บทที่ 13 ความโดดเดี่ยวอันหอมหวาน (2)
ตระกูลมู่ ตระกูลซู และตระกูลโจว เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมานานหลายชั่วอายุคน
โจวจือโม่ ซูเฉิน และมู่หยู่เฉิน พวกเขาทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ พวกเขาเคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกัน อีกทั้งยังเข้าโรงเรียนทหารเดียวกัน ทั้งๆ ที่พวกเขาเชี่ยวชาญในวิชาชีพต่างกัน
ทั้งสามคนไม่ได้เป็นเพียงแค่เพื่อนในวัยเด็กเท่านั้น แต่พวกเขาเป็นเพื่อนรักกัน อีกทั้งยังเป็นสหายที่ซื่อสัตย์
ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้มีความสนใจอะไรเกี่ยวกับโรงเรียนทหารเลยแม้แต่น้อย แต่พ่อแม่ของพวกเขายืนกรานที่จะให้พวกเขาไปมีประสบการณ์ชีวิตในกองทัพ และพ่อแม่ของพวกเขาก็คิดว่า การจัดการระบบแบบทหารจะช่วยทำให้พวกเขาเติบโตมากขึ้น หลังจากที่ปรึกษาหารือกัน พ่อแม่ของพวกเขาจึงตัดสินใจส่งพวกเขาทั้งสามคนไปเรียนที่โรงเรียนทหารในที่สุด
หลังจากที่พวกเขาเรียนจบและเข้ารับราชการทหารอยู่หลายปี มู่หยูเฉินและโจวจือโม่ก็ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเข้าไปรับช่วงต่อธุรกิจของครอบครัว ในขณะที่ซูเฉินถูกย้ายไปที่แผนกควบคุมการจราจร และตอนนี้เขาก็เป็นหนึ่งในผู้นำระดับสูง นั่นจึงกล่าวได้ว่าพวกเขาทั้งสามคนเป็นชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ
“ทำไมจู่ๆ ถึงได้กลับมากะทันหันแบบนี้ล่ะ? สุดท้ายนายก็ตัดสินใจเข้าเทคโอเวอร์ Glory World แล้วเหรอ?”
ซูเฉินยกวิสกี้ขึ้นมาจิบ จากนั้นเขาก็มองตรงไปที่มู่หยูเฉินที่ยังคงนั่งนิ่งเงียบอยู่บนโซฟา
โจวจือโม่คลี่ยิ้มออกมา พร้อมทั้งพูดออกไปเบาๆ ว่า “ฉันได้ยินมาว่า ผู้อาวุโสมู่ไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่ เพราะงั้นฉันก็เลยไปเยี่ยมท่าน แต่ฉันกลับเห็นว่าท่านยังคงแข็งแรงและสบายดีสุดๆ ฉันเดาว่าท่านคงอยากจะให้ใครบางคนกลับมาจากต่างประเทศนะ”
“ทุกครั้งที่นายไป นายก็ต้องใช้เวลาตั้งสองสามปีกว่าที่นายจะกลับมา เดือนก่อนจือโม่ก็เริ่มเข้าไปดูแลบริหาร Zhou Corporation อย่างเต็มตัวแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสจะดูไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่ เขาก็คงอยากจะให้นายรีบกลับมาเทคโอเวอร์บริษัทของเขาเร็วที่สุดเท่าที่นายจะทำได้ล่ะมั้ง”
ซูเฉินคลี่ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็หันไปมองที่มู่หยูเฉิน
มู่หยูเฉินเหลือบสายตาไปมองที่ทั้งสองคน จากนั้นเขาก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายว่า “ฉันอยู่ต่างประเทศมานานมากแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะต้องกลับมาสักที”
“งั้นนายกำลังจะเทคโอเวอร์ Glory World จริงๆ เหรอ? แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากนักกับการที่นายจะรับช่วงต่อตอนนี้เลยนะ แล้วอีกอย่างผู้อาวุโสก็แอบเตรียมการเพื่อควบคุมมันเอาไว้แล้วด้วย”
โจวจือโม่คลี่ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็โบกมือเพื่อไล่ให้ผู้จัดการร้านออกไป ก่อนที่ผู้จัดการร้านจะเดินออกไป หล่อนก็โค้งคำนับให้พวกเขาอย่างสุภาพ แล้วจึงเดินออกไปอย่างเงียบๆ
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณปู่จะยอมก้าวลงจากตำแหน่ง ครั้งนี้เราก็แค่ปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการ” มู่หยูเฉินตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
“แน่นอนอยู่แล้ว ตั้งแต่วันที่คุณย่าก้าวลงจากตำแหน่ง คุณปู่ของนายก็เฝ้ารอวันที่เขาจะได้อยู่บ้านเหมือนกัน ทุกคนรู้เกี่ยวกับคุณปู่กับคุณย่าของนายดี” โจวจือโม่หัวเราะออกมา
“ตราบใดที่ไม่มีสงครามเกิดขึ้นที่บ้าน เรื่องอื่นฉันก็ไม่สนใจมันทั้งนั้น”
มู่หยู่เฉินรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เมื่อพูดถึงมู่อี้หนานและหวังฮุย คุณปู่และคุณย่าของเขา
“ทำไมนายไม่ไปพักที่ Grand Waves Villa ล่ะ? นายจะไม่เป็นไรถ้าเกิดสงครามขึ้นที่บ้าน ความจริงการที่นายกลับมาที่เมือง Z ดีเหมือนกันนะ อย่างนั้นเราก็ชวนนายมาดื่มกับเราได้ หลายปีที่ผ่านมานี้ ฉันก็มาดื่มกับจือโม่วมาเยอะแล้ว ตอนที่ไม่มีนายอยู่มันรู้สึกเหมือนกับมีบางอย่างขาดหายไปเลย”
ซูเฉินเติมไวน์ลงไปในแก้วของมู่หยูเฉินจนเต็ม
มู่หยูเฉินยกไวน์ขึ้นดื่ม จากนั้นไวน์ในแก้วก็ค่อยๆ ลดลง ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ออกไป เพียงยกมันขึ้นดื่มสองสามอึกเพียงเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ซูเฉินก็เริ่มเมา โจวจือโม่อาสาขับรถไปส่งเขาที่บ้าน เพราะอย่างนั้นมู่หยูเฉินจึงต้องขับรถกลับไปที่ Grand Waves Villa เพียงคนเดียว Grand Waves Villa เป็นจุดที่มีฮวงจุ้ยที่ดีมาก เพราะรอบๆ วิลล่าแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำ Grand Waves และมันก็เป็นหนึ่งในโครงการของบริษัท Glory World Corporation และก่อนที่มันจะเปิดขาย มู่หยู่เฉินก็จองบ้านเอาไว้หลังหนึ่งให้ตัวเอง
ในคืนนี้ฝนตกลงมาปรอยๆ อีกทั้งยังมีลมพัดผ่าน
ภายในห้องอ่านหนังสือที่หรูหราของ Grand Waves Villa มู่หยู่เฉินสวมชุดนอนสีดำเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินไปชงชาให้ตัวเอง จากนั้นก็เดินมานั่งที่โซฟา แต่หลังจากที่นั่งไปได้ไม่นาน มู่อี้หนานและหวังฮุยก็โทรมาหาเขา เขาจึงกดรับสายโดยที่ไม่ได้คิดอะไร
“เฉิน ผู้หญิงคนนั้นที่หลานไปเจอวันนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? ได้เจอเธอไหม?” เสียงของหวังฮุยดังมาตามสาย
มู่หยูเฉินครองตัวเป็นโสดมาตลอด และเขาก็ต้องอยู่ต่างประเทศด้วย เพราะอย่างนั้นครอบครัวของเขาจึงไม่สามารถหาคู่ครองให้กับเขาได้เลย จากคำบอกเล่าของอาโม่ที่ว่า ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาเข้าใกล้มู่หยูเฉินได้เลย ดังนั้นผู้อาวุโสตระกูลมู่จึงเป็นกังวลมากจริงๆ ว่าเขาจะป่วย
“เฉิน หลานไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ ปีหน้าหลานก็จะ 31 แล้ว และเราก็อยากจะเกษียนแล้วจริงๆ ตอนที่ปู่อายุเท่าหลาน พ่อของหลานก็โตจนเข้าโรงเรียนได้แล้ว อย่ามาแก้ตัวว่าหลานยุ่งกับงานมากเลย หลานต้องสร้างครอบครัวได้แล้ว นี่คือสิ่งที่คุณปู่และย่าต้องการ หลานเก็บไปคิดเอาเองแล้วกันนะ”
น้ำเสียงที่เข้มงวดของหวังฮุยดังมาจากปลายสาย หล่อนเป็นที่รู้จักในฐานะ "เหล็กกล้า" ในวงการทหาร และบุคลิกของหล่อนก็เป็นคนเอาแต่ใจอยู่หน่อยๆ แม้แต่นักธุรกิจที่มีอำนาจอย่างมู่อี้หนานก็ยังตกหลุมรักหล่อน ขนาดมู่อี้หนานที่เป็นคาสซาโนว่าที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมือง Z เมื่อก่อน ก็ยังต้องยอมสยบให้เหล็กกล้าคนนี้ และตอนนี้พวกเขาก็แต่งงานกันมาได้ 50 ปีแล้ว พวกเขาไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวมาก่อนเลย เพราะเขารักภรรยาที่เป็นดั่งเหล็กกล้าของเขามากจริงๆ
เรื่องราวความรักของพวกเขาต่างก็เป็นที่น่าอิจฉาของผู้คนในเมือง Z
“เฉิน หลานก็แค่ต้องแต่งงาน ย่าไม่ได้แคร์เลยว่าหลานจะต้องไปหาคนรักจากตระกูลที่สูงส่ง หลานแค่เลือกคนที่หลานชอบและหลานคิดว่าหลานจะสามารถอยู่กับเธอไปได้ทั้งชีวิต แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ดูอย่างปู่กับย่าสิ พวกเราก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วใช่ไหมเหรอ? แม้ว่าคนสองคนจะรักกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากันหลังจากที่แต่งงาน แนวคิดที่ว่าแต่งงานกันก่อนแล้วค่อยไปรักกันเองก็กำลังเป็นที่นิยมไม่ใช่รึไง? มองหาผู้หญิงที่หลานชอบ และมีประวัติครอบครัวที่ขาวสะอาดก็เพียงพอแล้ว…”
หวังฮุยอดไม่ได้ที่จะพูดพล่ามออกไปเรื่อยเปื่อย และมู่หยูเฉินก็เคยชินกับการร่ายยาวนี้ของหล่อนตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว
“เฉิน? หลานกำลังฟังอยู่รึเปล่า?” หวังฮุยเรียกมู่หยูเฉินออกไป เมื่อเห็นว่าปลายสายยังเอาแต่นิ่งเงียบ
มู่หยูเฉินยกชาขึ้นมาจิบ จากนั้นเขาก็วางถ้วยชาลงไปบนโต๊ะข้างๆ แล้วเดินไปเปิดม่านหน้าต่างออก พร้อมกับตอบกลับไปว่า “ปู่กับย่าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผมมากหรอกครับ ย่าไปเที่ยวกับคุณปู่เถอะ เมื่อวานหลิงชือโทรมาบอกผมว่า หล่อนกำลังจะกลับมาที่นี่ คุณปู่กับคุณย่าก็บินไปหาหล่อนที่ฝรั่งเศสก็ได้ แล้วให้หล่อนพาเที่ยวเดินดูรอบๆ ความสวยงามของที่นั่น”
เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่อยากที่พูดเรื่องนี้ มู่หยูเฉินขมวดคิ้วด้วยความอ่อนล้า และน้ำเสียงของเขาก็ดูนิ่งเรียบมากจริงๆ แน่นอนว่าหวังฮุยจับอารมณ์ผ่านทางน้ำเสียงของเขาได้
มีเสียงถอนหายใจยาวดังมาจากปลายสาย จากนั้นก็ได้ยินเสียงของคนแก่อย่างมู่อี้หนานตามมา “เฉิน ครั้งนี้ช่วยฟังย่าเขาเถอะนะ ให้อดีตมันเป็นอดีตไป ชีวิตของคนเรายังต้องดำเนินต่อไปไม่ใช่เหรอ?”
มู่หยูเฉินตกตะลึงขึ้นมาในทันที
ใช่แล้ว ชีวิตของคนเรายังต้องดำเนินต่อไป...