหงื่อตก

สวี่สุยชอบดูหนังสยองขวัญ เธอไม่ได้สังเกตว่าอีกด้านหนึ่งเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนที่หนังจบลง เธอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกด้วยความอาลัยอาวรณ์

เธอโพสต์ข้อความลงในไทม์ไลน์ที่มองเห็นได้เฉพาะตัวเธอเอง พร้อมข้อความ “เหมือนฝัน”

โจวจิงเจ๋อเอามือล้วงกระเป๋า ยกเปลือกตาขึ้นแล้วเหลือบมองเธอ “เธอชอบหนังสยองขวัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”

สวี่สุยรีบปิดหน้าจอ มองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ทางด้านซ้าย และตอบเบาๆ ว่า “อืม”

ชอบมาก

ทั้งสามคนเดินออกจากโรงหนังด้วยกัน เซิ่งเหยียนเจี่ยเดินอยู่ด้านหน้า เห็นสไปเดอร์แมนในเครื่องคีบตุ๊กตา เขี่ยกระจกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "พี่ชาย รีบไปแลกเหรียญเร็ว ผมอยากคีบตุ๊กตา”

โจวจิงเจ๋อต้องแลกเหรียญเกมในตะกร้าเล็ก ๆ ให้กับเจ้าใหญ่นายโตคนนี้ เด็กชายผมหยิกวางตะกร้าไว้ข้าง ๆ และสนุกไปกับการเล่นเครื่องคีบตุ๊กตา

สวี่สุยยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง มองไปยังด้านในสุดของเครื่องคีบตุ๊กตา เธอเดินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว และยืนอยู่ตรงหน้ามันด้วยอาการเหม่อลอย ทันใดนั้น เงาสีดำก็ปกคลุมลงมา และเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น “อยากได้หรอ?”

สวี่สุยพยักหน้าและพูดเบา ๆ ว่า "นิดหน่อย ตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก เนื่องจากพ่อของฉันต้องไปทำงาน จึงมักจะออกไปตั้งแต่เช้าและกลับมาดึก ดังนั้นเขาจึงซื้อตุ๊กตากะหล่ำปลีมาให้อยู่เป็นเพื่อนฉัน ต่อมาเขาเสียชีวิต และเพราะว่าย้ายบ้าน ตุ๊กตากะหล่ำปลีตัวนั้นจึงหายไป”

“แต่ฉันโตแล้ว คงไม่ต้องการมันอีกแล้วล่ะ” สวี่สุยชี้ไปที่ตุ๊กตากะหล่ำปลีในหน้าต่างกระจกด้วยรอยยิ้ม

โจวจิงเจ๋อไม่ได้ตอบ เขาหยิบบุหรี่ออกจากปาก และพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชาและเย่อหยิ่งว่า "ท่านโจวจะคีบให้เธอเอง"

ห้านาทีต่อมา โจวจิงเจ๋อจ่ายเงินให้กับความเย่อหยิ่งของเขา เขาใช้เงินไปมากกว่า 10 เหรียญ แต่กลับคีบไม่ได้เลย เหรียญในฝ่ามือของโจวจิงเจ๋อ เลื่อนลงจากมือไปที่ช่องเหรียญ และกระแอมในลำคอเบาๆ "คราวนี้ได้แน่นอน"

ตะขอของเครื่องคีบตุ๊กตาเกี่ยวที่ท้องของกะหล่ำปลีแล้วค่อย ๆ เคลื่อนไปที่ช่องทางออก สายตาของทั้งสองคนตั้งตารอ ดวงตาของสวี่สุยตื่นเต้น "ดูเหมือนว่ามันจะออกมาแล้ว"

เกิดเสียง “ฟิ้ว” เครื่องคีบตุ๊กตาหล่นลงอีกครั้ง

บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง โจวจิงเจ๋ออายและพูดว่า “ฉันจะไปแลกเหรียญ”

สองนาทีต่อมา โจวจิงเจ๋อกลับมาพร้อมกับตะกร้าเหรียญอีกครั้ง เขายืนอยู่หน้าเครื่องคีบตุ๊กตาและใส่เหรียญด้วยท่าทางสงบ เขาพยายามและแพ้หลายครั้ง

ในตอนนั้น มีคู่รักคู่หนึ่งเดินเข้ามา ชายหนุ่มใช้เหรียญสองเหรียญคีบตุ๊กตาอย่างง่ายดาย หญิงสาวคนนั้นกระโดดขึ้นเอาแขนโอบรอบคอ และพูดด้วยความตื่นเต้น “สามี คุณสุดยอดมาก!”

“ยังอยากเล่นอยู่ไหม?”

“อยาก”

สวี่สุยยืนอยู่ทางด้านซ้ายของโจวจิงเจ๋อ ความสนิทสนมแนบแน่นของคู่รักที่อยู่ติดกัน ทำให้สวี่สุยรู้สึกอึดอัด และคันที่คอเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง

โจวจิงเจ๋อคาบบุหรี่ นำเอาเทคนิคในการเล่นลีกออฟเลเจ็นดส์ออกมาใช้ และเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ ทันใดนั้น มีคนดึงที่มุมเสื้อของเขา ก้มศีรษะลง สบกับดวงตาใสคู่หนึ่ง

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ” สวี่สุยพูดด้วยน้ำเสียงปรึกษา

โจวจิงเจ๋อจ้องไปที่เครื่องคีบตุ๊กตาตรงหน้า และยิ้มเย็นชา "ฉันยังไม่เชื่อในความชั่วร้ายนี้"

ในที่สุด โจวจิงเจ๋อก็ใช้เงินไปมากกว่า 100 เหรียญในเกม แม้แต่ก้นของมันก็คีบไม่โดน แม้ว่าสวี่สุย จะเกลี้ยกล่อมหลายครั้ง "ไปเถอะ เงินจำนวนนี้เพียงพอที่จะซื้อตุ๊กตาหลายตัวทางออนไลน์แล้วนะ" "ฉันไม่อยากได้จริงๆ ชั่งมันเถอะ" และอีกมากมาย แต่เขายังคงนิ่งเฉย

ชัยชนะที่เลวร้าย

ในท้ายที่สุด พนักงานก็ลากถุงตุ๊กตาและนำมันใส่เข้าไปในเครื่อง โจวจิงเจ๋อหดมือ แต่คราวนี้เขาถามว่า "ตัวละเท่าไหร่ ขายได้ไหมครับ?”

พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส “ขอโทษค่ะ สินค้านี้ไม่ได้มีไว้ขาย”

สวี่สุยอดที่จะกุมขมับไม่ได้ เป็นเรื่องที่ตลกดีเหมือนกัน ในตอนนั้น เธอยกโทษให้โจวจิงเจ๋อในใจ อย่างไรก็ตาม เขาคู่ควรกับความชอบของเธอจริงๆ และเธอก็ควบคุมตัวเองไม่ได้

เธอภูมิใจในตัวเองราวกับได้รับชัยชนะ

เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ย่อท้อของโจวจิงเจ๋อ สวี่สุยก็ลากแขนของเขาอย่างเร่งรีบ โค้งลงด้านหน้าพนักงาน "ขอโทษค่ะ"

โจวจิงเจ๋อถูกสวี่สุยลากออกไป หันศีรษะมาและยังคงไม่ย่อท้อ “เธอกำหนดราคามาสิ”

เซิ่งเหยียนเจี่ยกำลังเล่นเกมอื่นอยู่ เมื่อเห็นโจวจิงเจ๋อและสวี่สุยเดินออกไปเขาจึงรีบวิ่งตาม กลุ่มของพวกเขาเดินออกจากประตูโรงหนัง

เมื่อลมหนาวพัดมา สวี่สุยก็ฟื้นคืนสติ เธอตกใจเมื่อรู้ว่าเธอใจกล้ามากถึงขนาดลากแขนของโจวจิงเจ๋อ เธอรีบปล่อยมือ "ฉันขอโทษ"

เสียงตะโกนของเซิ่งเหยียนเจี่ยทำลายความคิดของพวกเขาทั้งสองคน “ว้าว หิมะตกแล้ว”

เมื่อสวี่สุยได้ยินคำพูดนั้นจึงหันไปมองด้านหน้า และพบว่าหิมะตกลงมาทุกหนทุกแห่ง เหมือนดอกแดนดิไลออนที่ปลิวไปตามลม เธอยื่นมือออกมา อนุภาคหิมะบางๆ ที่เย็นยะเยือกก็ละลายในฝ่ามือของเธอ

หิมะตกจริงๆ ด้วย

ในหัวใจของเพื่อนตัวน้อย การเล่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ ในเวลานี้ ความรักทั้งหมดที่มีต่อครูเสี่ยวสวี่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เซิ่งเหยียนเจี่ยตะโกนด้วยน้ำเสียงขอร้อง "พี่ชาย!"

ก่อนที่เซิ่งเหยียนเจี่ยจะพูดประโยคหลัง โจวจิงเจ๋อรู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร ประโยคสั้นๆ หลุดออกจากริมฝีปากบางๆ ของเขา “20 นาที”

หลังจากได้รับอนุญาติแล้ว เซิ่งเหยียนเจี่ยก็ร้องเสียงดังราวกับนกที่ร่าเริงและรีบวิ่งไปที่ลานข้างโรงหนัง โจวจิงเจ๋อและสวี่สุยนั่งบนเก้าอี้ตรงมุมและรอเซิ่งเหยียนเจี่ย

สวีสุ่ยนั่งบนเก้าอี้ ลมหนาวพัดเข้ามาที่คอเสื้อ เธอหดตัวลงโดยไม่ตั้งใจ โจวจิงเจ๋อนั่งอยู่ด้านข้าง วางข้อศอกบนต้นขาและเลิกคิ้ว “หนาวเหรอ?”

“นิดหน่อย คนภาคใต้น่ะ” สวี่สุยย่นจมูกด้วยความเขินอาย

ร่างกายของสวี่สุยไวต่อความเย็น เมื่อถึงฤดูหนาวมือและเท้าของเธอจะเย็น นอกจากนี้ ที่นี่คือเมืองจิงเป่ย และเธออยู่ที่ภาคเหนือมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ชินกับมัน

โจวจิงเจ๋อกระตุกมุมปากของเขา

ในวันที่อากาศหนาวเย็นจัด โจวจิงเจ๋อยังซื้อน้ำอัดลมอีกหนึ่งกระป๋อง ดึงแถบออกแล้วจิบ สวี่สุยมองไปยังเครื่องดื่มเย็น ๆ ที่มีน้ำแข็งเกาะ และถามว่า “ไม่หนาวเหรอ?”

“สุดยอด” โจวจิงเจ๋อตอบ

ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ สวี่สุยจิบโกโก้ร้อน อุณหภูมิในร่างกายของเธอสูงขึ้น ขณะที่เธอกำลังหาหัวข้อสนทนา โจวจิงเจ๋อ หันไปมองเธอ จ้องไปยังริมฝีปากที่ค่อยๆ กลับมาเป็นสีดอกกุหลาบ แล้วถามว่า

“สวี่สุย เพราะเซิ่งหนานโจวล้อเล่นครั้งที่แล้วใช่ไหม หรือว่าฉันทำอะไรที่—”

สวี่สุยส่ายหัวและถอนหายใจ นิ้วมือสั่นพยายามจับก้นแก้วโกโก้ร้อน เธอเงยหน้าขึ้น และรวบรวมความกล้ามองตรงไปยังเขา

“ที่จริงฉันอยู่ห้องเดียวกับนายตอนมัธยมปลาย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด