ตอนที่แล้วบทที่ 10 อยู่ร่วมกัน (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12 โต้เถียง (2)

บทที่ 11 โต้เถียง (1)


หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว มู่ฉางถิงก็หย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ทรงกลม เทน้ำใส่จอกให้ตนเองก่อน ดื่มลงไปอึกใหญ่

สิงอวี้เซิงนำถุงผ้าวางบนโต๊ะ นั่งลงที่ข้างกายเขา มู่ฉางถิงก็เทน้ำใส่อีกจอกแล้วยื่นไปหยุดตรงหน้าเขา ท่าทีสบายๆ ราวกับว่าเขาทั้งสองนั้นอยู่ด้วยกันแบบนี้มาตลอด

ปลายนิ้วที่เย็นเฉียบแตะเบาๆ ที่ถ้วยน้ำชาอุ่น อย่างเชื่องช้า และก็ค่อยๆ อุ่นขึ้นเรื่อยๆ

สิงอวี้เซิงหลุบตาลง งอปลายนิ้วเล็กน้อย กำถ้วยชาในมือแน่น ในหัวใจนั้นราวกับว่าถูกของที่มีอุณหภูมิอุ่นร้อนลวกอย่างรุนแรง

มู่ฉางถิงยืดตัวขึ้นอย่างเกียจคร้าน เปิดตู้คุ้ยหาสิ่งของด้านในไป พึมพำไปด้วยว่า “เหนื่อยยิ่งนัก คืนนี้นับว่าได้นอนหลับสนิทดี นี่ มีเพียงเตียงเดียวเท่านั้น เจ้านอนบนเตียง ข้าจะทำที่นอนบนพื้น”

พูดไปตั้งนานกลับไม่มีผู้ใดตอบรับ มู่ฉางถิงอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองแล้วกล่าว "เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่?"

เห็นว่าในที่สุดสิงอวี้เซิงก็เงยหน้าขึ้นมา มู่ฉางถิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เจ้าวางใจได้ เมื่อครู่ข้าหลอกพวกเขา ตอนข้านอนหลับไม่กรนไม่ละเมอเตะคน ข้านอนท่าเดิมจนกระทั่งฟ้าสว่าง!ข้าไม่ได้พูดโม้ ในวังเสินเล่อทุกคนล้วนแย่งกันนอนข้างๆ ข้า!”

ประโยคสุดท้ายนั้นดูหน้าหนายิ่งนัก แต่การแสดงออกของมู่ฉางถิงกลับไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มจนจบ

การแสดงออกของเขานับว่าร่าเริงสดใส มุมปากของสิงอวี้เซิงอดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเห็นมู่ฉางถิงเบิกตากว้างแล้วมองมาที่เขา ราวกับพูดอย่างไร้เสียง “เจ้าก็หัวเราะเป็นหรือ?”

สิงอวี้เซิงไม่สนใจเขา ก้มหน้าลงดื่มน้ำอย่างเงียบๆ

ดูเหมือนว่ามู่ฉางถิงจะอารมณ์ดี ฮัมเพลงและปูเสื่อไม้ไผ่ลงบนพื้น แล้วยังหยิบผ้านวมสองผืนใหญ่ออกมาจากตู้โยนลงบนพื้น ม้วนแขนเสื้อขึ้นตั้งท่าจะจัดที่นอน

เสียงเย็นชาของเด็กหนุ่มดังขึ้น “บาดแผลของเจ้ายังเจ็บไม่พอหรือ?ข้าทำเอง”

ว่าแล้ว สิงอวี้เซิงก็ย่อตัวลงด้านหน้าเขาหนึ่งก้าว กางผ้าห่มแล้วสะบัดช้าๆ อย่างระมัดระวัง

เห็นได้ชัดว่าเป็นคำพูดใส่ใจ แต่เมื่อออกมาจากปากของเขาก็กลายเป็นเย็นชาได้ถึงเพียงนี้

มู่ฉางถิงยิ้มกว้าง ถอยหลังไปสองก้าวแล้วนั่งปลายเตียง ยังห้อยขาลงมาด้วยท่าทีสบายใจเฉิบ

จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขายกแขนขึ้นดมกลิ่นเหงื่อที่อยู่บนร่างกาย อดไม่ได้ที่จะย่นจมูก “โอย เหม็นยิ่งนัก เดินทางอย่างเร่งรีบมาตลอดสามวัน สถานที่ที่จะอาบน้ำชำระกายก็ไม่มี ข้าไปหาผู้ดูแลจวนขออ่างเอาน้ำร้อนมา อย่างน้อยก็ได้เช็ดตัวสักหน่อย ถ้าไม่อย่างนั้นคืนนี้เห็นทีจะนอนไม่ได้แน่”

“รอสักครู่” สิงอวี้เซิงคว้าเอากระบี่ เดินไปที่ประตูกับเขา ท่าทางจริงจัง “พวกเราไปด้วยกัน”

มู่ฉางถิงคิดจะพูดว่าไม่ต้อง แต่ก็คิดได้ว่าตอนนี้ตนอยู่ในเมืองตานเฟิง สถานที่นี้ประหลาดเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ควรระมัดระวังไม่กระทำการใดเพียงผู้เดียวจะดีกว่า มู่ฉางถิงยิ้มออกมา “ได้ ไปกันเถิด!”

ผู้ดูแลจวนอาศัยอยู่ที่ทิศตะวันตกของจวนฟ่าน ตอนนั้นก็ทำเพียงชี้ตำแหน่งคร่าวๆ ให้แก่พวกเขา มู่ฉางถิงจึงทำได้เพียงคาดเดาทิศทางเดินไปทางตะวันตก หากว่าสามารถพบเจอกับสาวใช้หรือบ่าวรับใช้ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ตลอดทางที่พวกเขาเดินมา ทั้งจวนฟ่านนั้นเงียบสงบไร้เสียง ถนนหนทางกลับว่างเปล่า คนสักคนหนึ่งก็ไม่เห็น

โคมไฟสีแดงกวัดแกว่งไปตามสายลมยามค่ำคืน เสียงฝีเท้าของคนทั้งสองก็ดูเร่งรีบเป็นพิเศษ

เป็นเรื่องยากที่มู่ฉางถิงจะเงียบสงบระหว่างทาง สิงอวี้เซิงอดไม่ได้ที่หันหน้ามองไปยังมู่ฉางถิงเล็กน้อย เห็นเพียงสายตาของเขามุ่งตรง คิ้วขมวดขึ้นอย่างพึงพอใจ มุมปากยกขึ้นเบาบาง เอ่ยเสียงแผ่ว “เจ้ากลัวแล้วหรือ?”

น้ำเสียงของสิงอวี้เซิงราบเรียบ “เหตุใดข้าต้องกลัว?”

มู่ฉางถิงยิ้มอย่างมีเลศนัย “เจ้าไม่กลัวหรือ ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะแอบมองข้าบ่อยๆ เพราะเหตุใด?”

สิงอวี้เซิงชะงักไปชั่วครู่ เอ่ยเสียงแข็งด้วยความเย็นชา “ข้ามองว่าเจ้ากลัวหรือไม่”

มู่ฉางถิงกล่าวอย่างเหมือนหยอกล้อเหมือนจะจริงจัง “ข้ากลัว เจ้าต้องปกป้องข้านะ!”

’กล้าปีนเสา‘ เป็นหนึ่งในสิ่งโลดโผนและหน้าหนาของมู่ฉางถิง แม้แต่ฟู่ซีเฟิงก็ยังโดนเขากระทำเช่นนี้จนพูดไม่ออกแล้ว

ไหนเลยจะรู้ว่าดวงตาของสิงอวี้เซิงเป็นประกายครู่หนึ่ง สีหน้ายังคงเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง ทว่ากลับส่งเสียง ‘อืม’ ออกมาอย่างจริงจัง

มู่ฉางถิงหยอกคนไม่ได้ รู้สึกเบื่อขึ้นมาในทันที

แต่ว่า ดูสีหน้าของสิงอวี้เซิงแล้วนั้นอาจเป็นไปได้ว่าคิดว่าเขากลัวจริงๆ ใช่หรือไม่?

หลังจากเดินเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง มู่ฉางถิงกลั้นหายใจอยู่ครึ่งวัน สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบเสียงเบา “ข้าจะบอกเจ้าให้ เมื่อก่อนข้านั้นชอบบ้านผีสิง ชอบเล่าเรื่องผีเป็นที่สุด!เรื่องผีที่ข้าเล่านั่นเรียกได้ว่าจังหวะจะโคนยอดเยี่ยม ตอนฟู่ซีเฟิงยังเป็นเด็กก็หลอนจนต้องจุดตะเกียงนอนเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน ให้ข้าเล่าให้เจ้าฟังดีหรือไม่?”

เมื่อเห็นว่าเขาตั้งใจนำเรื่องเมื่อครู่มาพูดต่อ สิงอวี้เซิงก็เข้าใจได้ในทันที

สิงอวี้เซิงเม้มริมฝีปาก ส่ายหน้าเล็กน้อย จ้องมองเขาด้วยสายตาดำที่สุกใส กล่าว “ไม่ต้อง”

มู่ฉางถิงหัวเราะฮิฮิ “เป็นอย่างไร?กลัวแล้วใช่หรือไม่?”

สิงอวี้เซิงพยักหน้า เอ่ยอย่างเสียไม่ได้ “กลัว”

มู่ฉางถิงกำลังจะหัวเราะเขา แต่ได้ยินสิงอวี้เซิงกล่าวเสริมอย่างเฉยเมย “เพียงแต่ว่า ข้ากลัวว่าเจ้าจะหลอนตกใจเสียเอง”

มู่ฉางถิง “...”

[1] กล้าปีนเสา หมายถึง การทำเพื่อตอบสนองความต้องการของตน และยังหมายถึง การทำเพื่ออยากได้สิ่งหนึ่งมา เช่น ตำแหน่ง หน้าที่ ชื่อเสียงฯ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด