ตอนที่แล้วบทที่ 15 ความจริง (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17 เกิดมาแตกต่าง (1)

บทที่ 16 ความจริง (2)


มู่ฉางถิงโดนชนจนกระเด็นถอยหลังไปสองก้าว พยุงคนที่พุ่งเข้ามาแทบไม่ไหว มองอย่างละเอียด คนที่มีผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าตื่นตระหนกราวกับถูกทำให้ตกใจก็คือฮูหยินฟ่าน!มู่ฉางถิงมองเข้าไปในห้องทันที เห็นเพียงหวังอี๋เหนียงนั่งอยู่บนพื้น ทั้งสองมือถือหัวใจชิ้นหนึ่งอยู่ เคี้ยวและกลืนคำใหญ่อย่างหิวกระหาย

สภาพของนางนั้นราวกับปีศาจที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก ใบหน้า มือ แม้กระทั่งชุดที่สวมใสล้วนเปื้อนเปรอะไปด้วยเลือดสีแดงสด ขณะที่กินไป นางก็พึมพำอะไรสักอย่างไปด้วยที่ไม่สามารถฟังได้ชัด

มู่ฉางถิงฟังอยู่ชั่วครู่ ถึงได้เข้าใจว่าสิ่งที่นางกำลังกล่าวก็คือ -- อร่อย!อร่อย!

เหงื่อเม็ดเย็นไหลซึมออกมา ฮูหยินฟ่านจับแขนของเขาไว้แน่น ราวกับว่ากำลังจับฟางเส้นสุดท้ายในชีวิต มู่ฉางถิงกลับมาได้สติอีกครั้ง เห็นเพียงนางสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง ใบหน้าซีดเผือด ร้องอย่างตะกุกตะกัก “ช่วยข้า!รีบช่วยข้า!นาง นางจะควักหัวใจของข้า!สัตว์ประหลาด!เป็นสัตว์ประหลาด!”

อาจเป็นเพราะเสียงของนางนั้นดังเล็กน้อย ร่างที่ขดเบียดเสียดอยู่ที่มุมห้องนั่นขยับขึ้นมาทันที เขาปิดแผ่นอกที่เต็มไปด้วยรอยเล็บทั้งห้า สะอื้นไห้แล้วถอยหลังชิดผนังด้วยความหวาดกลัว จนกระทั่งหลังแนบกับผนัง ขณะที่ขดตัวถอยไปก็ร้องไห้พึมพำ “อย่าฆ่าข้า!อย่าฆ่าข้า!ขอร้องเจ้าแล้ว!ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง!”

ผมยาวกระเซอะกระเซิงปกคลุมใบหน้าของเขาไปกว่าครึ่ง ทำให้ไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง แต่น้ำเสียงนั้นสามารถบอกได้ว่าเป็นหลินเจี้ยน!

สมองของมู่ฉางถิงประมวลผลอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาเต้นระรัว ยิ่งเวลาผ่านไป เสียงหัวใจยิ่งเต้นดังขึ้นเท่านั้น

มือที่เกาะกุมไว้แน่นของฮูหยินฟ่านรัดเสียจนเขารู้สึกเจ็บ และทันทีที่เขาทั้งสองสบตากัน ราวกับว่าบรรยากาศนั้นถูกแช่แข็งไว้ในทันที

ฮูหยินฟ่านกระพริบตา อดไม่ได้ที่จะปล่อยมือผ่อนคลายลง ในเวลาเดียวกันนั้น มู่ฉางถิงและสิงอวี้เซิงจับกระบี่ของตนเองไว้แน่น ปัดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย เค้นพลังงานวิญญาณเพื่อเคลื่อนไหวกระบี่ กระบี่ยาวนั้นก็ตอบสนองโดยการพุ่งออกจากฝัก!

ฮูหยินฟ่านผงะแล้วถอยหลังไปในทันใด อาภรณ์ยาวของนางพลิ้วไหว ความอ่อนแอและความหวาดกลัวที่นางเสแสร้งแกล้งทำมาตลอดก็หายไป

สัญลักษณ์สัตว์ประหลาดสีเลือดปรากฎที่หว่างคิ้วของนางด้วยความรวดเร็วที่สามารถมองเห็นได้ดวยตาเปล่า เล็บมือทั้งสิบเปลี่ยนเป็นยาวในบัดดล ดูแหลมคมเสียจนอาจจะแทงทะลุผิวหนังได้ในพริบตา!

เส้นผมสีดำของนางสยายยาวไปถึงเอว ริมฝีปากแดงแวววับราวกับเลือด ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เอ่ยอย่างเหยียดยามเสียงเย็นเยียบ “เจ้าพวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเอ๋ย ไม่รู้จักเดินหน้าหรือถอยหลัง หากแสร้งทำเป็นไม่รู้ ข้ายังสามารถไว้ชีวิตพวกเจ้าได้ น่าเสียดายแล้ว”

ท่าทางของนางในตอนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสตรีที่อ่อนหวานอ่อนโยนเช่นครั้งแรกที่พบกันราวกับคนละคน เกรงว่าแม้แต่สามีของนางได้เจอในลักษณะเช่นนี้ก็คงจำไม่ได้ เมื่อนึกถึงกระบี่ มู่ฉางถิงยิ้มเล็กน้อย ในตอนนี้เริ่มสงบลงบ้างแล้ว “อย่างไรเสียพลังวิญญาณของพวกเราก็ยังต่ำ มีเพียงทางเดียวคือตายเท่านั้น พี่สาวปีศาจ ก่อนที่ข้าจะตาย มีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจ พี่สาวสามารถไขข้อกระจ่างให้แก่ข้าได้หรือไม่?”

เปิดปากก็เรียกพี่สาวปิดท้ายประโยคก็ยังเรียกพี่สาว ใบหน้าของมู่ฉางถิงหนาเสียยิ่งกว่ากำแพงเมืองแล้วในเวลานี้ สิงอวี้เซิงอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองเขา

ปีศาจสาวไม่เคยเห็นคนที่น่าสนใจเช่นมู่ฉางถิงและสิงอวี้เซิงมาก่อน เห็นร่างที่แท้จริงของนางกลับไม่กลัว อีกทั้งยังเอ่ยกับตนด้วยท่าทางกระตือรือล้น

มุมปากของปีศาจสาวโค้งขึ้น “เจ้าเด็กตัวเหม็น นี่เป็นเจตนาแบบใดกัน?คนของพวกเจ้ากำลังตกอยู่ในแผนการของข้า หากพวกเจ้าคิดอยากประวิงเวลา รอให้คนมาช่วยเหลือพวกเจ้า ก็ลืมไปเสียจะดีกว่า”

หัวใจของมู่ฉางถิงเต้นไม่เป็นจังหวะ สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง “พี่สาวปีศาจกำลังพูดอะไรกัน ความตายกับสาวงามนั้นเป็นของคู่กัน ข้ากำลังขอให้ท่านชี้แนะอย่างจริงใจ”

ปีศาจสาวไม่ปริปากพูด มองไปที่เล็บของนาง กล่าวด้วยท่าทีเกียจคร้าน “ลองพูดมา มีสิ่งใดไม่ชัดเจน”

มู่ฉางถิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “พี่สาวปีศาจ ท่านเอาชีวิตคนเพียงเพื่อสูบพลังวิญญาณเท่านั้น เหตุใดจึงต้องให้นางกินหัวใจมนุษย์ด้วย?”

ปีศาจสาวเหลือบมองหวังอี๋เหนียงที่ยังคงกินหัวใจสดๆ แวบหนึ่งด้วยสายตารังเกียจ กล่าวอย่างเกลียดชัง “เป็นเพราะนางชอบกินอย่างไรเล่า!เจ้าเห็นว่านางไม่ชอบกินหรือ?ดูสิ นางมีความสุขเพียงใดที่ได้กิน...”

มู่ฉางถิงคาดเดา “ระหว่างท่านและนางก่อนหน้านี้เป็นความสัมพันธ์ที่เกลียดชังอย่างลึกซึ้งหรือ?”

การถูกทำให้กลายเป็นคนก็ไม่ใช่ปีศาจก็ไม่เชิงเช่นนี้ กลับไม่ยอมฆ่าให้ตาย ให้นางได้พบกับความเจ็บปวดของชีวิตที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย หากกล่าวว่าระหว่างสองคนไม่มีความเกลียดชังแล้ว อย่างอื่นก็พูดไม่ได้แล้ว

ปีศาจสาวหัวเราะแล้วกล่าวต่อ “หากอยากฟังเรื่องของข้าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ เจ้าลองพูดมาก่อนสิว่าเจ้าสงสัยตัวข้าได้อย่างไร”

ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปในห้องหินนั้น พวกเขามุ่งความสงสัยไปยังหวังอี๋เหนียงในตอนแรก แต่ทว่า หากว่าคนที่กระทำความผิดเป็นหวังอี๋เหนียง ยังมีหลายจุดที่ไม่สามารถอธิบายได้ อย่างเช่น สิ่งที่หวังอี๋เหนียงไปร้องขอจากนายน้อยสกุลฟ่านนั้นคืออะไร?เหตุใดจึงหวาดกลัวหญิงชราถึงเพียงนั้น?หญิงสาวที่เข้าๆ ออกๆ ภัตตาคารเทียนเซียงเป็นประจำนั้นใช่หวังอี๋เหนียงจริงๆ หรือไม่?

แท้จริงแล้วเมื่อพิจารณาอย่างละเอียด มันง่ายดายนัก

พวกเขามุ่งความสงสัยไปผิดคนตั้งแต่แรกแล้ว เป็นเพราะพวกเขาไปเห็นผู้ดูแลจวนกำลังกระทำเรื่องเช่นนั้นกับหวังอี๋เหนียง อีกทั้งยังเป็นเรือนของหวังอี๋เหนียง ย่อมต้องสงสัยว่าคนผู้นั้นเป็นหวังอี๋เหนียง

ในเช้าวันรุ่งขึ้น นายน้อยสกุลฟ่านและหวังอี๋เหนียงกำลังทะเลาะกัน เป็นเพราะนายน้อยสกุลฟ่านรังเกียจที่นางฆ่าคนเหล่านั้น แล้วมาร้องขอเอาหัวใจที่นายน้อยสกุลฟ่านซ่อนเก็บเอาไว้ นายน้อยสกุลฟ่านกล่าวว่า “ทำเรื่องเช่นนี้” ไม่ใช่กล่าวหาว่านางนอกใจ แต่เป็นเพราะนางกินหัวใจมนุษย์เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะอย่างนั้นจึงได้กล่าวว่านางว่า “มีชีวิตอยู่เช่นนี้ ไม่สู้ตายไปเสียดีกว่า”

นายน้อยสกุลฟ่านอาจจะรู้ความจริงอยู่บ้าง แต่เป็นเพราะไม่รู้ว่าเหตุใด เขาจึงไม่ได้เปิดเผยความจริงของนาง

สำหรับหวังอี๋เหนียงแล้ว คนที่นางกลัวกลับไม่ใช่หญิงชรา แต่เป็นนาง!แต่เป็นเพราะในตอนที่พวกนางยืนอยู่ด้วยกัน ทุกคนย่อมต้องรู้สึกว่าหญิงชรานั้นน่ากลัวเพราะใบหน้าร้ายกาจของนาง

นอกจากนี้ หญิงสาวที่เข้าออกภัตตาคารเทียนเซียงบ่อยๆ จริงๆ แล้วเสี่ยวเอ้อร์ก็ไม่รู้ว่านางคือใคร เป็นตอนกลางคืน อีกทั้งยังสวมผ้าคลุมหน้าปิดบังไว้ จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นคืออะไรกันแน่?

บางครั้งอาจเป็นเพราะมันสะดวกกว่า และบางทีอาจเป็นเพราะอยากป้ายความผิดไปที่หวังอี๋เหนียง เป็นเพราะในสายตาของทุกคน นางคือฮูหยินฟ่าน ที่เรียบร้อยและอ่อนโยน เคารพแม่สามี เคารพสามี สตรีเช่นนี้ หากว่ามีเรื่องอะไรแล้ว จะมีผู้ใดกล้าสงสัยนางกัน?

ในตอนแรกข้าสงสัยว่านางหลอกให้พวกเราเข้าไปในจวน เป็นเพราะใครบางคนบีบบังคับ อย่างเช่นหวังอี๋เหนียง?

แต่เมื่อคิดดูในตอนนี้ เป็นนางเองที่กระทำโดยเจตนา การได้เห็นนักพรตจำนวนมากสะเทือนใจ อีกทั้งยังสามารถดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งหมดในคราวเดียวกัน คุ้มค่าเสียยิ่งกว่าการฆ่ามนุษย์ธรรมดา นอกจากนี้ ปฏิกิริยาแรกที่หลินเจี้ยนพบนางแล้ว ทำให้นางคิดว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

การปรากฎตัวของนางในค่ำคืนนี้ยิ่งเป็นเรื่องน่าสงสัยอย่างมาก ก่อนหน้านี้คนตายมีเพียงบุรุษ คนกระทำคือหวังอี๋เหนียง จู่ๆ เหตุใดนางจึงอยากกินหัวใจสตรีขึ้นมาเล่า?

เดิมหลินเจี้ยนนั้นหมดสติไป แต่เมื่อได้ยินเสียงของนางกลับหวาดกลัวจนเอ่ยว่า “อย่าฆ่าข้า”

มู่ฉางถิงกล่าวถึงประโยคสุดท้าย มองไปยังหวังอี๋เหนียงที่มีสภาพราวกับคนบ้า อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ “สกุลฟ่านนั้นมีบุญคุณความแค้นอะไรกับท่าน ท่านจึงได้ต้องการควบคุมพวกเขาเช่นนี้?เปลี่ยนแปลงชะตากรรมมนุษย์ตามอำเภอใจ คร่าชีวิตคนจำนวนมาก หากในอนาคตท่านตายไป วิญญาณของท่านจะกระจัดกระจาย ไม่ได้เข้าสู่วัฏสงสาร”

ในตอนท้าย เขากล่าวจับใจเสียจนปีศาจสาวที่ฟังอยู่ ถึงกับน้ำตาไหลออกมาด้วย “วิญญาณกระจัดกระจาย ไม่ได้เข้าสู่วัฏสงสาร ฮ่าฮ่า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด