บทที่ 1: ความตายของผู้ข้ามมิติ
[ลองเปิดใจอ่านถึง 50 ก่อนนะครับ เดี๋ยวจุดไหนไม่เข้าใจก็คอมเมนต์ถามได้ แล้วก็บางช่วงจะมีอธิบายท้ายตอนให้นะครับเผื่องง]
บทที่ 1: ความตายของผู้ข้ามมิติ
"วันนี้ก็วันที่ห้าแล้ว... ต้องออกไปข้างนอกแล้วล่ะ"
ผมพึมพำกับตัวเองเป็นครั้งที่เก้า
ผมข้ามเวลามาในอนาคต ปีนี้คือปี 2028
ที่นี่ยังเป็นโลกอยู่งั้นเหรอ? ทำไมผมถึงคิดแบบนั้นน่ะเหรอ?
ก็เพราะว่าจากหน้าต่างห้องที่ผุพังนี่ มองจากตรงนี้ออกไปจะเห็นถนนข้างนอก มีตัวอักษรภาษาอังกฤษเต็มไปหมด ผมจำได้ว่ามีคำว่านิวยอร์กโผล่มาบ่อย ๆ แถมยังมีคำว่าเซาท์บรองซ์อีกต่างหาก
ใช่แล้ว ผมข้ามเวลามาอยู่ในย่านเซาท์บรองซ์ของนิวยอร์ก เป็นแหล่งเสื่อมโทรมขึ้นชื่อของที่นี่เลยล่ะ
ผมข้ามเวลามาแบบที่วิญญาณของผมไปเข้าร่างคนอื่น ซึ่งเจ้าของร่างเดิมเป็นชาวเอเชีย แต่ปัญหาคือ
ผมไม่ได้ความทรงจำของเขามาเลยสักนิด ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนาม หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ เลย
จากการสำรวจห้องพัก ผมเดาว่าเจ้าของร่างเดิมคงอายุไม่มากนัก น่าจะราว ๆ คราวเดียวกันกับผมตอนก่อนข้ามเวลามา คือยี่สิบต้น ๆ
เจ้าของร่างเดิมนั้นยากจนมาก ห้องพักโทรมสุด ๆ แถมในห้องแทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย นี่ก็ปี 2028 แล้วนะ แต่เขากลับไม่มีแม้แต่โทรศัพท์ จนผมต้องแอบมองป้ายโฆษณาข้างนอกถึงรู้ว่าตอนนี้เป็นปีอะไร แล้วช่วงนี้เป็นช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯพอดี เลยมีป้ายโฆษณาเต็มไปด้วยข้อมูลของผู้สมัคร
ถ้าแค่จน ก็คงไม่เป็นอะไรหรอก มีชีวิตใหม่อีกครั้งทั้งที ผมคงไม่เรื่องมากหรอกนะ
แต่ปัญหามันอยู่ที่เจ้าของร่างเดิมไม่ใช่แค่จน แต่ยังติดยาอีก!!
ร่างกายนี่ผอมแห้งเนื้อติดกระดูก ไม่พอแขนยังเต็มไปด้วยรอยเข็มฉีดยา แค่ขยับตัวนิดหน่อยผมก็หอบแล้ว ส่องกระจกดู เห็นเบ้าตาโหล หน้าซีดเซียว เหมือนคนใกล้จะตายแล้ว
ผมแทบอยากจะฆ่าตัวตายซะ! ให้รู้แล้วรู้รอด
เอาก็เอา!
ถึงร่างกายอ่อนแอจะตาย ผมก็ทนได้ ค่อย ๆ ใช้ความมุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงตัวเองเอาก็ได้ ผมข้ามเวลามาแบบวิญญาณเข้าร่าง ผมเองก็ไม่เคยมีนิสัยเสีย ๆ พวกนี้ คงมีแค่ร่างกายที่ต้องทนกับอาการขาดยาให้ได้ แต่ใจผมไม่เคยติด ถ้าตั้งใจจริง ผมไม่มีทางกลับไปทำเรื่องแบบนั้นอีก
ถ้ามีแค่นี้ ผมก็ทนได้ แต่มันไม่ได้มีแค่นี้น่ะสิ!
ตั้งแต่ผมข้ามเวลามาก็มีคนมาเคาะประตูไม่หยุด ทั้งคนดำ คนขาว คนเอเชีย หน้าตาดูไม่น่าไว้ใจสักคน ส่วนใหญ่เป็นพวกติดยาผอมแห้ง กับพวกอันธพาล แต่ที่น่ากลัวที่สุดเลยคือในนั้นมีพวกแก๊งมาเฟียด้วย แก๊งมาเฟียจริง ๆ นะ
ทำไมผมถึงมั่นใจน่ะเหรอ?
ผมขอสาบานด้วยรูกระสุนที่เพิ่งโผล่มาบนประตูห้องผมนี่เลย ถ้าไม่ใช่พวกแก๊งมาเฟียแล้วมันจะเป็นใครได้อีกล่ะ!
ผมเป็นแค่เด็กจบใหม่ธรรมดา ๆ จากประเทศจีน ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับแก๊งมาเฟียที่ไหนมาก่อนในชีวิต!
คนจีนธรรมดา ๆ อย่างผม ไม่ว่าจะยาเสพติด ปืน แก๊งมาเฟีย มันดูเป็นเรื่องไกลตัวผมสุด ๆ เหมือนตอนที่เถียงกับคนในเน็ตเรื่องการเมืองนั่นแหละ
ผมเลยกลัวจนไม่กล้าออกไปไหน ไม่กล้าแม้แต่จะตอบคำถามคนที่อยู่หน้าประตูห้องด้วยซ้ำ หลังจากข้ามเวลามา ผมก็อาศัยขนมปังไม่กี่ชิ้นประทังชีวิต กระหายน้ำ ก็ดื่มน้ำประปา หิว... ก็ปล่อยให้หิวไป ทนแบบนั้นมาสี่วันแล้ว จนตอนนี้ผมทนไม่ไหวแล้ว ต้องออกไปข้างนอกแล้ว!
"เจอเงินอยู่หกเหรียญสามสิบห้าเซ็นต์ ไม่รู้ว่าค่าครองชีพที่นี่เป็นยังไง แต่คงพอซื้อของกินได้บ้าง ออกไปก่อนแล้วค่อย... คิดต่อไป"
ผมมีความคิดมากมาย ผุดขึ้นมาในหัว เช่น กลับไปประเทศจีน โดยเฉพาะบ้านเกิดผมที่ฉงชิ่ง ผมอยากรู้ว่าตัวผมในโลกนั้นจะยังอยู่ไหม พ่อแม่ของผมยังอยู่หรือเปล่า ผมข้ามเวลามาอนาคตจริง ๆ หรือว่าข้ามมาโลกคู่ขนานกันแน่ ผมอยากรู้คำตอบทั้งหมด
ก่อนข้ามเวลามา ผมเป็นเจ้าชายนิทรา ตอนอายุ 23 เพิ่งเรียนจบ กำลังไปสัมภาษณ์งานก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
หลังจากนั้นผมก็ขยับตัวไม่ได้ แม้แต่เปลือกตาจะกระพริบก็ยังทำไม่ได้ แต่แปลกที่ผมยังรู้สึกตัวยัง ได้ยินเสียงคนรอบข้างคุยกัน รู้สึกถึงการมีอยู่ของร่างกาย แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย หมอบอกกับพ่อแม่และน้องสาวของผมว่า อาการแบบนี้คือเจ้าชายนิทรา โอกาสที่จะฟื้นมีน้อยมาก
ผมทรมานอยู่ในความมืดมิดแบบนั้นมานานกว่าครึ่งปี จนกระทั่งมีแสงสว่างปรากฏขึ้น ผมก็พุ่งเข้าหาแสงนั้นโดยไม่รู้ตัว แล้วก็ข้ามเวลามาอยู่ในร่างของหนุ่มเอเชียคนนี้
ที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ ทุก ๆ เจ็ดสิบสองชั่วโมง ผมจะข้ามเวลากลับไปได้ แต่พอกลับไปก็ยังติดอยู่ในร่างเจ้าชายนิทราเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการตายแล้ว... ไม่สิ การถูกขังอยู่ในความมืดมิด แต่ได้ยินแต่เสียงรอบข้าง มันน่ากลัวยิ่งกว่าความตายซะอีก!
(มีปริศนามากมายเหลือเกิน ทำไมผมถึงข้ามเวลาได้? แถมยังข้ามมาอนาคตอีก... เอาล่ะ ตอนนี้ต้องหาทางเอาชีวิตรอดให้ได้ก่อน แล้วค่อยกลับไปดูที่ฉงชิ่ง!)
ผมคิดถึงแผนการในระยะยาว แต่ตอนนี้ต้องเผชิญกับการออกไปข้างนอกมากกว่า... ในเมืองที่เต็มไปด้วยแก๊งอันธพาล ผู้ค้ายา โจรขโมย และเหตุการณ์ยิงกันบ่อยครั้ง สำหรับผมแล้วมันไม่ต่างอะไรกับสนามรบเลย!
ผมแนบหูกับประตู ฟังเสียงความเคลื่อนไหวข้างนอก หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไร ผมก็ค่อย ๆ เปิดประตู แล้วลอบออกไป
ข้างนอกห้องเป็นทางเดินอะพาร์ตเมนต์โทรม ๆ พื้นเป็นไม้ เดินทีไรก็มีเสียงดัง แถมแสงสว่างในทางเดินก็สลัว ๆ แต่ละชั้น มีหลอดไฟแค่ดวงเดียว เป็นหลอดไฟแบบเก่าที่ให้แสงสีเหลือง ไม่รู้ว่าเก่าจนเสียหรือเปล่า หลายชั้นไฟก็กระพริบ ๆ
เห็นแบบนี้แล้วขนลุกเลย อะพาร์ตเมนต์เก่า ๆ แบบนี้มันเหมือนฉากในหนังผีสยองขวัญชัด ๆ
แต่ตอนนี้ผมหิวจนตาลายแล้ว คงไม่สนใจอะไรมาก อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครในทางเดิน ผมรีบวิ่งลงไปที่ทางออกชั้นล่าง
พอผมวิ่งมาถึงประตูอะพาร์ตเมนต์ จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่ข้างหลัง ความรู้สึกขนลุกซู่ที่หลังคอ ผมหันไปมองโดยไม่รู้ตัว แต่ทางเดินข้างหลังกลับมืดสนิท ไฟทุกชั้นตั้งแต่ชั้นสี่ที่ผมลงมาดับหมด มีแค่เพียงแสงสว่างจากข้างนอกที่ส่องเข้ามา สายตาผมมองเห็นแต่ความมืดมิด เหมือนปากทางลงนรก
ผมตัวสั่นไปหมด มองไม่เห็นอะไรในความมืด แต่รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองผมอยู่... หรือบางทีอาจจะไม่ใช่คน!
สัญชาตญาณเอาชีวิตรอด ทำให้ผมวิ่งออกไปข้างนอกอะพาร์ตเมนต์ ความกลัวที่ไม่รู้ที่มาทำให้ผมคิดอะไรไม่ออก ร้องเสียงหลงโดยไม่รู้ตัว แต่พอก้าวออกจากอะพาร์ตเมนต์ กำลังจะวิ่งเข้าไปในแสงแดด ก็มีกระถางต้นไม้ร่วงลงมาจากข้างบน หล่นใส่หัวผมอย่างจัง
เสียงดัง "เพล้ง!" เกิดขึ้น หัวผมแตก เลือดอาบ ตัวผมล้มลงไปนอนกองกับพื้น ความมึนงงทำให้ผมเกือบหมดสติ
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเคยโดนรถชนจนเป็นเจ้าชายนิทราหรือเปล่า ผมเลยมีความต้านทานต่ออาการมึนงง หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะความกลัวที่ไม่รู้ที่มาจากด้านหลัง ผมเลยยังไม่หมดสติ ผมพยายามคลานไปยังแสงแดดข้างนอกอะพาร์ตเมนต์ โดยใช้นิ้วมือจิกไปที่พื้น
หางตาผมเหลือบไปเห็นข้างในอะพาร์ตเมนต์ ผมรู้สึกเหมือนเห็นความมืดกำลังไหลบ่าเข้ามา ความมืดในอะพาร์ตเมนต์ตอนนี้ราวกับว่าได้กลายเป็นของเหลว กำลังแผ่ขยายเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว
อย่าให้ความมืดนั้นสัมผัสตัวผมได้!
ผมรู้สึกลึก ๆ ว่าถ้าถูกความมืดนั้นสัมผัสขึ้นมา ผมอาจจะต้องเจอกับอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย ยิ่งกว่าการเป็นเจ้าชายนิทราเป็นหมื่นเท่า!
ผมใช้แรงเฮือกสุดท้าย คลานไปยังแสงแดด ทั้งที่ระยะทางไม่ถึงครึ่งเมตร แต่ผมก็คลานจนเล็บหลุด เลือดไหล และในที่สุด ตอนที่ความมืดอยู่ห่างจากผมไม่ถึงหนึ่งเมตร หัวของผมก็โผล่เข้าไปในแสงแดด ทันใดนั้นผมก็รู้สึกถึงไออุ่นที่แผ่ซ่านลงมา ความรู้สึกขนลุก หนาวสะท้านจากก้นบึ้งของหัวใจเมื่อกี้นี้ ก็ได้หายไป
(รอดแล้ว...)
ตอนที่ผมโล่งใจ ก็มีหน้าต่างบานหนึ่งเปิดออก มือที่เต็มไปด้วยหูดข้างหนึ่งถือโทรทัศน์เก่า ๆ โยนลงมา ทับลงบนหัวของผม เสียงดัง "โครม!" หัวของผมแหลกละเอียด
แล้ว... ผมก็มองเห็นร่างที่แหลกเหลวของตัวเองในมุมมองแปลก ๆ เหมือนว่าผมลอยอยู่เหนือร่างประมาณห้าหกเมตรได้ มองลงมา ผมรู้สึกว่าตัวเองควรจะกลัว สยดสยอง โกรธ หรือตื่นเต้น แต่ตอนนี้ผมกลับไม่มีอารมณ์อะไรเลย แม้แต่ความคิดก็ไม่มี ผมรู้สึกว่า "ตัวตน" ของผมกำลังเลือนหายไป...
แล้ววินาทีต่อมา หรืออาจจะเรียกว่าไม่รู้สึกถึงเวลาด้วยซ้ำ ผมก็ถูกพลังมหาศาลดึงลงมา "ข้างล่าง" อย่างแรง!
ผมเห็นภาพที่น่าตื่นตะลึง เป็นรูปทรงเกลียวขนาดใหญ่ คล้าย ๆ พายุทอร์นาโด หรือพายุไต้ฝุ่น ผมมองเห็นทั้งหมดนี้ในมุมมองที่สูงขึ้น ศูนย์กลางของพายุเกลียวขนาดใหญ่นี้คือโลก ผมถูกดูดเข้าไปในพายุเกลียว ความมืดมิด ความโกลาหล ความว่างเปล่า ผมถูกดึงลงไปเรื่อย ๆ จากบนลงล่าง ไม่รู้ว่าตกลงมาไกลแค่ไหนแล้ว
แล้วผมก็เห็นพื้นดิน พื้นดินสีเทาเข้มสุดลูกหูลูกตา ไกลออกไปมีบางสิ่งที่ใหญ่กว่าดวงดาว ผมมองไม่ชัด ส่วนข้างล่าง ผมกำลังตกลงไปในเมืองนิวยอร์กที่กำลังลุกไหม้...
ในวินาทีนั้นผมก็เข้าใจ
ผมตายแล้ว…
ที่นี่คือโลกหลังความตาย!