บทที่ 10 อดีตของเหลียงเฉิน (1)
จัวเจียเป่าโตกว่าจัวเซ่าอยู่หลายปี ก่อนหน้านี้เขาสามารถเอาชนะจัวเซ่าได้เพราะอายุที่มากกว่าและขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเสมอ
แต่ตอนนี้เรื่องมันกลับตาลปัตรไปหมด
ก่อนที่จัวเซ่าจะติดคุกในชีวิตก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นนักเลง เขาก็พึ่งเพียงความโหดและสร้างความหวาดกลัว แต่เขาไม่รู้วิธีการต่อสู้ และหลังจากที่เขาติดคุกก็ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายจากในคุก
ต่อยตีคนอย่างไร ต่อยตรงไหนจะเจ็บกว่ากัน…ในตอนที่อยู่ในคุก เขาไม่อาจสงบใจได้เลยแม้แต่น้อย เขาทำได้เพียงต้องศึกษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้เท่านั้น
ตอนนี้เขาก็ต้องชิงลงมือก่อน
หลังจากที่จัวเซ่าเตะจัวเจียเป่าไปแล้วหนึ่งที เขาก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ต่อยจัวเจียเป่าเข้าไปอีกหมัดเป็นการทักทาย
จากนั้นจัวเซ่าก็ยังคงรัวหมัดต่อไป ทำให้จัวเจียเป่าเจ็บปวดมากกว่าปกติ แต่เมื่อต่อยจนพอใจแล้วก็ยังไม่มีใครมาพบเห็นเรื่องนี้
จัวเจียเป่าในตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มเล่นการพนัน แต่ติดเกมคอนโซลที่เล่นตามข้างทาง นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขายอมย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่คนเดียว หากยังอาศัยอยู่กับชวีกุ้ยเซียง เขาจะสามารถออกไปเล่นเกมทุกคืนได้อย่างไรกัน?
และเพราะการติดเกมแบบนี้ ทำให้เขาไม่ยอมทำงาน กลางวันกลางคืนกลับตาลปัตรไปหมด…แม้จัวเจียเป่าจะอ้วน แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรง ร่างกายอ่อนแอมาก
ไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากนัก จัวเซ่าก็สามารถจัดการจัวเจียเป่าจนล้มลงไปได้ เขาหยิบก้อนอิฐที่มีความแหลมคมขึ้นมาก้อนหนึ่ง ชี้ไปที่หน้าของจัวเจียเป่าอยู่หลายครั้ง “จัวเจียเป่า ถ้านายยังมายุ่งกับฉันอีก ฉันจะทำให้ตาของนายหลุดออกมาซะ”
จัวเจียเป่าหลับตาลงทันที ไขมันบนใบหน้าสั่นเทาและอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
จัวเซ่าใช้มืออีกข้างหนึ่งตะปบปากของจัวเจียเป่าแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “นายอย่าตะโกนจะดีกว่านะ เพราะถ้าฉันลงมือขึ้นมาปากนายจะแตกเอาได้”
จัวเจียเป่าหุบปากของเขาลงอีกครั้ง
จัวเซ่าหัวเราะเบา ๆ ใช้มือคลำไปทั่ว พบเงินสามสิบหยวนอยู่ในกระเป๋าของจัวเจียเป่า
เดาว่านี่คงเป็นเงินที่จัวเจียเป่าจะเอาไปเล่นเกมหลังจากนี้ แต่ตอนนี้…เขาจะยอมรับเงินนี่ไปด้วยความยินดีเลย
ครอบครัวของจัวหรงหมิงเป็นพวกคนพาลที่รักความสบาย กลัวความยากลำบาก ในชีวิตก่อนหลังจากที่เขาไม่ได้ไปเรียนและกลายเป็นอันธพาล จัวเซ่าก็จัดการกับครอบครัวนี้ จัวเจียเป่าก็ถูกเขาซ้อมอยู่หลายครั้งเช่นกัน การทำเรื่องนี้ในตอนนี้ บอกได้เลยว่าเขารู้ทางหนีทีไล่ดี
“แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้านะ” จัวเซ่าเอ่ยก่อนจะเดินจากไป ทิ้งจัวเจียเป่าเอาไว้ตรงนั้น
หลังออกจากพื้นที่รอการรื้อถอนนี้แล้ว ด้านนอกก็มีผู้คนเข้าออกเป็นระยะ ๆ จัวเซ่ากำลังวางแผนที่จะไปโรงเรียนประถมอย่างรวดเร็ว และไม่ต้องการพบคนรู้จักระหว่างทางที่ไปอีก
เหลียงเฉินเพื่อนร่วมโต๊ะของจัวเซ่าถูกคนในซอยหลายคนขวางเอาไว้ คนพวกนั้นกำลังรื้อค้นกระเป๋าของเขา เอาขนมในกระเป๋าของเขาออกมาใส่ถุงพลาสติก
“พวกนายกำลังทำอะไรกัน?” จัวเซ่าขมวดคิ้วเข้าหากันและเอ่ยถามออกไป เขาไม่รู้จักพวกคนที่กำลังล้อมเหลียงเฉิน แต่เห็นว่าคนพวกนั้นสะพายกระเป๋าเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ายังเป็นเด็กนักเรียนอยู่ ดูจากอายุ คงจะเป็นนักเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นเป่ยเหมิน
“จัวเซ่า?” มีคนหันมามองและจำจัวเซ่าได้
คราวนี้ชัดเจนแล้วว่าคนพวกนี้เป็นเด็กโรงเรียนมัธยมต้นเป่ยเหมิน
สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน...จัวเซ่าจำได้ว่าเหลียงเฉินมักจะถูกแกล้งที่โรงเรียนตลอด
“พวกนายกำลังปล้นเพื่อนร่วมชั้นงั้นเหรอ คืนของให้เหลียงเฉินซะ ไม่งั้นฉันจะไปฟ้องอาจารย์!” จัวเซ่าเอ่ย
“จัวเซ่า นายบ้าไปแล้วเหรอถึงได้มาช่วยไอ้อ้วนนี่!” หัวหน้ากลุ่มเอ่ยขึ้น “ลืมไปแล้วเหรอว่าสมัยอยู่ประถมเขาเป็นยังไง?”
แน่นอนว่าจัวเซ่าจำไม่ได้ว่าเหลียงเฉินเป็นอย่างไรในตอนที่อยู่ชั้นประถม คนคนนี้ไม่เคยอยู่ห้องเดียวกับเขา ทั้งเขายังไม่ชอบเข้าสังคม จะไปสนใจเรื่องคนอื่นได้อย่างไรกัน?
หากจะให้พูด มันก็ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว!
“ฉัน...ฉัน…” เหลียงเฉินสั่นและมองที่จัวเซ่าด้วยความกลัว
เขามีความสุขมากที่ตอนนี้จัวเซ่าออกหน้าแทน แต่สิ่งที่คนคนนี้พูดทำให้เขากังวล เพราะกลัวว่าจัวเซ่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต...
เขายอมที่จะโดนกระทืบ ดีกว่าที่จะให้จัวเซ่าเกลียดตนเมื่อรู้เรื่องพวกนี้เข้า
“ตอนประถมเขาจะเป็นยังไงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน?” จัวเซ่าคิดว่าเหลียงเฉินกลัวพวกที่มาปล้นตน จึงขมวดคิ้วใส่คนพวกนั้นและพูดกับคนเหล่านั้นว่า “ฉันรู้แค่ว่าจะแกล้งเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้”
ถ้าวันนี้เหลียงเฉินไม่ได้ถูกขวางอยู่ที่นี่ จัวเซ่าคงไม่ได้ออกโรงดูแลเขา แต่ตอนนี้คนที่กำลังถูกรังแกก็คือเหลียงเฉิน
ไม่ต้องพูดถึงประโยชน์ที่ได้รับจากเหลียงเฉินในชีวิตก่อน ในช่วงสองวันที่ผ่านมาตั้งแต่เขาได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ก็ได้เหลียงเฉินช่วยเหลือเอาไว้มากมาย นี่ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะช่วยเหลียงเฉิน
“จัวเซ่า นี่นายจะช่วยเจ้าอ้วนนี่จริง ๆ เหรอ!” หัวหน้าแก๊งมองไปยังจัวเซ่าด้วยความประหลาดใจ “นายไม่รู้เหรอว่าเขาสกปรกมากน่ะ? เขาไม่ได้อาบน้ำเป็นเวลานาน มีเหาบนหัว เสื้อผ้าก็ไม่ได้ซัก น่าขยะแขยงจะตายไป!”
“เหลียงเฉินน่าสะอิดสะเอียนจะตายไป เขายังป้ายน้ำมูกของตัวเองไปทั่วอีก!”
“สภาพเหมือนคลานออกมาจากกองขยะ!”
คนที่ขวางเหลียงเฉินเอาไว้พูดเอาเองอยู่ฝ่ายเดียว แต่ศีรษะของเหลียงเฉินกลับกดต่ำลงเรื่อย ๆ เขาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ที่คนคนนี้พูดออกมาล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น
แม่ของเขาเสียชีวิตจากอาการตกเลือดในตอนที่เขาเกิด และหลังจากที่พ่อของเขาจัดการงานศพของแม่เรียบร้อยแล้ว พ่อของเขาก็มักจะไปทำงานนอกสถานที่และจะกลับมาในช่วงตรุษจีน
เขาใช้ชีวิตอยู่กับคุณย่ามาตั้งแต่เด็ก ต่อมาในตอนที่เขาอายุได้เจ็ดขวบ คุณย่าก็จากไป...
พ่อของเขาซึ่งเกือบจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขากลับมาในตอนที่คุณย่าป่วยหนัก หลังจากงานศพของคุณย่า พ่อของเขาก็จ้างคนมาดูแลเขาและจ่ายเงินให้ลูกจ้างทุกเดือน
คนดูแลคือเพื่อนบ้านของเขา ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของคุณย่าที่เห็นเขาเติบโตขึ้นมาและเห็นพ่อของเขาเติบโตขึ้นมาเช่นกัน
ทีแรกคนคนนี้ก็ใจดีต่อเหลียงเฉิน หลังจากได้รับเงินจากพ่อของเหลียงเฉินแล้วก็เตรียมอาหารให้สามมื้อ หรือบางครั้งก็ปล่อยให้เหลียงเฉินกินข้าวที่บ้านของเขาเอง อีกทั้งยังช่วยซักเสื้อผ้าและพาไปโรงเรียน...