บทที่ 12 เกิดเรื่องขึ้นแล้ว
จัวเซ่าก้มศีรษะลง ยืนนิ่งไม่ไหวติง
เขาจะไม่แก้ตัวอย่างโง่งมอีกแล้ว และจะไม่โต้กลับด้วยความเดือดดาลอีกเช่นกัน
ในชีวิตก่อนเขารู้สึกประหม่ามาก แต่เกรงว่าคนอื่นคงคิดว่าเขาเป็นคนมุทะลุ
จัวเซ่าไม่ได้เคลื่อนไหว เขาทำเพียงยืนนิ่ง ๆ เมื่อเทียบกับการร้องห่มร้องไห้ของชวีกุ้ยเซียงแล้ว ก็ทำให้คนรู้สึกว่าชวีกุ้ยเซียงทั้งร้ายกาจทั้งชั่วช้า
“คุณอย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ!” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนในที่นั้นหันไปมองทางต้นเสียง ก่อนจะค้นพบว่าคนคนนั้นคือเหลียงเฉิน เพื่อนร่วมโต๊ะของจัวเซ่า
ปกติแล้วเหลียงเฉินจะไม่คุยกับใครเลย บางครั้งที่พูดเสียงก็จะเบามาก หรือไม่ก็พูดติดอ่าง แต่ตอนนี้นอกจากจะไม่พูดติดอ่างแล้วยังเสียงดังมากอีกด้วย เขากำหมัดแน่น ดูเกรี้ยวโกรธมาก ร่างกายของเขาก็ดูราวกับจะลุกเป็นไฟอยู่รอมร่อ
จัวเซ่ามองไปยังเหลียงเฉินด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ในชีวิตก่อนตอนที่ชวีกุ้ยเซียงมาสร้างเรื่องให้เขา เหลียงเฉินก็ไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาแล้ว และก็ไม่ได้ช่วยพูดแทนเขา ครั้งนี้...อาจเป็นเพราะเมื่อวานเขาได้ช่วยเหลียงเฉินเอาไว้อย่างนั้นเหรอ? เจ้าอ้วนตัวน้อยแสนขี้อายถึงได้ลุกขึ้นยืนทันที
เหลียงเฉินไม่ได้สังเกตเห็นสายตาพินิจพิเคราะห์ของจัวเซ่าเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาโกรธผู้หญิงที่ใส่ร้ายจัวเซ่าคนนี้จะแย่อยู่แล้ว
จัวเซ่าจะไปขโมยเงินเธอได้อย่างไรกัน? เธอต้องโกหกแน่นอน!
“คุณเอาอะไรมาบอกว่าจัวเซ่าขโมยเงิน? มีหลักฐานไหม?” เหลียงเฉินกล่าวเสริมอีก
เมื่อเหลียงเฉินพูดประโยคนี้ออกมา เพื่อนนักเรียนในห้องก็มองไปยังชวีกุ้ยเซียงด้วยความสงสัย
จัวเซ่าในสายตาของพวกเขาดูสะอาดสะอ้านอยู่เสมอราวกับเจ้าชายก็ไม่ปาน พวกเขานึกภาพที่จัวเซ่าขโมยของของคนอื่นไม่ออกจริง ๆ
โดยเฉพาะบรรดาสาว ๆ ในห้องเรียน
ในเวลานี้สาว ๆ ในห้องเรียนมักจะผลัดกันอ่านพวกนิตยสารและนิยาย หลาย ๆ เรื่องเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับรั้วมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่จะพูดถึงหนุ่มหล่อสุดเท่
จัวเซ่า...ก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?
ในห้องปี 3 ห้อง 2 มีผู้หญิงหลายคนที่ชอบจัวเซ่า แม้จะมีคนที่ไม่ได้ชอบจัวเซ่า แต่พวกเธอก็ไม่ได้เกลียดเช่นกัน ในตอนแรกพวกเธอก็ตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อได้สติก็เริ่มมีคนกระซิบกระซาบกันว่า “จัวเซ่าจะไปขโมยเงินได้ยังไงกัน” บางคนก็ตะโกนหาหลักฐาน และบางคนก็วิ่งออกไปทางประตูหลังเพื่อไปหาอาจารย์
จัวเซ่าตกตะลึง
เขาจำได้ว่าตอนที่ชวีกุ้ยเซียงมาหาเรื่องเขาในชีวิตก่อน ไม่มีใครช่วยเขาเลย ไม่คิดว่า...
แต่ในเวลานั้นเขาก็มีปัญหาเช่นกัน ทันทีที่ชวีกุ้ยเซียงมาหาเรื่องเขา เขาก็พุ่งเข้าใส่ด้วยความเกรี้ยวโกรธ ไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้เพื่อน ๆ ในห้องได้ช่วยเหลือตน...
ชวีกุ้ยเซียงด่าอยู่นาน แต่ผลที่ได้กลับไม่ดีเท่าที่เธอคิด จึงอดที่จะผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ “จัวเซ่า พ่อแม่ของแกไม่ได้ดีเด่อะไร แกก็ไม่ได้ดีเด่อะไร...”
จัวเซ่าเงยหน้าขึ้น มองไปยังชวีกุ้ยเซียงด้วยสีหน้ามืดครึ้ม เขากะพริบตาอีกครั้ง กักเก็บความเดือดดาลภายในใจ พูดออกไปด้วยความโกรธเคือง “ป้าไม่มีสิทธิ์พูดถึงพ่อแม่ของผม!”
“ก็ฉันจะพูด แล้วแกจะทำไม? พ่อแม่แกมันไม่มีอะไรดีสักอย่าง!” เมื่อเห็นว่าจัวเซ่ากำลังโกรธ ชวีกุ้ยเซียงก็แอบพอใจ “ฉันให้ข้าว ให้น้ำ ให้แกเรียนหนังสือ แกยังกล้ามาทุบตีพี่ชายแก แกยังเป็นคนอยู่ไหม?”
“อย่าส่งเสียงดังในห้องเรียน!” หยางเจี้ยนหวา อาจารย์ประจำชั้นรีบเข้ามาดู เมื่อได้ยินคำพูดของชวีกุ้ยเซียง คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันจนแน่น “ผู้ปกครองท่านนี้ หากคุณมีคำถามที่ต้องการคำตอบ อย่ามาเอะอะโวยวายอยู่ที่นี่เลย ไปที่ห้องพักครูเถอะ มันส่งผลกระทบต่อคาบเรียนของนักเรียน!”
“เวลานี้แล้วยังจะเรียนอะไรอีก? ให้จัวเซ่าคืนเงินที่ขโมยฉันไปมาซะดี ๆ!” ชวีกุ้ยเซียงเอ่ย
“อาจารย์หยางครับ ผมไม่ได้ขโมยเงิน!” จัวเซ่ามองไปยังหยางเจี้ยนหวา
แน่นอนว่าหยางเจี้ยนหวาย่อมเชื่อว่าจัวเซ่าไม่ได้ขโมยเงิน
หลังจากที่เขาได้ไปเยี่ยมบ้านในวันนั้น ก็ได้หาใครสักคนที่รู้ถึงสถานการณ์ของจัวเซ่า
อำเภอฟูหยางนั้นไม่ใหญ่ แม้ว่าจัวเซ่าจะไม่ได้อาศัยอยู่ในเขตปกครอง แต่ก็สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาได้ไม่ยาก
หลังจากได้สอบถามเรื่องราวต่าง ๆ หยางเจี้ยนหวาก็ยิ่งเห็นใจจัวเซ่ามากขึ้นกว่าเดิมและเกลียดชวีกุ้ยเซียงมากขึ้นเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบชวีกุ้ยเซียง แต่จัวเซ่าก็ยังต้องใช้ชีวิตในทุก ๆ วันอยู่กับเธอ...หยางเจี้ยนหวายังหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างสงบ จึงพูดกับชวีกุ้ยเซียงดี ๆ ว่า “ผู้ปกครองท่านนี้ ไปที่ห้องพักครูเถอะครับ”
หยางเจี้ยนหวาอยากจะพูดคุยด้วยดี ๆ แต่ชวีกุ้ยเซียงกลับไม่ยอม “ไปทำไมห้องพักครู ไอ้เด็กสารเลวนี่ไม่รู้ว่าไปเรียนเรื่องเกเรพวกนี้มาจากไหน พวกคุณควรจะจัดการเจ้าเด็กนี่ก่อน! นอกจากนี้มันยังมาทุบตีลูกชายฉันอีก มันต้องชดใช้!”
ชวีกุ้ยเซียงคิดถึง ‘สภาพที่น่าเวทนา’ ของลูกชายที่เธอเห็นในวันนี้ และมองไปยังจัวเซ่าด้วยความขมขื่น
วันนี้ชวีกุ้ยเซียงทะเลาะกับเพื่อนบ้าน จากนั้นเมื่อเธอซื้อซาลาเปาไปให้จัวเจียเป่า กลับพบว่าลูกชายของเธอบาดเจ็บ มีรอยช้ำสีเขียวอยู่ทั่วตัว!
จัวเซ่า ไอ้เด็กสารเลวนี่กล้าที่จะทำร้ายลูกชายของเธอ!
ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรกับชวีกุ้ยเซียงก็ไม่มีประโยชน์ เป็นตายร้ายดีอย่างไรเธอก็ไม่ยอมไป นั่งร้องไห้อยู่บนพื้น “ชีวิตของฉันช่างน่าสังเวช...”
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” หลังจากเกิดเรื่องราวโกลาหล อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนก็มาแล้ว
เขาเอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งประโยค จากนั้นก็รับรู้ว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามเลยแม้แต่น้อย ชวีกุ้ยเซียงเอาแต่ว่ากล่าวจัวเซ่า อยู่ที่นี่สักพักเขาก็เข้าใจถึงเจตนาของเธอได้อย่างถ่องแท้
“นักเรียนจัวเซ่า นี่มันเรื่องอะไรกัน?” อาจารย์ใหญ่มองไปยังจัวเซ่าด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจนัก
เขารู้จักนักเรียนที่มีผลการเรียนดีทุกคนในโรงเรียน โดยเฉพาะนักเรียนชั้นปีที่ 3 แม้กระทั่งเรื่องที่หยางเจี้ยนหวาต้องการสมัครทุนช่วยเหลือสำหรับนักเรียนยากจนให้จัวเซ่า เขาก็รู้
เป็นผลให้ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ความประทับใจของอาจารย์ใหญ่ต่อจัวเซ่านั้นไม่ค่อยจะดีนัก
ชวีกุ้ยเซียงร้องห่มร้องไห้แบบนี้ จัวเซ่าคนนี้เกรงว่าจะมีปัญหาแล้ว
จัวเซ่ามองออกว่าอาจารย์ใหญ่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร
ในโลกนี้ เมื่อพบเห็นคนที่ตกเป็นเหยื่อ พวกเขาก็จะรู้สึกร่วมไปกับคนเหล่านั้น ทำไมคนชั่วคนนั้นไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นล่ะ ทำไมต้องมาสร้างความเดือดร้อนให้พวกเขาด้วย?
และแน่นอนว่าความคิดของอาจารย์ใหญ่คนนี้ก็เป็นแบบนั้น
“เธอกล่าวหาว่าผมขโมยของครับ” จัวเซ่าเอ่ยตอบด้วยจิตสำนึกที่ชัดเจน
“เธอใส่ร้ายจัวเซ่า ต้องเรียกตำรวจมาจับเธอ!”เหลียงเฉินตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อพูดจบ เขาเหลือบมองไปยังจัวเซ่า รู้สึกเพียงฝ่ามือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของตน
ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเพื่อโต้ตอบชวีกุ้ยเซียง เขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล แต่ตอนนี้กลับเป็นจัวเซ่าให้เขาพูด เมื่อกี้จัวเซ่าได้เอ่ยไหว้วานเขาเสียงเบา
แม้ว่าการพูดเช่นนี้ต่อหน้าอาจารย์ใหญ่จะทำให้เขากังวล แต่ตราบใดที่เขาคิดว่าสามารถช่วยจัวเซ่าได้ เหลียงเฉินก็รู้สึกว่ามันไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น
เหลียงเฉินรู้สึกประหม่ามากเสียจนไม่รู้ตัวเลยว่าตนนั้นไม่ได้พูดติดอ่างแล้ว แต่จัวเซ่าก็ค้นพบแล้ว และเหลือบมองไปยังเหลียงเฉินและพูดด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น "ขอบคุณ"
เหลียงเฉินยืนตัวตรงโดยไม่รู้ตัว
“เรื่องนี้จัดการให้ชัดเจนก็พอ แค่นี้ก็ไม่ต้องแจ้งความแล้ว!” อาจารย์ใหญ่ขมวดคิ้วเข้าหากัน แม้จัวเซ่าจะไม่ได้ขโมยเงินจริง ๆ แต่หากเรื่องนี้แพร่ออกไปคงไม่เป็นผลดีกับโรงเรียนนัก ตัวอาจารย์ใหญ่นั้นไม่อยากจะโทรแจ้งตำรวจเลย
ชวีกุ้ยเซียงไม่ได้รู้ถึงความคิดของอาจารย์ใหญ่ เมื่อได้ยินคำว่า ‘แจ้งความ’ สองคำนี้ และเมื่อเห็นว่าอาจารย์ใหญ่ไม่เต็มใจที่จะให้มีการแจ้งความ ในใจของเธอก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
แม้เธอจะมาก่อเรื่องในโรงเรียน แต่ที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่ได้คิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้...
“ต้องแจ้งตำรวจ ไอ้เด็กสารเลวนี่ทำร้ายลูกชายฉัน ฉันจะแจ้งความ!” ชวีกุ้ยเซียงเอ่ย
อาจารย์ใหญ่ขมวดคิ้วและเอ่ยเกลี้ยกล่อมเธอ แต่หยางเจี้ยนหวากับอาจารย์คณิตศาสตร์ที่เพิ่งเดินมากลับอยากให้แจ้งความ “อาจารย์ใหญ่ ทำไมคุณไม่โทรแจ้งตำรวจไปเลยล่ะครับ!”
พวกเขากำลังหารือกัน แต่จัวเซ่ากลับมองไปยังเหลียงเฉิน “นายมีมือถือไหม?”
เหลียงเฉินพยักหน้า เขามีโทรศัพท์มือถือ พ่อให้เขาพกไว้ ซ่อนอยู่ในช่องลับของกระเป๋า
“นายโทรแจ้งตำรวจได้ไหม?” จัวเซ่าเอ่ยถามอีกครั้ง
เหลียงเฉินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นในขณะที่อาจารย์ใหญ่กำลังปรึกษาหารือกับคนอื่น ๆ อยู่ ก็ได้ยินเสียงเหลียงเฉินเอ่ยขึ้น “ผมแจ้งตำรวจแล้ว!”
เจ้าอ้วนตัวน้อยสวมใส่เสื้อผ้าหลากหลายสีสัน ดูรุงรังระเกะระกะ ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ หลังจากเขาตะโกนออกมาก็คุยโทรศัพท์ต่อ “ก็...ก็แค่โรงเรียนมัธยมเป่ยเหมิน ไม่ผิดครับ”
เห็นได้ชัดว่าเขาได้พูดในสิ่งที่ต้องการไปแล้ว
อาจารย์ใหญ่ขมวดคิ้วเหลือบมองไปยังเหลียงเฉิน ชวีกุ้ยเซียงมองไปยังจัวเซ่าที่อยู่ข้าง ๆ เหลียงเฉินด้วยความลำพองใจ “ไอ้เด็กเหลือขอ รอให้ตำรวจมาจับแก! ดูสิว่าแกจะทำยังไง!”
จัวเซ่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขาไม่ได้ขโมยอะไร รอหลังจากตำรวจมาถึง แม้ว่าจะมีใครสักคนต้องโชคร้าย แต่คนคนนั้นย่อมไม่ใช่เขา แต่ชวีกุ้ยเซียงคงไม่รู้ในเรื่องนี้
“ในเมื่อแจ้งตำรวจแล้ว ผู้ปกครองท่านนี้ พวกเราไปรอที่ห้องพักครูกันเถอะครับ! อย่ารบกวนคาบเรียนของนักเรียนเลยครับ!” หยางเจี้ยนหวาเอ่ย
ครั้งนี้ชวีกุ้ยเซียงไม่ได้เอ่ยคัดค้าน เธอลุกขึ้นจากพื้น ตบไล่ฝุ่นที่กางเกง “ไปที่ไหน?”
พวกเขาไม่ได้ไปที่ห้องพักครูที่อยู่ข้าง ๆ เพราะหากเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอีกก็อาจจะเป็นการรบกวนนักเรียนคนอื่น ๆ ดังนั้นอาจารย์ใหญ่จึงพาคนไปที่อาคารอเนกประสงค์ที่อยู่ไม่ไกลนัก
จัวเซ่าเองก็ไปเช่นกัน เหลียงเฉินอยากจะตามไปแต่ก็ไม่กล้า เขาสองจิตสองใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จัวเซ่าและคนอื่น ๆ ก็เดินกันไปไกลแล้ว
เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ร้อนรนอยากจะตามไปทันที แต่ก็ถูกอาจารย์ภาษาอังกฤษหยุดเอาไว้เสียก่อน “เหลียงเฉิน กลับมาเรียนเดี๋ยวนี้!”
เหลียงเฉินทำได้เพียงเดินกลับมาอย่างช้า ๆ
หลังจากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เมื่อนั่งเรียนในห้องก็ไม่มีใจจะเรียนหนังสืออีก อาจารย์ภาษาอังกฤษจึงเอ่ยขึ้นมาเสียง่าย ๆ ว่า “เราไม่เรียนกันแล้ว อาจารย์มีเอกสารอยู่ที่นี่ จะแจกให้ไปทำ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กัน”
เอกสารถูกส่งไปอยู่ในมือของทุกคนอย่างรวดเร็ว เหลียงเฉินมองเอกสารในมือ อ่านไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว