ตอนที่แล้วบทที่ 11 โต้เถียง (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 ซับซ้อนไม่ชัดเจน (1)

บทที่ 12 โต้เถียง (2)


สหายผู้นี้เมื่อไม่พูดก็ดูเย็นชา แต่ถ้าได้พูดก็ทำเอาคนหายใจไม่ออก

มองไปรอบๆ แล้ว มู่ฉางถิงก็กำลังคิดจะแนะนำให้กลับไปกันก่อนจะดีกว่า อย่างไรแล้วเดินมาตั้งนานก็ยังไม่พบเจอคนสักคน ด้านหลังประตูพระจันทร์เสี้ยวนั้นกลับมีเสียงนุ่มนวลของสตรีคร่ำครวญลอยมาเบาๆ

มู่ฉางถิงชะงักค้าง ปฏิกิริยาต่อมาคือ เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกาย ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว

สิงอวี้เซิงขมวดคิ้วในทันที ก้าวเท้าเดินไปยังแหล่งที่มาของเสียง มู่ฉางถิงเห็นเขาอย่างนั้น ก็ได้สติกลับมาทันที เดินตามไปอยู่ที่ด้านหลังของสิงอวี้เซิง

มู่ฉางถิงรอคอยด้วยความลุ้นระทึก เมื่อเห็นว่ายิ่งเข้าใกล้ประตูจันทร์เสี้ยวมาก ทันใดนั้นก็มีคนๆ หนึ่งกระโดดออกมาจากด้านหลังกำแพงหิน!

เสื้อผ้าของคนผู้นั้นขาดวิ่น เห็นคนทั้งสองก็ชะงักค้างแล้ว ก้มลงผูกเสื้อผ้าของตนด้วยท่าทีตื่นตระหนก ที่หน้าอกเปลือยเปล่ามีบาดแผลฉกรรจ์ที่เลือดไหลซึมออกตามรอยแผล นี่ไม่ใช่ผู้ดูแลจวนที่พวกเขาตามหาทั้งคืนหรอกหรือ!

ดวงตาของมู่ฉางถิงเบิกกว้าง กระอักกระอ่วนเสียจนไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

ผู้ดูแลจวนกุมมือแล้วโค้งคำนับพวกเขา เอ่ยเสียงเบาด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติเป็นอย่างมาก “สวัสดีตอนค่ำ ท่านนักพรตทั้งสองท่าน เหตุใดจึงไม่พักผ่อนอยู่ที่ห้องเล่าขอรับ นี่...นี่มีเรื่องอะไรหรือ?”

มู่ฉางถิงยิ้มออกมา “ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ข้ามาหาท่านเพราะอยากได้อ่างน้ำร้อนสักหน่อย ดึกดื่นแล้ว คงไม่ดีถ้าไปรบกวนท่านเจ้าบ้าน จึงได้แต่หน้าหนามาขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลจวนแล้ว”

ผู้ดูแลจวนโบกมือเล็กน้อย เอ่ยอย่างเร่งรีบ “ท่านนักพรตน้อยเกรงใจแล้ว เป็นข้าที่ไม่รอบคอบ ข้าจะเรียกคนมาต้มน้ำให้ท่าน ล้วนส่งให้ทั้งหมดทุกคน”

มู่ฉางถิงค้อมกายเคารพ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “รบกวนแล้ว ขอขอบคุณท่านลุง” หลังจากผ่านไปสักพัก มู่ฉางถิงก็ชี้ไปที่หลังประตูจันทร์เสี้ยวด้วยความสงสัย “ใช่แล้ว ที่ด้านหลังประตูจันทร์เสี้ยวนี้มีผู้ใดอาศัยอยู่หรือ?”

ผู้ดูแลจวนเอ่ยเสียงเบา “เป็นหวังอี๋เหนียงที่มาใหม่ของคุณชายของพวกเรา แต่ว่าหวังอี๋เหนียงนั้นรักสงบยิ่งนัก หากท่านนักพรตทั้งสองไม่มีเรื่องอะไร ภายหลังอย่าได้มาที่นี่จะดีกว่า”

มู่ฉางถิงรีบพูด “เข้าใจผิดแล้วเข้าใจผิดแล้ว!เดิมทีพวกข้าก็ต้องการมาตามหาท่านผู้ดูแลจวนเท่านั้นเอง เพียงแต่ไม่รู้เส้นทาง จึงได้หลงทางแล้ว ภายหลังจะต้องระมัดระวัง!”

ผู้ดูแลจวนพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นเช่นนี้เอง นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านนักพรตทั้งสองกลับไปก่อนจะดีกว่า หากน้ำร้อนแล้วข้าจะให้คนนำไปส่งให้ทันที”

ทั้งสองหมุนกายกลับมาทางเดิม ผู้ดูแลจวนยืนอยู่ที่หน้าประตูจันทร์เสี้ยวมองดูพวกเขาเดินจากไป

มู่ฉางถิงรู้สึกอยู่ตลอดว่าถูกเขามองจนขนลุกไปทั่วแผ่นหลัง ขนทั้งร่างกายลุกชัน

น้ำร้อนถูกส่งมาให้อย่างรวดเร็ว มู่ฉางถิงถอดเสื้อด้านบนออก เช็ดตัวอย่างมีความสุข

สิงอวี้เซิงนั่งอยู่ด้านหน้าเก้าอี้ มองไปที่บางสิ่งจดจ้องทำสมาธิ ได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อม เขาก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ตั้งใจ จึงได้แต่รีบดึงสายตากลับมาในทันที จ้องที่พื้นแทนที่จะมองไปยังมู่ฉางถิง

หยดน้ำไหลลู่ลงไปตามร่างกายขาวผ่องของเด็กหนุ่ม ก่อนจะลู่ลงไปตามแนวสะโพกผายออย่างรวดเร็ว ขณะที่เขากำลังเช็ดตัวอยู่ กล้ามเนื้อบางๆ บนร่างกายก็สั่นไหวไปตามการเคลื่อนไหวและหายใจของเขา

แผลมากมายที่ด้านหลังนั้นได้ผ่านการบำรุงรักษามาแล้วสองสามวัน สีจางลงมากแล้ว และเป็นเพราะเหตุนี้ ภายใต้แสงสว่างของเทียนเล่มเล็กที่พาดผ่านริบหรี่ ยิ่งทำให้คนสามารถจินตนาการไปได้ไกลแล้ว

ลูกกระเดือกของสิงอวี้เซิงขยับไปมา เขาได้ยินแม้กระทั่งเสียง ‘อึก’ ยามที่เขากลืนน้ำลาย

เขายืนขึ้นด้วยความตกใจ หัวใจเต้นแรงและดังกว่าที่เคยเป็นมา พุ่งออกไปที่ประตูด้วยความรู้สึกผิด แผ่นหลังของเขาสั่นเทิ้มดูตื่นตระหนก

มู่ฉางถิงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จึงหันกลับไปมองอย่างงุนงง เห็นเพียงแต่ประตูที่สั่นไกวไปมา

อยากจะถามว่าเขาอยากจะทำความสะอาดด้วยหรือไม่ วิ่งหนีอะไรกันเล่า?

มู่ฉางถิงเม้มริมฝีปาก หยิบเอาเสื้อผ้าสะอาดมาเปลี่ยน เขาชอบทิ้งตัวลงนอนกับพื้นนุ่มๆ นี้อย่างมีความสุข พรูลมหายใจออกมาด้วยความสบายใจ หากไม่ใช่เพราะว่าที่แผ่นหลังมีบาดแผลแล้ว คงจะอดใจไม่ไหวกลิ้งลงไปกับพื้นจริงๆ

ประตูยังคงเปิดอยู่ ลมพัดผ่านก็ทำให้มู่ฉางถิงตัวสั่นแล้ว ขณะที่คิดอยากจะคลานไปปิดประตู สิงอวี้เซิงก็กลับมาพอดี ทั้งสองสบตากัน สิงอวี้เซิงเหล่มองไปทางอื่นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ กล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “เจ้าลุกขึ้นมา นอนบนเตียงนี่ ข้าจะนอนที่พื้น”

มู่ฉางถิงคิดว่าเขาเกรงใจตนเองแล้ว “ไม่เป็นไร ข้าจะนอนตรงนี้ สบายยิ่งนัก”

สิงอวี้เซิงขมวดคิ้ว พูดว่า “บนพื้นนั้นเย็นมาก แผลบนร่างกายเจ้ายังไม่ทันหายดี อีกสักพักถ้าหากเป็นไข้ขึ้นมา เราทั้งสองคนก็ไม่ได้นอนแล้ว”

ร่างกายของมู่ฉางถิงนั้นแข็งแรงมาโดยตลอด กลับไม่คิดว่าตนเองจะอ่อนเช่นเขากล่าว นอนพื้นก็ป่วยแล้ว

เขาไม่ขยับกายแม้แต่น้อย แม้กระทั่งจะห่มผ้าให้เรียบร้อยก็ไม่ทำ หลับตาลง พึมพำ “ข้าไม่มีไข้ รีบนอนเสีย ให้เจ้านอนบนเตียงแล้วยังไม่พอใจ ใช่หรือไม่?ข้าเห็นว่าเจ้าอายุน้อยกว่าข้าเล็กน้อย เคารพผู้อาวุโสเอ็นดูวัยเยาว์ เข้าใจหรือไม่?”

ทันทีที่สิ้นเสียง ในหูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น

จากนั้น ผ้าห่มก็ถูกยกออกในทันที ลมหนาวพัดเข้ามา มู่ฉางถิงตัวสั่นด้วยความหนาวเย็น เจ้า...

ยังไม่ทันได้สบถด่ามารดา ทันใดนั้น ทั้งตัวก็ถูกอุ้มขึ้นในแนวนอน!

ร่างกายของเด็กหนุ่มเย็นเฉียบ มีกลิ่นหอมของดอกเหมยจางๆ ลอยมาจากกายเขา กลิ่นงดงามเฉกเช่นหน้าตาของเขา

ความรู้สึกลอยอยู่บนอากาศนั้นราวกับว่าไม่ใช่เรื่องจริง มู่ฉางถิงเบิกตากว้าง ความรู้สึกที่ถูกปฏิบัติราวกับหญิงสาวนั้นทำให้เขาทั้งอับอายและกระอักกระอ่วน

แต่ก็รวดเร็วมาก เขาถูกสิงอวี้เซิงวางลงบนเตียงอย่างไม่นับว่าอ่อนโยนนัก

มู่ฉางถิง “...”

สิงอวี้เซิงโน้มตัวลง ยื่นมือออกไปแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมกายแทนเขา ผมยาวสีดำสยายลงมาเล็กน้อย ทำให้เห็นใบหน้าของเขาตอนนี้ที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ

ลมหายใจประสานกัน เขามองไปยังประกายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของมู่ฉางถิง เม้มปากอย่างอารมณ์ดี "อืม เจ้าสอนข้าเอง เคารพ 'ผู้อาวุโส' เอ็นดูวัยเยาว์"

โบกมือหนึ่งครั้ง เทียนก็ดับลงทั้งหมด

เขาค้นพบแล้ว สิงอวี้เซิงผู้นี้ไม่เพียงแต่เรียนรู้กระบวนท่ากระบี่ได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งวิธีกลั่นแกล้งผู้คนก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

...ช่างเป็นการสอนศิษย์ให้ได้ดี โดยไร้อาจารย์อย่างแท้จริง! มู่ฉางถิงนอนถอนหายใจอยู่บนเตียง

เขายังนับว่าเจตนาดี แล้วยังเป็นกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของตนเอง แม้กระทั่งเรื่องความไวของฝีปากแล้ว...นี่นับว่าเป็นวีรบุรุษแบบใดกัน? เขาคงจะทุ่มคู่ต่อสู้ลงกับพื้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแน่!

ด้วยจินตนาการอันบรรเจิด ในที่สุดเขาก็เข้าสู่ห้วงนิทราไป

แสงจันทร์นวลสว่าง ทาบทับใบหน้าที่หลับไหลอย่างเงียบสงบของเด็กหนุ่ม ที่มุมปากยังมีรอยยิ้มจางๆ ประดับอยู่

สิงอวี้เซิงนอนอยู่ด้านข้าง สอดแขนไว้ใต้ศีรษะ มองมู่ฉางถิงที่หายใจเข้าออกยาวอย่างสงบ

ผ่านไปไม่นาน เขายื่นมืออกไป สัมผัสสันจมูกโด่งสูงของมู่ฉางถิงผ่านอากาศเอื่อยแผ่ว มุมปากแต้มด้วยรอยยิ้ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด