ตอนที่แล้วบทที่ 15
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17

บทที่ 16


“…….”

ซังจื้อมองหน้าเขาด้วยสายตาคาดโทษ ก่อนจะพูดขึ้นว่า: “ถึงว่าร้านนี้ไม่มีลูกค้าเลย”

ต้วนเจียสวี่: “หืม?”

ซังจื้อเอาเงินออกมาวางให้เขา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากจะเสียเงินเพิ่มอีกแม้แต่แดงเดียว ใบหน้าเล็กปรากฏสีหน้าเครียดก่อนพูดใส่เขาเสียงแจ๋ว “ร้านรีดไถ”

ต้วนเจียสวี่รู้สึกว่านี่มันน่าขันอย่างยิ่ง “แค่เก็บเงินเพิ่มมาแค่หยวนเดียวเนี่ย กลายเป็นร้านรีดไถเลยหรอ”

ซังจื้อหน้ามุ่ย: “ฉันก็ไม่ได้แอบมองพี่ซะหน่อย”

“โอเค” ต้วนเจียสวี่ว่าพลางกวาดเงินที่โต๊ะขึ้นมา “เป็นพี่เองพี่พูดจาไปเรื่อยเปื่อย”

ซังจื้อมองเขาครู่หนึ่ง เธอไม่ได้สนทนาอะไรอีกและกำลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะ

เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เสียงของต้วนเจียสวี่ก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง: “เดี๋ยวก่อน”

ซังจื้อหยุดฝีเท้าแล้วหันหน้ากลับไปมอง: “ทำไม”

ต้วนเจียสวี่: “มานี่”

ด้วยความรู้สึกลังเลใจทำให้ไม่อยากจะเดินเข้าไปหาเขานัก แต่ดูท่าทางเขาที่ยืนมองเธออย่างสงบนิ่ง รอเธอให้เดินเข้าไปหาเหมือนหมาที่เรียกให้มาก็มาไล่ให้ไปก็ไป

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็เดินเข้าไปหาเขาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนักพร้อมทั้งเอ่ยถามอีก “ทำไม”

“พี่จะไปเอาเงินเธอได้ยังไงกันล่ะ” เขาโน้มตัวลงมา คว้าข้อมือของเธอแล้ววางเงินทั้งหมดใส่ในมือ “เอาไปซื้อลูกอมกินนะ”

ซังจื้ออึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง

ตอนนี้เขาผละจากมือเธอไปแล้ว

ด้านหลังของเคาน์เตอร์นั้นเป็นที่สำหรับทำขนม ด้านบนมีวัตถุดิบส่วนผสมวางอยู่หลายชนิด พูดจบ ต้วนเจียสวี่ก็หันหลังไปหยิบถ้วยขึ้นมาสองใบและเริ่มลงมือทำขนมหวานให้เธอ

ซังจื้อเก็บเงินเข้ากระเป๋าไปอย่างเงียบๆ

ทำไมถึงเป็อย่างนี้กันนะ

ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ

ทุกครั้งเธอไม่เคยจะปฏิเสธเขาได้เลย

เป็นแบบนี้ตลอด เขา‘ตบหัว’ ให้เธอยั่วะแล้วเธอก็ต้องมาอายที่โดนเขา‘ลูบหลัง’แบบนี้

เมื่อกลับมาที่โต๊ะ ยินเจินหรูเขยิบเข้ามาใกล้เธอ กดเสียงให้ต่ำลงแล้วกระซิบ “ซังจื้อ เพื่อนพี่เธอเลี้ยงพวกเราหรอ”

ซังจื้อพยักหน้า “ใช่”

“ฮิฮิ ดีจังเลย” ยินเจินหรูท่าทางดีใจ “ซื้อของขวัญไปเหลือแบงก์ย่อยไม่เยอะแล้ว แล้วฉันยังต้องไปเติมเกมอีก ช่วงนี้ออกหมวกใหม่มาสวยมากเลย”

“เธอเติมไปเท่าไหร่แล้ว”

“สวยมะ”

เธอรู้ว่าซังจื้อไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก ยินเจินหรูเปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อกี้ฟู่เจิ้งชูส่งคิวคิว*มาหาฉัน ถามว่าเราอยู่ไหนแล้ว งั้นฉันบอกไปเลยนะ

“อื้ม”

“เขาดูเหมือนว่าจะถึงแล้วเหมือนกันนะ บอกว่าจะมาหาเราก่อน แล้วก็หลิวเหว่ยฉีก็อยู่ด้วย”

ซังจื้อ “ทำไมพวกนั้นไม่ไปที่ร้านก่อนเลยล่ะ”

ยินเจินหรู “ตอนนี้พึ่งจะเที่ยงเอง ร้านคาราโอเกะเปิดตั้งบ่ายโมง พวกนั้นบอกว่าโทรไปจองเรียบร้อยแล้ว ก็เลยจะมาเจอเราก่อนแล้วก็ไปกินข้าว”

“แล้วมีใครมาอีก”

“ดูเหมือนว่าจะมีเพื่อนห้องนั้นอีกสองสามคนนะ” ยินเจินหรูพูด “แต่พวกนั้นเห็นว่าจะไปเจอกันที่คาราโอเกะหลังบ่ายโมงเลยน่ะ”

เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ต้วนเจียสวี่เอาขนมสองถ้วยมาเสิร์ฟให้พอดี ได้ยินบทสนทนาของเธอทั้งสอง เขาจึงเลิกคิ้วขึ้น แล้วดวงตาดอกท้อนั้นจะมองมาที่พวกเธอ ก่อนจะถามขึ้นว่า “จะไปร้องคาราโอเกะกันหรอ”

ยินเจินหรูเงียบลงในทันที

ซังจื้อพยักหน้า

ต้วนเจียสวี่ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่พูดกำชับ “ไปก็ต้องทำตามกฏระเบียบ กลับบ้านก่อนจะมืด อย่าเผลอเที่ยวจนดึกเกินล่ะ”

ราวกับว่าช่วยซังเหยียนสั่งสอนเธออย่างไงอย่างงั้น แต่ซังเหยียนเองกลับไม่สนใจเธอสักนิด

“อืม” ซังจื้อตอบรับ

หลังจากที่เขาเดินไปแล้วนั้น ยินเจินหรูเขยิบเข้ามาใกล้ซังจื้ออีกครั้งแล้วพูดว่า “เพื่อนพี่ชายเธอพูดอย่างกับเป็นคุณพ่อเลยแฮะ ก่อนฉันจะออกจากบ้านพ่อฉันก็พูดแบบนี้เลย”

ซังจื้อเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ “พ่อฉันก็พูดกับฉันแบบนี้เหมือนกัน”

“……”

ยังกินไปไม่ถึงครึ่ง ฟู่เจิ้งชูกับหลิวเหว่ยฉีก็เข้ามา

อันที่จริงซังจื้อก็ไม่ได้เจอทั้งสองคนบ่อยนัก ตอนนี้ดูอีกที ดูเหมือนว่าจะสูงขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว พวกเขาใส่เสื้อลำลองดูเป็นผู้ใหญ่

*QQ คือ โปรแกรมโชเชี่ยลชนิดหนึ่ง ที่ผู้คนเอาไว้แชทคุยกันคล้าย LINE

ยินเจินหรูวางส้อมลง แล้วหัวเราะคิกๆ “เจ้าของวันเกิดมาแล้ว”

ฟู่เจิ้งชูลูบจมูกป้อยๆ

หลิวเหว่ยฉีที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เดินมานั่งข้างๆยินเจินหรู “พวกเธอเร็วๆหน่อย ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว หรือไม่ก็ไปกินเคเอฟซีข้างๆนี่ก็ได้”

ยินเจินหรู “ฉันไม่มีตังค์”

ในร้านที่คับแคบเมื่อมีคนเพิ่มขึ้นมาสองคน เพียงครู่หนึ่งก็ดูจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด

ยินเจินหรูรีบกินอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็กินเสร็จ ทั้งสามคนในตอนนี้จึงกำลังรอซังจื้อ เมื่อได้ยินยินเจินหรูกับหลิวเหว่ยฉีต่อล้อต่อเถียงดังนั้นแล้ว เธอจึงรีบเร่งสปีดกินให้ไวขึ้น

เมื่อเห็นซังจื้อกินเสร็จแล้ว ยินเจินหรูจึงส่งกระดาษทิชชู่ให้เธอ “ไปกันเถอะ”

ซังจื้อพยักหน้า

ชายหนุ่มทั้งสองนั้นได้ลุกขึ้นและเดินออกไปก่อนแล้ว ยินเจินหรูดึงมือซังจื้อ ลากเธอให้เดินออกไปด้วยกัน

ขณะที่เดินผ่านเคาน์เตอร์แคชเชียร์นั้น ซังจื้อดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงหยุดฝีเท้าลง เธอผละมือออกจากยินเจินหรู “เธอออกไปรอฉันข้างนอกก่อนนะ”

ได้ยินดังนั้น ยินเจินหรูปรายตาไปที่ต้วนเจียสวี่ทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ “ได้ เร็วๆหน่อยแล้วกันนะ”

แล้วเธอจึงเดินออกไป

ต้วนเจียสวี่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่บนเก้าอี้ ในท่าทางที่สบายๆอย่างที่เขาอยากจะนั่ง เห็นดังนั้นแล้ว เขาจึงวางโทรศัพท์ลง แล้วพูดกับเธอ: “ตัวเล็ก มีอะไรจะพูดกับพี่คะ”

ซังจื้อลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจถามเขาไปตามตรง “พี่ พี่ช๊อตเงินหรอ”

ไม่คิดว่าเธอจะถามคำถามนี้ ต้วนเจียสวี่ยิ้มครู่หนึ่ง “อืม ทำไมหรอ”

“ครั้งที่แล้วที่ไปกินบาร์บีคิวกัน พี่เฉียนเฟยบอกว่าพี่ไปสอนพิเศษอยู่แถวนั้น” ซังจื้อพูดเสียงเบา “แล้ววันนี้ก็เห็นพี่มาทำงานอีก”

ต้วนเจียสวี่มองเธอและไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆออกไป บรรยากาศเงียบสนิท

สายตาของเขานั้นดูเหมือนว่าจะครุ่นคิดอยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขากำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่

ซังจื้อเริ่มกระอักกระอ่วน เธอกลืนน้ำลายไปหลายอึก “แล้วพี่ไม่กลับบ้านหรอ”

“อืม นิดหน่อย”

ดูเหมือนว่าจะเป็นคำตอบของคำถามก่อนหน้านี้

ซังจื้อนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “อ่อ”

“ไปเถอะ” ต้วนเจียสวี่เอ่ยเสียงเอื่อย ราวกับว่าไม่ได้เก็บสิ่งที่เธอถามมาใส่ใจ “เพื่อนๆรออยู่นะ”

พูดจบเขาก็หันไปแล้วเปิดก็อกน้ำเก็บล้างภาชนะต่างๆ

ครู่หนึ่งผ่านไป ในตอนที่ต้วนเจียสวี่คิดว่าซังจื้อได้เดินออกไปแล้ว จู่ๆก็มีเสียงใสๆของเธอดังขึ้นจากด้านหลัง “ไว้เจอกันนะพี่”

เมื่อสิ้นเสียงแล้ว ก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากึ่งวิ่งของเธอเดินจากไป

ต้วนเจียสวี่หยิบผ้ามาเช็ดทำความสะอาดโต๊ะ แล้วหันกลับไปมองที่เคาน์เตอร์

พลันสายตาก็จับจ้องไปที่สิ่งที่อยู่บนนั้น

พบว่ามีเงินกองหนึ่งวางอยู่ นอกเหนือจากเงินที่เขาคืนให้เธอเมื่อกี้ดูเหมือนว่าจะยังมีเงินอีกจำนวนไม่น้อยเพิ่มขึ้นมา ใบสีแดงคือแบงก์ร้อยหยวนอยู่ล่างสุดและถัดมาเป็นแบงก์ย่อยสิบหยวนและห้าหยวนตามลำดับ

ส่วนที่อยู่บนสุดของกองคือเหรียญหนึ่งหยวนอีกหกเจ็ดเหรียญ และเหรียญเศษสตางค์อีกสองเหรียญ

ดูแล้วเงินกองนี้ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเลยทีเดียว

ราวกับว่าผู้เป็นเจ้าของเอาเงินทั้งหมดที่ตนมีมาวางเอาไว้ตรงนี้หมดแล้วยังไงยังงั้น

ต้วนเจียสวี่อึ้ง จากนั้น เขายื่นมืออกไปอย่างลังเลพลางจิ้มไปที่เหรียญเหล่านั้น ตั้งเหรียญพังทลายลงและกระจายอยู่บนโต๊ะ

เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วหัวเราะออกมา

เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย

ครั้งนี้ทำไมดูเหมือนว่าจะกลายเป็นตัวเขาที่รู้สึกผิดฐานที่ตนเป็นฝ่ายไปโกงเงินเด็กน้อยเสียเอง

ขณะนี้ซังจื้อไม่เหลือเงินติดตัวสักบาท เงินค่าข้าวกลางวันเธอก็ยืมจากยินเจินหรู ในตอนที่ไม่มีเงินและต้องอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่เธอไม่สนิทนั้นทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนัก

เวลาห้าโมงเย็น คนในกลุ่มกำลังสนุกสนานไปกับการร้องคาราโอเกะ ซังจื้อถือแก้วชาขึ้นมาดื่ม เธอรู้สึกปวดหูจากเสียงที่ดังสนั่น เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยกับยินเจินหรูว่า “ยินเจินหรู ฉันว่าฉันจะกลับบ้าน”

ยินเจินหรูได้ยินไม่ชัดเจนนัก เธอเงยหน้าขึ้น: “เธอพูดไรนะ”

ซังจื้อเพิ่มน้ำหนักเสียงให้มากขึ้น “ฉันบอกว่าฉันอยากกลับบ้านแล้ว”

ครั้งนี้ เพลงที่เล่นอยู่ได้จบลงพอดีและกำลังขึ้นเพลงใหม่ เสียงของเธอจึงกลายเป็นดังลั่นขึ้นมา

ทุกคนหันมองมาทางเธอ

ไม่นานนัก เพลงใหม่ก็ดังขึ้นและทำลายบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนนั้นลง

คนอื่นๆก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก มีเพียงฟู่เจิ้งชูที่เดินเข้ามาและนั่งลงข้างๆเธอ “ซังจื้อ จะกลับแล้วหรอ”

“อืม” ซังจื้อเอ่ย “พ่อบอกให้กลับบ้านก่อนฟ้าจะมืดน่ะ”

เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “สุขสันต์วันเกิดนะ”

ฟู่เจิ้งชูเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันไปส่งเธอที่ป้ายรถนะ”

“ทำไมต้องไปส่งด้วยล่ะ ลงไปข้างล่างนี่ก็เป็นป้ายรถเมล์แล้วนี่” ซังจื้อที่อารมณ์ดูแปลกไปลุกขึ้นยืน “นายอยู่เถอะ ฉันไปนะ”

เธอหันไปกล่าวลาเพื่อนอีกสองสามคนแล้วออกจากร้านคาราโอเกะไป

ซังจื้อหยิบบัตรนักเรียนออกจากกระเป๋า

ร้านคาราโอเกะแห่งนี้อยู่บนห้างสรรพสินค้าชั้นห้า ร้านของต้วนเจียสวี่อยู่ที่ชั้นสี่ ขณะที่ลงบันไดเลื่อนมาถึงชั้นสี่ เธอหยุดครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของฟู่เจิ้งชูดังมจากด้านหลัง “ไม่ไปแล้วหรอ”

“……”

ซังจื้อตกใจและหันขวับกลับมามอง ฝ่ายที่ถูกจับได้รู้สึกละอายและอารมณ์เสีย“นายจะตามฉันมาทำไม”

“ไม่ได้ตามเธอซะหน่อย” ฟู่เจิ้งชูรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย “ฉันแค่ออกมาสูดอากาศ”

“อ๋อ” ซังจื้อเดินต่อ “งั้นนายก็สูดไปเถอะ แล้วเจอกันนะ”

ฟู่เจิ้งชูก็ยังตามเธอไป “แล้วฉันก็เลยจะไปส่งเธอด้วย”

ซังจื้อเบื่อจะพูด

“อ้อใช่สิ” ฟุ่เจิ้งชูเกาหัวยิก พยามหาเรื่องคุยกับเธอ “เทอมหน้าตอนเปิดเทอมมีสอบแบ่งห้องนะ เธอรู้รึเปล่า”

ซังจื้อพยักหน้า “ฉันได้ยินว่าตอนสอบปลายภาคนายพัฒนาขึ้นนี่”

“…..”

“ได้ที่ห้าจากสุดท้าย”

ฟู่เจิ้งชูรู้สึกขายหน้า แต่พยามฝืนพูดต่อไป “ก็เพราะฉันหลับไปยังไงล่ะ”

เมื่อมองท่าทางของเขา ซังจื้อก็คิดและพยามประติดประต่อเรื่องราวครั้งก่อนที่เขาบอกว่า “ครั้งหน้าฉันจะสอบให้ได้ที่หนึ่งให้ดู”

แล้วก็พูดกับเธอว่าเป็นเพราะไม่ฟังครูเลยโดนเรียกผู้ปกครอง แต่เขาเป็นฝ่ายไปขอให้ครูเรียกผู้ปกครองเสียเอง

เธอจึงถามขึ้น “นายน่ะ ไม่มั่นใจในตัวเองใช่ไหม”

ฟู่เจิ้งชู “?”

“เรื่องนี้น่ะไม่เห็นจะมีอะไรเลย ที่สำคัญก็คือฉันไม่เคยเห็นนายเรียนจริงจังเลย ถ้านายตั้งใจเรียนให้มันดีๆน่ะนะ คะแนนนายก็ดีขึ้นเองแหละ” ซังจื้อพูด “นายแค่อย่าขี้เกียจ เอาใจใส่หน่อยก็โอเคแล้ว ไม่ต้องเสียความมั่นใจไปหรอก”

“ซังจื้อ” เขาที่โดนเธอจัดชุดใหญ่เข้าเต็มเปา ฟู่เจิ้งชูสุดท้ายก็อดทนเก็บมันไว้ในใจไม่ไหว “ฉันไม่เชื่อว่าเธอดูไม่ออก”

ซังจื้อนิ่งไปครู่หนึ่ง “อะไร”

ฟู่เจิ้งชูเงียบ

“ดูไม่ออก” เมื่อคิดถงคำพูดของยินเจินหรูแล้ว ซังจื่อก็เกิดความลังเลที่จะพูด “เรื่องที่นายแอบชอบยินเจินหรูน่ะหรอ”

“…..”

ฟู่เจิ้งชูแทบจะหยุดหายใจ

เขาพยามจะสงบสติอารมณ์ลงแล้วกัดฟันพูด “ใครบอกเธอ”

ซังจื้อตอบไปอย่างใสซื่อ “ฉันเดาน่ะ”

ฟู่เจิ้งชู “เธออย่าเดามั่วจะได้ไหม”

ซังจื้องง “นายไม่มีทางแอบชอบฉันอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ”

ฟู่เจิ้งชูนิ่งพลางจองมองเธอและพูดออกไปอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมจะไม่ล่ะ”

“…….”

ท่าทางของซังจื้อเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ฮะ?”

ด้วยวัยรุ่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาใช้ความมั่นใจเต็มเปี่ยม พูดคำพูดที่ขี้ขลาดที่สุดออกไป “ถ้ามสมมตินะ สมมติ สมมติว่าฉันแอบชอบเธอล่ะ เธอจะทำยังไง”

“…….”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด