บทที่ 11 มาสร้างเรื่องที่โรงเรียน (1)
บนโต๊ะว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย และชวีกุ้ยเซียงก็นั่งอยู่ข้าง ๆ มองไปยังจัวเซ่าด้วยความลำพองใจ
เมื่อก่อนเวลาที่จัวเซ่าและจัวถิงไม่เชื่อฟัง ชวีกุ้ยเซียงก็จะชอบลงโทษด้วยการให้พวกเขาอดอาหาร ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการจะใช้วิธีนี้อีกครั้ง
จัวเซ่าหันไปยิ้มให้ชวีกุ้ยเซียง
เมื่อชวีกุ้ยเซียงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของจัวเซ่าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จากนั้นก็มองไปยังจัวเซ่าด้วยความระแวดระวัง “แกจะทำอะไร ?”
“รู้ไหมว่าเมื่อเช้าผมเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาได้ยังไง?” จัวเซ่าเอ่ยถาม
ไม่ใช่ว่าฉันลืมปิดประตูตู้เองอย่างนั้นเหรอ? ชวีกุ้ยเซียงมองไปยังจัวเซ่าด้วยความงุนงง จากนั้นเธอก็เห็นจัวเซ่าเดินเข้าไปในครัว ไม่รู้ว่าเขาจะทำบ้าอะไร แต่ต่อมาจัวเซ่าก็ปลดล็อคกุญแจที่ล็อคตู้ออกมาแขวนไว้ที่ประตูตู้
ชวีกุ้ยเซียงมองไปยังจัวเซ่าด้วยความตกตะลึง “แกสะเดาะกุญแจได้?!”
“ใช่แล้ว ผมสะเดาะกุญแจได้” จัวเซ่าเอ่ย “ป้าไม่ทำอาหาร คิดว่าผมจะทำเองไม่ได้หรือไง?”
จัวเซ่าพูดพลางหยิบผักดองกับอาหารจานเนื้อออกมาจากตู้
ชวีกุ้ยเซียงรีบร้อนอยากจะเอาเรื่องนี้ออกไปโพนทะนาจะแย่ แต่กลับโดนจัวเซ่าร้องทักขึ้นมา “ป้าสะใภ้อยากจะเอาเรื่องที่ผมสะเดาะกุญแจแล้วขโมยของออกจากตู้ไปเล่าให้คนอื่นฟังงั้นเหรอ?”
“ก่อนจะไปป้าควรจะคิดให้ดีก่อนนะว่าจะมีใครเชื่อเรื่องนี้หรือเปล่าน่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่จัวเซ่าพูด ฝีเท้าของชวีกุ้ยเซียงก็ชะงักทันที เวลานี้จัวเซ่าก็เอ่ยเสริมอีกประโยค “อีกอย่างป้าอยากจะไปพูดว่าผมขโมยอะไรไปล่ะ? ขโมยผักดองไปกินงั้นเหรอ? ให้คนอื่นได้รู้ว่าแม้แต่ผักดองป้าก็ยังไม่ให้ผมกิน ป้าไม่รู้สึกขายหน้าบ้างหรือไง จัวเจียเป่าคงรู้สึกขายหน้าแย่!”
ชวีกุ้ยเซียงในตอนนี้แทบทนไม่ไหวอยากเอาเล็บไปข่วนหน้าจัวเซ่าเสียให้ได้
แต่จัวเซ่ากลับยังรู้สึกไม่พอใจ ยังคงเอ่ยยั่วโมโหชวีกุ้ยเซียง “จากนี้ไปป้าก็ปฏิบัติกับผมดี ๆ ให้กินให้ดื่มของที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นผมก็จะไปหาคณะกรรมการในพื้นที่ ไปหาอาจารย์ ไปแจ้งความ ยังมีพวกเพื่อน ๆ ของจัวเจียเป่าอีก ผมก็จะไปบอกกับพวกเขาว่าแม่ของจัวเจียเป่าไม่ให้ข้าวผมกินสักชาม”
“ไอ้เด็กสารเลว แกรอก่อนเถอะ!” ชวีกุ้ยเซียงมองไปยังจัวเซ่าด้วยความเกรี้ยวกราด
แต่จัวเซ่ากลับมองเธอด้วยความสงบนิ่ง
ครั้งนี้จัวเซ่าไม่ได้ยุ่งกับมีด แต่ชวีกุ้ยเซียงกลับรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าตอนที่เขาจับมีดเสียอีก
ตั้งแต่ต้นชวีกุ้ยเซียงก็ไม่ได้อยากเลี้ยงจัวเซ่าและจัวถิง
สองคนนี้ไม่มีญาติคนอื่นอีกเหรอ? ทำไมต้องให้พวกเขาเลี้ยงด้วยล่ะ?
สำหรับเงินที่พ่อแม่ของจัวเซ่าเหลือทิ้งไว้...เงินเหล่านั้นเป็นเงินของตระกูลจัวเก่า แน่นอนว่าต้องมอบให้กับลูกชายของเธอ ลูกชายของเธอซึ่งเป็นลูกชายคนโตและหลานคนโตของตระกูลจัว
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ชวีกุ้ยเซียงก็หวังว่าเธอจะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ เรื่องอื่นก็ให้คนอื่นทำไป
แต่เพราะจัวหรงหมิงอยากจะได้หน้า เขารับเอามรดกของพ่อแม่จัวเซ่ามา คงพูดว่าจะไม่เลี้ยงจัวเซ่าและจัวถิงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องพาเด็กทั้งสองกลับบ้าน
คนก็พามาแล้ว ชวีกุ้ยเซียงก็ทำได้เพียงต้องยอมรับ จากนั้นก็ทิ้งจัวเซ่าและจัวถิงไปซะ
ในตอนแรกแผนของชวีกุ้ยเซียงคือให้จัวเซ่าเรียนจนจบมัธยมต้น และให้เขาออกไปทำงานในโรงงานที่มีอาหารและที่พักให้ จัวถิงสามารถอยู่ได้อีกสองสามปี ถึงตอนนั้นยังเรียกสินสอดทองหมั้นได้อีก
อำเภอของพวกเขาไม่ใส่ใจเรื่องสินสอด แต่สามารถให้จัวถิงไปแต่งงานในชนบทได้ไม่ใช่เหรอ?
ถึงเด็กนี่จะพิการแต่ก็หน้าตาดี ความพิการเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนั้นไม่ได้มีผลอะไรกับการใช้ชีวิด และหลาย ๆ คนก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ
เธอคิดว่านี่เป็นเรื่องดีมากจริง ๆ ทว่าเมื่อผ่านไปเพียงปีเดียว จัวเซ่าก็เริ่มไม่เชื่อฟัง
ถ้ายังปล่อยให้จัวเซ่าอยู่ที่บ้านต่อไป ก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีกบ้าง เขาขโมยของจากในบ้านของเธอจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?
ไม่สิ มันไม่ใช่แค่การขโมยของ...เห็นที่เขาใช้มีดในวันนั้นแล้ว เขาอาจจะทุบตีหรือฆ่าพวกเขาได้เลยด้วยซ้ำ!
ยิ่งชวีกุ้ยเซียงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น และเธอก็ยิ่งเกลียดจัวเซ่ามากขึ้นเช่นกัน
จัวเซ่ากลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เขาพาจัวถิงมาทานอาหารด้วยกัน
ในชีวิตก่อนจัวเซ่ากับชวีกุ้ยเซียงทะเลาะกัน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนชวีกุ้ยเซียงก็ไปโวยวายหาเรื่องเขา
ในเวลานั้นชวีกุ้ยเซียงพูดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจว่าจะไม่ให้จัวเซ่าเรียนต่อมัธยมปลาย เขาโกรธมากจนทะเลาะกับชวีกุ้ยเซียงอย่างหนักและขอเงินจากเธอ จากนั้นสองวัน ชวีกุ้ยเซียงก็ไปที่โรงเรียนและใส่ร้ายว่าเขาขโมยเงินไป...
ครั้งนี้เรื่องนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งไหมนะ?
จัวเซ่าคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนี้และหัวเราะออกมาเบา ๆ
วันรุ่งขึ้นจัวเซ่าตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พบว่าในห้องครัวไม่มีข้าวอยู่เลยแม้แต่น้อย ส่วนห้องนอนของชวีกุ้ยเซียงและจัวหรงหมิงกลับปิดประตูแน่น
ที่จริงแล้วจัวเซ่าก็ไม่ค่อยจะเข้าใจชวีกุ้ยเซียงนัก
หากเขาเป็นชวีกุ้ยเซียง คงจะเลี้ยงตนและจัวถิงดี ๆ เป็นแน่...ส่วนจัวเจียเป่าเป็นพวกไม่เป็นโล้เป็นพาย ถ้าชวีกุ้ยเซียงดีต่อเขากับจัวถิง ในอนาคตเมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จแล้วก็สามารถดึงจัวเจียเป่าขึ้นมาได้เช่นกัน
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย...ก็มีเงินช่วยเหลือนักเรียนยากจนและเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาไม่ใช่เหรอ? เขากับจัวถิงนั้นไม่ได้รู้เรื่องเงินของพ่อแม่เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าชวีกุ้ยเซียงจะได้รับเงินไปมากมาย พวกเขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ดี
แต่ชวีกุ้ยเซียงกลับมาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องอาหารการกิน
วันนี้จัวเซ่าไม่ได้ทำเสียงดังในบ้าน ไม่ได้พยายามที่จะเปิดเข้าไปในห้องนอน เขาเพียงเดินลงไปที่ห้องชั้นล่างและเคาะประตูห้องที่อยู่ชั้นล่าง
เมื่อวานที่มีเรื่องเอะอะโวยวายในตอนกลางวัน เขาสังเกตเห็นคนที่ไม่ค่อยจะลงรอยกับชวีกุ้ยเซียงนักอาศัยอยู่ที่นี่
ด้วยนิสัยของชวีกุ้ยเซียง การจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนักกับเพื่อนบ้านชั้นล่าง...เป็นเรื่องปกติมาก
ผู้อยู่อาศัยในอาคารนี้ ในแต่ละชั้นจะเป็นแบบสองห้องที่ประตูอยู่ตรงข้ามกัน บ้านที่อยู่ตรงข้ามห้องจัวหรงหมิงได้ย้ายออกไปนานแล้ว
“จัวเซ่าเองเหรอ...มีเรื่องอะไรล่ะ?” จัวเซ่าเคาะเพียงสองสามครั้งก็มีคนจากบ้านชั้นล่างเปิดประตูออกมา มองมายังจัวเซ่าด้วยความสงสัย
“คุณป้าครับ นี่เป็นหนังสือที่พ่อแม่ของผมซื้อให้ก่อนที่พวกท่านจะเสีย ผมขอแลกหนังสือเล่มนี้กับของกินหน่อยได้ไหมครับ?” จัวเซ่าได้มอบชุดหนังสือเรื่องราวห้าพันปีให้กับเธอ
หนังสือชุดนี้ประกอบไปด้วยหนังสือสองสามเล่ม ราคารวมประมาณห้าสิบหยวน เพียงพอที่จะแลกอาหารนิดหน่อย เพียงแต่...เด็กคนนี้อยากจะแลกหนังสือกับอาหารจริง ๆ น่ะเหรอ?