ตอนที่แล้วบทที่ 13
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15

บทที่ 14


ซังจื้อมองผัดซีอิ้วที่เหลือแต่เส้น แครอทหั่นฝอยและผักปะปนบ้างเพียงไม่กี่ชิ้น น่าสงสารอะไรอย่างนี้ สายตาของเธอจ้องเขม็งไปในถ้วยของต้วนเจียสวี่ที่เต็มไปด้วยเนื้อวัว

เธอถึงกับปรี๊ดแต่มันจุกอยู่ในใจ

“……”

เธอไม่อยากจะพูด

พี่! ชอบกินเนื้อ! ขนาดนั้นเลยเรอะ!!!

ซังจื้อเม้มปาก แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์

เธอรู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ และเธอเองก็ไม่อยากจะเสียแรงมานั่งบ่น จึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนคีบเส้นผัดซีอิ๊วที่เหลือเลือกจากเขาคนนั้น

บนโต๊ะ คนที่พูดมากที่สุดดูเหมือนจะเป็นเฉียนเฟย ยิ่งดื่มเหล้าเข้าไปแล้วล่ะก็ยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งค่ำวันนั้น เป็นเขาพูดเสียส่วนใหญ่อาหารบนโต๊ะส่วนใหญ่ก็เขาเป็นคนจัดการเรียบ

ซังจื้อเบื่อจะฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันแบบสุดๆ

นอกจากเรื่องเกม เกม และเกมแล้ว ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องสาวๆหรือเรื่องเรียนสักนิด

ซังจื้อเองได้แต่นั่งเคี้ยวเส้นตุ้ย

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เฉียนเฟยที่คออ่อนจู่ๆก็เมา ครั้งนี้เขาเริ่มพูดเรื่องชีวิต ทีทั้งสิ้นหวังและย่อยยับของเขา:

“แม่มเอ๊ย ฉันปีสามแล้วทำไมยังไม่มีแฟนอีก ปีสามแล้วน้า——”

ซังจื้อที่กำลังจะเอื้มมือไปหยิบปีกไก่ ถึงกับต้องดึงมือกลับเพราะตกใจเสียงร้องของเขา

เธอเหลือบไปมองเข้าครั้งหนึ่ง

ซังเหยียนยกยิ้มมุมปาก: “ไม่ต้องร้อง เรียนจบแล้วค่อยมาร้องก็ยังทัน”

“ไม่! พอกันที!” แล้วเฉียนเฟยก็ชี้นิ้วมาที่ซังเหยียน “ผู้หญิงที่มาหาฉันน่ะ ไม่ได้มาขอเบอร์ฉันสักนิด——” จากนั้นก็ชี้ไปที่ต้วนเจียสวี่: “ก็แค่มาขอเบอร์นายจากฉัน!”

“……”

เฉียนเฟยร้องไห้ฮือๆออกมา: “ไม่มีใครมาขอเบอร์ฉันเลย เบอร์ที่เป็นของฉันเองน่ะ!”

มองชายอกสามศอกร้องไห้โฮเช่นนี้ ซังเหยียนจึงแนะนำอย่างใจเย็น: “หรือไม่ ครั้งต่อไปนายก็บอกไปสิว่านายชื่อซังเหยียน เสร็จแล้วก็ให้เบอร์นายไปเลย”

ต้วนเจียสวี่ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เขาดังกระดาษทิชชู่ออกมา แล้วหยิบปีกไก่ไม้หนึ่งไปวางในถ้วยของซังจื้อ พลางพูดขึ้น: “บอกไปว่าชื่อต้วนเจียสวี่ก็ได้นะ”

“……”

นี่มันไม่ใช่ว่าตอกย้ำกันหรอกหรือไง?

เฉียนเฟยหยุดร้องแล้วมองทั้งสองคน

แล้วบรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้น

ซังจื้อที่ไม่กล้ามอง เธอรู้สึกว่าระเบิดอาจะลงในเร็วๆนี้

ครู่หนึ่งผ่านไป เฉียนเฟยก็พลันร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง   ราวกับว่าได้รับพระเมตตาจากฮ่องเต้ น้ำตารื้นแล้วก็พูดออกมาอย่างซาบซึ้ง “ไอ้เพื่อนรัก! ฮือๆๆๆไอ้เพื่อนรัก!!!”

ซังจื้อ: “…..”

-

หลังจากที่ทุกคนอิ่มกันแล้ว ซังเหยียนจึงลุกไปเช็กบิลก่อนแล้วจึงเดินออกไปเอารถ

ต้วนเจียสวี่พยุงเฉียนเฟยลุกขึ้น แล้วหันมามองซังจื้อ: “ตัวเล็ก มาอยู่ข้างหน้าพี่”

ซังจื้อตอบรับ

เมื่อได้ยินเสียงของซังจื้อ เฉียนเฟยมองมาทางเธอแล้วดูเหมือนเขาจะนึกขึ้นมาได้: “เอ้อ น้องหนู พี่จะไปคีบตุ๊กตาให้เธอ รอเดี๋ยวนะ จะเอาตัวไหน? พี่นี่เซียนคีบตุ๊กตา”

เมื่อเห็นเขาในสภาพที่เดินโซเซแล้ว ซังจื้อจึงพูดขึ้นอย่างลังเล: “ไม่ต้องหรอกค่ะ……”

“ไม่ได้! พี่คำไหนคำนั้น ไม่โกหก!” เฉียนเฟยหยิบเงินออกมาจากกระเป๋ายี่สิบหยวน “ไป คีบตุ๊กตากัน”

เมื่อออกมาจากร้านบาร์บีคิวแล้ว ติดกันนั้นมีเครื่องคีบตุ๊กตาวางอยู่หกเครื่อง

เฉียนเฟยนำเงินทั้งหมดไปแลกเหรียญ แบ่งสิบเหรียญให้ซังจื้อ ท่าทางภาคภูมิ: “อยากได้อันไหน บอกพี่ เดี๋ยวพี่คีบให้”

ซังจื้อสุ่มเลือกมาตัวหนึ่ง

เฉียนเฟยเดินด้วยท่าทางโซๆเซๆเข้าไป

ซังจื้อกวาดตามองรอบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปตู้ที่มีตุ๊กตาโดเรม่อนอยู่ข้างในแล้วใส่เหรียญเข้าไปสามเหรีญ เธอเล่นไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่นัก จึงค่อนข้างช้า ไม่ใช่ว่ากดปุ่มไม่ตรงตำแหน่งแต่ดูเหมือนว่าที่คีบจะอ่อนแรงเสียเหลือเกินทำให้คีบไม่ขึ้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง ต้วนเจียสวี่ได้มายืนอยู่ข้างๆเธอ

ซังจื้อเงยหน้ามองเขาครู่หนึ่ง

เมื่อเห็นหน้าเขาก็พาให้คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่และยังรู้สึกอายอยู่ เป็นเพราะเรื่องเนื้อวัวนั่นด้วยที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก

เธอเงียบพลางเอาเหรียญใส่ลงไปอีก

แล้วครั้งนี้ก็คีบไม่ได้อีกเช่นเคย

ซังจื้อมองไปข้างๆ ปรากฏว่าเฉียนเฟยก็ยังคีบไม่ได้สักตัวเหมือนกันเธอจึงอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอสองจิตสองใจว่าจะเล่นต่อหรือจะหยุดเปลืองเงินแต่เพียงเท่านี้

ครู่หนึ่ง ต้วนเจียสวี่ก็เอ่ยเสียงเอื่อย: “ตัวเล็ก ให้พี่เหรียญนึงสิ?”

“…….” ซังจื้อหันหน้ามา พูดอย่างไม่เต็มใจนัก: “แล้วทำไมพี่ต้องมาเอาเหรีญหนูด้วยอะ”

ต้วนเจียสวี่ยิ้ม: “ก็พี่ไม่มีตัง”

เธอชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วซังจื้อก็ยื่นเหรียญให้กับเขา

ต้วนเจียสวี่ยืนหน้าตู้คีบ แล้วถามเธอ: “จะเอาตัวไหน?”

ซังจื้อชี้ไปที่ตุ๊กตาที่ใส่หมวกสีแดงและอดไม่ได้ที่จะพูด: “หนูคีบมาตั้งหกครั้งแล้วยังคีบไม่ได้เลย”

ต้วนเจียสวี่: “อื้ม เดี๋ยวพี่คีบให้”

ซังจื้อยืนมองอยู่ข้างๆ เขาเล็งที่คีบไปยังตุ๊กตาตัวนั้น แล้วกดปุ่มเบาๆ จากนั้นตะขอคีบก็ทิ้งตัวลงมาเกี่ยวตุ๊กตาตัวนั้นยกขึ้นมาแต่แล้วก็ร่วงลงเสียก่อน

“……”

ซังจื้อหันมองหน้าต้วนเจียสวี่

ต้วนเจียสวี่ไม่ได้รู้สึกประหม่าแม้แต่น้อย เพียงแต่หันหน้ามาทางเธอแล้วพูดขึ้น: “เอามาให้พี่อีกได้ไหม?”

“……”

จากนั้น เธอก็ยืนอยู่ข้างๆเขาอย่างเงียบๆ ดูต้วนเจียสวี่ที่ขอเหรียญเธอเล่นต่อไป จนครั้งสุดท้ายแล้ว เขาถึงจะคีบตุ๊กตาอกมาให้เธอได้สำเร็จ

ต้วนเจียสวี่ก้มลงหยิบตุ๊กตาออกมาจากตู้: “คีบตุ๊กตานี่ไม่ง่ายเลนแฮะ”

ซังจื้อ: “ไปซื้อเอาเหอะ”

“พี่ไม่เคยเล่นเลยนี่” ต้วนเจียสวี่เงยหน้าขึ้นแล้วส่งตุ๊กตาให้เธอ: “ไม่ชอบขนาดนั้นเลย?”

ปลายนิ้วของซังจื้อกระดิกเล็กน้อยแต่ไม่ยื่นมือออกไปรับ

ต้วนเจียสวี่ก็นิ่งอยู่อย่างนั้น

ครู่หนึ่ง ซังจื้อหลุบตาลงล่างก่อนจะรับมันมา: “ขอบคุณค่ะพี่”

ต้วนเจียสวี่ส่งยิ้มบาง: “ยัยเด็กขี้งอน”

“……”

“คีบตุ๊กตาได้แล้ว” ต้วนเจียสวี่ยืดตัวขึ้นแล้วลูบหัวเธอ “ไม่ต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วนะ”

คำพูดเช่นนี้เหมือนกับคำพูดที่ซังเหยียนพูดกับเฉียนเฟยเมื่อครู่

แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่เหตุผลนั้น ที่ทำราวกับลืมเรื่องราวทั้งหมด ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก็เพราะแคร์ความรู้สึกของเธอ

เธอรู้สึกเหมือนว่าลำคอและหูของเธอร้อนผ่าว ซังจื้อค่อยๆกระชับตุ๊กตาแน่น ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้าให้กับเขา

-

เนื่องจากเฉียนเฟยเมาหนัก ซังเหยียนขับรถไปส่งเขาถึงบ้าน แล้วพากันพยุงเขาขึ้นไปกับต้วนเจียสวี่ จากนั้นจึงขับรถมาจอดอยู่หน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยหนานอู๋

ต้วนเจียสวี่ลงจากรถจากนั้นก็โบกมือให้กับสองพี่น้องแล้วเดินกลับเข้ามหาลัยไป

กลางคืนที่มืดสนิท ไฟที่ประตูหน้าสว่างไสวและไฟด้านในที่สลัวลง แผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มค่อยๆกลืนไปในความมืดจนลับตา

เมื่อเขาเดินลับตาไปแล้วจึงออกรถ

ซังจื้อหันกลีบมาถาม: “พี่ พี่เจียสวี่เขาอยู่ที่มหาลัยเลยหรอ?”

ซังเหยียน: “อืม”

“ทำไมไม่กลับบ้านอะ?”

“บ้านหมอนั่นไม่ได้อยู่ฝั่งนี้น่ะ”

“ตอนนี้ปิดเทอมไม่ใช่หรอ?”

“ไม่รู้” ซังเหยียนขี้เกียจจะต่อความยาวสาวความยืดกับเธอ “ทำไมเธอพูดมากจังฮะ”

ซังจื้อเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นหัวเข้าไปใกล้ๆแล้วถามว่า : “ตอนนั้นที่พี่เฉียนเฟยบอกว่ามีคนมาหาเขาแล้วถามเบอร์พี่น่ะ จริงปะ?”

ซังเหยียน: “ไร้สาระ”

ซังจื้อ: “แล้วไงต่ออะ”

ซังเหยียน: “ก็ไม่ไงต่อ”

“อ้อ” ซังจื้อคิดครู่หนึ่ง “ดีนะไม่ให้ไป”

ซังเหยียนใส่แผ่นซีดีและไม่ได้พูดอะไรอีก

อีกครู่หนึ่งผ่านไป ซังจื้อก็พูดขึ้นว่า: : “หนูว่า พวกเธออาจจะมาหาพี่เฉียนเฟยเพื่อมาขอเบอร์พี่ เพื่อเอาช่องทางติดต่อพี่เจียสวี่ก็ได้”

“……”

“ดูสภาพตัวเองหน่อยน่า”

“เงียบน่า”

“อย่าให้พวกเธอมาทำให้พี่ขายหน้าน้า”

“……”

“ถึงแม้ว่าพี่จะขี้เหร่ที่สุดในบ้าน แต่ว่า” ซังจื้อหยุดเรียบเรียงคำพูดครู่หนึ่ง และพูดอย่างนุ่มนวล: “แต่ว่า อยู่ข้างนอกพี่ก็ขี้เหร่เหมือนกันอีกนั่นแหละ”

“……”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด