ตอนที่แล้วบทที่ 13 รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากเขา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 ฝ่ามือประสานกันในความมืด

บทที่ 14 ปลาสเตอร์สีชมพู


โจวจิงเจ๋อเดินออกจากประตูโรงเรียน เรียกรถแท็กซี่ และขึ้นไปนั่งทันที จากนั้นบอกที่อยู่ด้วยเสียงต่ำ เขานั่งที่เบาะหลังของรถ วางข้อศอกไว้ที่ขอบหน้าต่าง ปลายนิ้วแตะที่กดกระจกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเขาก็ลดหน้าต่างลงลมหนาวพัดเข้ามา ความกระสับกระส่ายและความหงุดหงิดในใจยังคงไม่จางหายไป

เนื่องจากโจวจิงเจ๋อเพิ่มเงินเป็นสามเท่า คนขับจึงส่งเขาไปยังที่หมายอย่างรวดเร็ว เซี่ยลี่ซู่เป็นย่านของคนรวย มีบ้านเดี่ยวมากมาย แสงไฟสว่างไสว ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ต้องรวยและไฮโซมาก

โจวจิงเจ๋อยืนอยู่หน้าวิลล่าที่มีไฟสว่างไสว หัวเราะออกมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาไม่ได้มาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว เขาเดินเข้ามา ป้าแม่บ้านได้ยินเสียงจึงออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นว่าเป็นโจวจิงเจ๋อ น้ำเสียงของเธอประหลาดใจมาก “นายน้อยกลับมาแล้ว กินข้าวหรือยังคะ ป้าเถาจะรีบไปทำอาหารสองอย่างที่คุณหนูชอบ...”

ทั้งสองยืนอยู่บนพื้นที่โล่งในห้องโถง โจวจิงเจ๋อยิ้มและโอบไหล่ของเธอ “ป้าไม่ต้องรีบหรอกครับ ผมเพิ่งกินมา”

“จริงหรือป่าว อย่าโกหกป้าเถานะ”

ป้าเถาอาศัยอยู่ที่บ้านของโจวจิงเจ๋อตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เฝ้าดูโจวจิงเจ๋อเติบโต และเคยดูแลแม่ของเขาอย่างเต็มที่ก่อนที่เธอจะคลอดเขาออกมา ต่อมา หลังจากที่พวกเขาย้ายออกจากซอยหูพั่ว ป้าเถายังคงมาทำอาหาร ทำความสะอาดห้องน้ำ และทำความสะอาดบ้านให้โจวจิงเจ๋อ ในทุก ๆ เดือน

ในหัวใจของโจวจิงเจ๋อ เธอไม่ต่างอะไรจากญาติของเขา

โจวจิงเจ๋อกอดไหล่ของป้าเถาแล้วเดินเข้าไปด้านใน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหยุดลงในทันทีเมื่อเขาเห็นโจวเจิ้งเหยียน ป้าเถากล่าวคำทักทายและเดินออกไป โดยเหลือพื้นที่ว่างให้กับพ่อและลูก

“คุณตาล่ะ? ท่านเป็นยังไงบ้าง?” โจวจิงเจ๋อเดินตรงเข้าไป

โจวเจิ้งเหยียนกระแอมเบา ๆ ใบหน้าเคร่งขรึมตามปกติของเขาดูไม่เป็นธรรมชาติ “พ่อเรียกหมอให้มาที่นี่ แต่ตรวจแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ พ่อก็เลยส่งหมอกลับไป”

สายตาอันแหลมคมของโจวจิงเจ๋อจ้องไปที่โจวเจิ้งเหยียนเพียงเสี้ยววิ จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าเขาถูกไอ้แก่นี่หลอกเข้าแล้ว ถ้าเขาเป็นห่วงจริง ๆ เขาจะต้องดูกระวนกระวาย โจวจิงเจ๋อไม่รู้ว่าจะโกรธหรือหัวเราะดี ตอนนี้เขาใจเย็นลงแล้ว ทำไมตาของเขาถึงรีบมางานเลี้ยงวันเกิดของโจวเจิ้งเหยียน คงจะดีถ้าคุณตาจะฆ่าโจวเจิ้งเหยียนด้วยไม้เท้า

ห้องนั่งเล่นโอ่อ่าตระการตา แสงจากโคมระย้าสะท้อนลงมา มุมห้องเต็มไปด้วยของขวัญสองกอง ราวกับเนินเขาสองลูก โจวจิงเจ๋อนั่งบนโซฟาอย่างใจเย็น คิ้วหนายกขึ้น “เรียกผมมามีธุระอะไร ตั้งใจหลอกผมมาที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากให้ผมอวยพรพ่อด้วยคำพูดเหลวไหลพวกนี้หรอกเหรอ”มีโชคลาภดังทะเลตงไห่ อายุยืนหมื่น ๆ ปี”

“ผมไม่สามารถพูดอะไรที่ขัดกับหัวใจของตัวเองได้” โจวจิงเจ๋อยกมุมปากขึ้น เยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด

โจวเจิ้งเหยียนโกรธมากจนวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะด้วยเสียง “ปัง” เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ไอ้สารเลว ต้องเห็นฉันโกรธจนแทบบ้าใช่มั้ย ถึงจะพอใจ?”

โจวจิงเจ๋อเลิกคิ้วขึ้น แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเอนตัวไปหยิบแอปเปิ้ลหนึ่งลูกบนโต๊ะ แล้วนั่งลงบนโซฟาแล้วโยนแอปเปิลขึ้นไปในอากาศด้วยท่าทางเยาะเย้ย

ในวันเกิดลูกที่ให้กำเนิดให้พรพ่อแบบนี้ หน้าอกของโจวเจิ้งเหยียนสั่นเทา เขาโกรธแทบตายเมื่อมองไปยังท่าทางทิฐิสูงของโจวจิงเจ๋อ

ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงบันไดมา อีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าเรียบ ๆ สวมรองเท้าแตะผ้าฝ้าย มีนิสัยอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด จู้หลิงลงมาที่ห้องนั่งเล่น และยิ้มให้โจวจิงเจ๋ออย่างเป็นมิตร “จิงเจ๋อ ฉันไม่ได้เห็นนายมาที่นี่นานแล้ว”

โจวจิงเจ๋อกระตุกมุมปากของเขาเป็นคำตอบ

จู้หลิงเดินไปด้านหน้าโจวเจิ้งเหยียนและพูดอย่างอบอุ่นว่า “เจิ้งเหยียน จิงเจ๋อยังเด็ก คุณอายุขนาดนี้ยังจะโกรธง่ายอยู่อีก”

“คุณไปช่วยฉันที่ห้องหนังสือหน่อยสิ มีของบางอย่างที่ฉันย้ายไม่ได้” จู้หลิงเดินไปดึงเขา

ในที่สุดโจวเจิ้งเหยียนก็ลุกขึ้นไปช่วย โจวจิงเจ๋อมองไปที่ด้านหลังของทั้งสองคนโดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ จู้หลิงมีเทคนิคบางอย่างในการดับไฟของโจวเจิ้งเหยียน

โจวจิงเจ๋อนั่งอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า เขาจุดบุหรี่ หลังจากพ่นลมสองสามครั้ง เขารู้สึกว่าอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนที่ลุกขึ้นและกำลังจะเดินออกไป

มีคนกดกริ่งประตู ป้าเถาส่งเสียงต้อนรับ เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ โจวจิงเจ๋อก้มศีรษะลง คีบบุหรี่ไว้เหนือหัวเข่า เมื่อได้กลิ่นน้ำหอม เขาก็ยิ้มอย่างช้า ๆ

“สวัสดี ไม่เจอกันนานเลยนะ” จ้าวเหยียน เลขาผู้ทรงอิทธิพลของโจวเจิ้งเหยียน แต่งกายด้วยชุดสูท OL มีริมฝีปากสีแดงที่น่าดึงดูด

“ไม่ได้เจอคุณนานแล้ว” โจวจิงเจ๋อเอื้อมมือไปปัดขี้เถ้าออก

จ้าวเหยียนนั่งตรงข้ามเขา หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าหนึ่งฉบับ และเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ “ประธานโจวเจิ้งเหยียนมีความต้องการที่จะมอบทรัพย์สินที่เป็นชื่อของเขา และส่วนแบ่งหุ้นบางส่วนให้กับคุณโดยไม่มีเงื่อนไข คุณ... คุณเพียงแค่ต้องเซ็นบนสัญญานี้ ก็จะมีผลทันที”

โจวจิงเจ๋อฟังอยู่นาน ก่อนจะมีปฏิกิริยาตอบกลับ โจวเจิ้งเหยียนยินดีที่จะชดเชยให้ลูกชายของเขาแล้วเหรอ? เขาขัดจังหวะเลขาอย่างกะทันหัน “แค่เซ็นชื่อใช่มั้ย?”

จ้าวเหยียนตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า แล้วยื่นปากกาและสัญญาให้ โจวจิงเจ๋อนั่งอย่างเกียจคร้านบนโซฟาโดยวางสัญญาไว้บนตักของเขาถือปากกาไว้ เขาหันไปทางซ้ายและเหลือบมองที่สัญญาด้วยสายตาว่างเปล่า “เลขาจ้าว ประโยคนี้หมายความว่ายังไง คุณช่วยอธิบายหน่อยได้มั้ย?”

จ้าวเหยียนนั่งถัดจากเขา และเอนตัวไปอธิบายเงื่อนไข โจวจิงเจ๋อนั่งหลังตรงเล็กน้อย เมื่อเปลี่ยนท่าทางเข่าของเขาก็ไปโดนเข่าของจ้าวเหยียน โดยไม่ได้ตั้งใจ

มันเบามากจนดูไม่ออกเลยว่าตั้งใจหรือไม่

จากนั้นเขาก็เหลือบเห็นการแสดงออกของจ้าวเหยียนที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ เธอพูดต่อ ทันใดนั้น โจวจิงเจ๋อก็มองมาที่เธอ ราวกับว่าเธอเป็นคนเดียวในสายตาของเขา และเสียงของเธอก็อ่อนลงเล็กน้อย

“เลขาจ้าว คุณเปลี่ยนน้ำหอมแล้วเหรอ? หรือว่ามันดาราสีดำของ Serge Lutens เหมาะกับคุณมากกว่า?”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันเปลี่ยนน้ำหอม?” จ้าวเหยียนมีสีหน้าประหลาดใจ

“เพราะครั้งที่แล้วกลิ่นของมัน…ทำให้ใจเต้นแรง” โจวจิงเจ๋อพูดช้า ๆ เน้นสองคำสุดท้ายอย่างจงใจ

ไม่รอให้โจวจิงเจ๋อตอบ กล่องหินสีดำก็พุ่งตรงมาที่เขา เขาหลบศีรษะไปด้านข้างเล็กน้อย มุมของกล่องหินพุ่งไปที่หน้าผากของเขาจากนั้นหล่นลงไปที่พื้น

“ฉันเลี้ยงแกมายังไงถึงได้เป็นคนแบบนี้ แม้แต่เลขาของฉันก็ยังกล้า...” โจวเจิ้งเหยียนโกรธมาก สองคำสุดท้ายเขาไม่อยากที่จะพูดมันออกมา ราวกับว่าต้องการรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของเขาไว้

จ้าวเหยียนรู้ตัวว่าทำไม่ถูกจึงยืนขึ้นและขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นบนกระดูกคิ้วของโจวจิงเจ๋อทันที ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา เขาก้มศีรษะลงเลียริมฝีปากและยิ้มช้า ๆ

เมื่อป้าเถาได้ยินเสียง เธอก็ตกใจรีบวิ่งเข้าไปหยิบน้ำแข็งในห้องครัว โจวจิงเจ๋อลุกขึ้นและตบฝุ่นบนกางเกงของเขาก่อนจะตอบคำถามของเขาด้วยน้ำเสียงยาน ๆ “นี่เป็นพฤติกรรมที่เรียนรู้มาตั้งแต่เด็กจนแก่เหรอ”

“แก” พ่อของโจวจิงเจ๋อสำลักจนพูดไม่ออก

โจวจิงเจ๋อเอียงศีรษะมองไปยังผู้หญิงว่านอนสอนง่ายที่ยืนอยู่ข้างโจวเจิ้งเหยียน เตือนด้วยความปรารถนาดีว่า “ป้าจู้ อย่าคิดว่าแต่งงานเข้ามาในครอบครัวของเราจะสบายไปตลอด คุณจะต้องเจอกับสถานการณ์วิกฤติแบบนี้แหละ”

ใบหน้าของจู้หลิงซีดเผือก พูดอะไรไม่ออก

ในที่สุด โจวจิงเจ๋อก็เงยหน้าขึ้นและโยนก้นบุหรี่ที่ลุกเป็นไฟลงในถ้วยน้ำชา เมื่อไฟเจอกับน้ำ ทำให้เกิดเสียง “ซู่ซ่า” และดับไปในที่สุด

เขาเดินไปที่ทางออก นึกถึงอะไรบางอย่างออกจึงหันกลับไปมองพวกเขาแล้วพูดว่า “ต่อไปฉันจะลดฉากละครพวกนี้ลง ถ้ายังมีหัวใจก็ไปเคารพหลุมศพของแม่สักครั้งสองครั้ง”

“แล้วอีกอย่าง ผมไม่ต้องการเงินของพ่อสักบาท คุณวางใจได้” โจวจิงเจ๋อมองตรงไปที่ป้าจู้

โจวจิงเจ๋อเติบโตขึ้นมาพร้อมกับอิสรภาพที่ได้รับจากเงินกองทุน ซึ่งแม่ของเขาทิ้งไว้ให้ตั้งแต่เขาเกิด เขาไม่ได้ขาดแคลนเงินเลย ต่อให้เขาก้าวถอยหลัง 10,000 ก้าว แม้ว่าเขาจะยากจนถึงขั้นต้องไปขออาหาร เขาก็จะไม่เอ่ยปากขอเงินจากโจวเจิ้งเหยียน

เขาเดินออกมาจากประตูบ้าน และเดินผ่านลานบ้านคนเดียว เมื่อป้าเถาตามออกมา เขาก็หายไปแล้ว

โจวจิงเจ๋อใช้มือข้างนึงล้วงกระเป๋าและเดินออกมา ลมหนาวพัดผ่านคนที่กลัวความลาดชันกลางภูเขาแบบเขา สามารถเดินลงมาคนเดียวได้แล้วจริง ๆ คาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกับซือเยว่เจี่ยที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน

ซือเยว่เจี่ยสวมเสื้อสเวตเตอร์สีขาว กำลังปั่นจักรยานเข้ามาที่หน้าผากของเขามีเหงื่อออกเล็กน้อย ลมหนาวพัดเสื้อแจ็คเก็ตที่เปิดอยู่ของโจวจิงเจ๋อออกไปข้างหนึ่ง เขาเหลือบมองซือเยว่เจี่ย แล้วยิ้มอย่างเย็นชา เขาละสายตาจากอีกฝ่าย ในขณะที่กำลังจะเดินผ่านไปนั้น

เสียงเบรกรถที่แหลมคมก็ดังขึ้น ซือเยว่เจี่ยลงจากรถด้วยอาการหอบ เขาเห็นบาดแผลบนใบหน้าของโจวจิงเจ๋อ และกำลังจะแตะต้องเขา “เกิดอะไรขึ้น?”

โจวจิงเจ๋อหันหน้าหนี ความเกลียดชังในแววตาของเขาฉายประกายออกมา “อย่าแตะต้องฉัน”

ซือเยว่เจี่ยไม่ได้รู้สึกโกรธ เขานำจักรยานจอดไว้อีกด้านหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “รอฉันก่อนนะ”

หลังจากพูดจบซือเยว่เจี่ยก็วิ่งออกไป โจวจิงเจ๋อยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เขากดมุมปากและเตะก้อนหินใต้เท้าอย่างเบื่อหน่าย

เขานับถือความอดทนของตัวเองจริง ๆ ซือเยว่เจี่ยบอกให้รอเขา ก็รอ

เขาเพียงต้องการดูว่า ซือเยว่เจี่ยต้องการจะทำอะไร

สิบนาทีต่อมา ซือเยว่เจี่ยวิ่งมาจากอีกฟากหนึ่งของถนน และหยุดยืนหอบอยู่หน้าโจวจิงเจ๋อ เขายัดถุงใส่ในมือของโจวจิงเจ๋อ

โจวจิงเจ๋อก้มลง เห็นถุงพลาสติกสีขาวที่บรรจุไอโอดีนและผ้าก๊อซ เขาก้มศีรษะลงและดึงมุมปาก จากนั้นโยนยาลงในถังขยะข้าง ๆ เขาแล้วพูดว่า “นายเอาใจผิดคนแล้ว”

หลังจากที่โจวจิงเจ๋อออกไป สวี่สุยและต้าหลิวก็กินข้าวข้างนอกด้วยกัน หลังจากที่ต้าหลิวกลับไป สวี่สุยกำลังจะกลับไปที่โรงเรียน จู่ ๆ เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากหูเชี่ยนซี

เสียงร้องไห้ที่อัดอั้นตันใจและน้อยใจของหูเชี่ยนซี ดังมาจากปลายสายของโทรศัพท์ สวี่สุยขมวดคิ้วและเป็นกังวลมาก “เกิดอะไรขึ้น? เซิ่งหนานโจวรังแกเธอเหรอ ?”

“ไม่ใช่ ฉันด่าเขาจนวิ่งหนีไปแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ในหอพักแล้ว” หูเชี่ยนซีตอบ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอพูดอย่างเขินอายว่า “ประจำเดือนฉันมา ฉันทั้งปวดท้องทั้งหิว”

สวี่สุยเข้าใจในทันที “เธออยากกินอะไร? ฉันอยู่ข้างนอกพอดี”

“ฉันอยากกินเค้กข้าวเหนียวทอดราดน้ำตาลแดงแล้วก็โจ๊กปลาสาหร่าย” หูเชี่ยนซีสูดลมหายใจเข้าและพูดเสริมว่า “ร้านเฉินจี้นะ”

สวี่สุยหัวเราะ หูเชี่ยนซีเป็นคนเลือกกินที่น่ารักจริง ๆ เธอพยักหน้า “โอเค ฉันจะเอาไปให้”

“ฉันรักเธอ สวี่สุยของฉัน!” หูเชี่ยนซีสารภาพรักทันที

ร้านที่หูเชี่ยนซีพูดถึงนั้นอยู่ใกล้โรงเรียน เจ้าของชื่อคุณลุงเฉิน ข้าวต้มของเขาอร่อยมาก โจ๊กทั้งนุ่มและเหนียว มีกลิ่นหอมของดอกไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ ราคาไม่แพง ดังนั้นร้านนี้จึงรุ่งเรืองมาก ทุกครั้งที่ไปกินต้องรออย่างน้อย 40 นาทีเป็นอย่างต่ำ

เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ผู้ช่วยของคุณลุงที่อยู่ในร้านลาหยุด สวี่สุยรอหนึ่งชั่วโมง เธอยืนอยู่ที่ประตูด้วยความง่วง เปลือกตาของเธอตกลงมา

ทันใดนั้น คุณลุงตะโกนเรียกเธอและยื่นโจ๊กให้พร้อมแสดงความขอโทษ “ขอโทษนะสาวน้อย วันนี้ยุ่งมาก”

สวี่สุยหยิบโจ๊กขึ้นมา ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่เป็นไร”

สวี่สุยเดินออกมาจากร้านเฉินจี้ ลมหนาวพัดเข้ามา เธอหดคอโดยไม่รู้ตัว และมองไปข้างหน้าเห็นโจวจิงเจ๋อลงจากรถแท็กซี่พอดี

“โจวจิงเจ๋อ?” สวี่สุยตะโกนเรียกเขาอย่างไม่แน่ใจ

โจวจิงเจ๋อได้ยินเสียงจึงเดินเข้ามา เขาสวมเสื้อโค้ทบาง ๆ คิ้วสีเข้มของเขาถูกกดลง ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ไม่ดี

“ยังไม่ได้กินข้าวเหรอ?” เสียงของโจวจิงเจ๋อแหบเล็กน้อย เขาเห็นโจ๊กในมือของเธอ

สวี่สุยส่ายหัวและตอบว่า “เอาไปให้ซีซีน่ะ”

แสงไฟห้องสนุกเกอร์จากฝั่งตรงข้ามส่องประกายมา ทำให้ใบหน้าของโจวจิงเจ๋อสว่างขึ้นเป็นสามมิติ ในเวลาเดียวกัน เธอยังเห็นคราบเลือดเหนือกระดูกคิ้วของเขา ตาของเธอโตขึ้นช้า ๆ “นายเป็นอะไรน่ะ?”

“ไม่มีอะไร แค่กระแทกนิดหน่อย” โจวจิงเจ๋อยิ้มอย่างเกียจคร้าน น้ำเสียงของเขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก

“นายรอแปบนะ”

สวี่สุยค้นกระเป๋าไปมา ในที่สุดก็เจอปลาสเตอร์สีชมพู เธอยื่นให้เขา

โจวจิงเจ๋อไม่ได้พูดอะไร จ้องไปที่ปลาสเตอร์สีชมพูในมือของเธอเป็นเวลาสองวินาที ในที่สุดก็หันมามองที่สวี่สุย สวี่สุยอ่านข้อความจากสายตาของเขา “เธอคิดว่าฉันจะแปะของผู้หญิงแบบนี้เหรอ?” หลังจากที่เธออ่านข้อความ ก็เข้าใจในทันที สีหน้าเธอดูเขินอายเล็กน้อย

สวี่สุยดึงมือกลับมาด้วยความเขินอาย เธอย่นจมูก โจวจิงเจ๋อจ้องไปที่เธอสองวินาที จู่ ๆ ก็เปลี่ยนใจและยื่นมือออกมา

“ส่งมาให้ฉัน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด