ตอนที่ 50 คิดว่าวิชาขยะแบบนี้จะสามารถทำอันตรายต่อข้าได้หรือ?
ตอนที่ 50 คิดว่าวิชาขยะแบบนี้จะสามารถทำอันตรายต่อข้าได้หรือ?
ฉู่เสวียนมองไปที่ฮุยคงซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยหวาดกลัวและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟด้วยสีหน้าสงบ เขานอนอยู่บนหลังคาเพื่อเฝ้าดูการต่อสู้นี้มานานมากแล้ว จะให้เขาเฝ้าดูมันอย่างไร้ประโยชน์ได้อย่างไร?
เขาเห็นแล้วว่า ทุกครั้งที่ฮุยคงเปิดใช้งานค่ายกลปราบปรามปีศาจ จะมีแสงสีทองสว่างวาบออกมาบนร่างกายของเขาครู่หนึ่ง
ซึ่งก็พอจะคาดเดาได้ว่าตราบใดที่ลายมังกรบนร่างกายของเขาถูกทำลายลงไป พลังของค่ายกลปราบปรามปีศาจก็จะลดลงอย่างมาก หรืออาจหายไปทันทีด้วยซ้ำ
แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าจะทำลายค่ายกลปราบปรามปีศาจนั้นได้อย่างไร แต่เขาก็ยังมองเห็นมันได้ด้วยตาของเขาเอง!
“ศิษย์น้อง เจ้าเป็นใคร” ฮุยคงจ้องมองไปที่ฉู่เสวียนอย่างโกรธแค้นและตะโกนถามออกมา
ฉู่เสวียนไม่คิดที่จะตอบอีกฝ่ายแม้แต่น้อย จู่ๆเขาก็โน้มตัวไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ขณะที่เขากำลังพุ่งไปหาฮุยคง ปราณปีศาจก็ได้พุ่งออกมาจากฝ่ามือขวาของเขาทันที ลักษณะของกรงเล็บปีศาจขนาดใหญ่ค่อยๆปรากฏขึ้น
ฮุยคงเคยต่อสู้กับผู้บ่มเพาะนิกายอู๋จี๋มาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นเขาจึงพอจะคาดเดาได้ว่าเทคนิคที่อีกฝ่ายใช้ออกมา เป็นเทคนิคประเภทใด
“กรงเล็บปีศาจอย่างนั้นหรือ? ไร้สาระ คิดว่าวิชาขยะแบบนี้จะสามารถทำอันตรายต่อข้าได้หรือ?” ฮุยคงเยาะเย้ยออกมา เขาเหยียบพื้นแล้วลอยไปทางด้านหลังเอื้อมมือออกไป ทันใดนั้นดาบก็ได้พุ่งกลับมาที่สีข้างของเขาพร้อมที่ใช้ต่อสู้กับฉู่เสวียนต่อ
หลี่ซวนหมิงและหลิวเจิ้งสงในฐานะผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานก็พอจะรู้ถึงพลังของกรงเล็บปีศาจนี้เช่นกัน
วิชานี้เป็นเทคนิคที่ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานใช้ในการโจมตี จะว่าแรงก็แรงจะว่าอ่อนแอก็อ่อนแอ เพราะมันขึ้นอยู่กับผู้ใช้
หากว่าเปิดใช้งานด้วยพลังวิญญาณเพียงอย่างเดียว ก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเทคนิคระดับต่ำเลยก็ว่าได้
ซึ่งตอนนี้ดินแดนที่มีวิญญาณชั่วร้ายเข้มข้นนั้นถูกนิกายสายธรรมทั้งห้ายึดครองไปนานแล้ว
กรงเล็บปีศาจที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยปราณปีศาจก็ไม่แตกต่างไปจากวิชาสร้างรากฐานทั่วไป
“ช้ามาก เขายังแตะมุมเสื้อของฮุยคงไม่ได้ด้วยซ้ำ” หลี่ซวนหมิงแอบถอนหายใจอย่างลับๆ
ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานทั้งสามคนของนิกายเสินกังก็ได้มองดูสถานการณ์นี้เหมือนกัน พวกเขามองไปที่ฉู่เสวียนด้วยสีหน้าเหน็บแนม ทุกวันนี้ยังมีคนใช้กรงเล็บปีศาจอยู่อีกหรือ ล้าสมัยจริงๆ
เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนต้องการเข้าไปช่วย ฮุยคงก็โบกมือเพื่อหยุดพวกเขาเอาไว้ “ไม่ต้อง ปล่อยให้ข้าได้จัดการกับปีศาจตัวน้อยนี้เอง!”
อาการบาดเจ็บเมื่อกี้เกิดจากการลอบโจมตี เขาต้องการล้างความอับอายนี้ด้วยมือของตัวเขาเอง ฮุยคงแทบรอไม่ไหวที่จะแยกหัวของผู้บ่มเพาะนิรนามผู้นี้ออกจากบ่าด้วยดาบของเขา!
ในขณะนี้ ฉู่เสวียนก็ตบแขนเสื้อของเขาทันที ปราณปีศาจได้พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขาจริงๆ
ภายในอึดใจเดียว กรงเล็บปีศาจที่เพิ่งปรากฏขึ้นตรงนั้น บัดนี้ได้ทิ้งไว้แต่ภาพเงา!
การเคลื่อนไหวของมันเร็วเป็นอย่างมาก พริบตาเดียวมันก็ไปปรากฏอยู่อีกทีและคว้าตัวของฮุยคงไว้!
ดวงตาของฮุยคงเบิกกว้างด้วยความตกใจ กว่าจะรู้ตัวกรงเล็บปีศาจก็ได้ตะปบเข้ามาที่ร่างของเขาแล้ว
เขารู้สึกได้ทันทีว่ากระดูกในร่างกายของเขากำลังแตกหัก กระดูกแขนทั้งสองข้างถูกบดขยี้จนมันแหลก!
“อ๊ะ!” ฮุยคงกรีดร้องออกมาเสียงดัง
เสียงกรีดร้องนี้ทำให้หลี่ซวนหมิง, หลิวเจิ้งสงและผู้บ่มเพาะทั้งสามคนของนิกายเสินกังถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
สถานการณ์ได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วพริบตาได้อย่างไร?
เหตุใดฮุยคงถึงถูกกรงเล็บปีศาจนั้นตะปบเอาได้?
เป็นไปไม่ได้!
"เป็นไปได้ไหมว่า ... เขาใช้ปราณปีศาจในการขับเคลื่อนจริงๆ" ดวงตาของหลี่ซวนหมิงขยับ จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าที่แขนเสื้อของฉู่เสวียนยังมีปราณปีศาจหลงเหลืออยู่
“ศิษย์น้องฉู่ใช้ปราณปีศาจในการควบแน่นกรงเล็บปีศาจ ตอนแรกที่เขาใช้พลังวิญญาณออกมา ก็เพื่อทำให้ฮุยคงตายใจ จะได้ผ่อนคลาย และหลังจากที่ฮุยคงผ่อนคลาย เขาก็ฉีดปราณปีศาจเข้าไปทันที ซึ่งจะทำให้กรงเล็บปีศาจเปลี่ยนรูปร่างและเร็วขึ้น! มันยอดเยี่ยมมาก กรงเล็บปีศาจที่ควบแน่นด้วยปราณปีศาจที่เขามีนั้นทรงพลังมาก!” หลี่ซวนหมิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ
หลิวเจิ้งสงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้
ปราณปีศาจ!
ฉู่เสวียนไปได้ปราณปีศาจมาจากไหน?
ฉู่เสวียนจ้องมองไปที่ฮุยคงที่ถูกกรงเล็บปีศาจบีบร่าง จากนั้นเขาก็เปิดใช้งานเชือกยึดวิญญาณอีกครั้ง และฟาดมันไปที่ศีรษะของฮุยคงโดยตรง!
“ให้ตายเถอะ! ข้าจะฉีกเจ้าทั้งเป็น!”
“ลูกปัดเพชร!”
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ฮุยคงรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เขาคำรามออกมาอย่างรุนแรง และทันใดนั้นลูกประคำก็ลอยออกไปกลางอากาศ เชือกที่ร้อยลูกประคำไว้ก็ได้ขาดออก
ลูกประคำขนาดเท่าหัวแม่มือเจ็ดสิบสองลูกนั้นเหมือนกับลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ห่อหุ้มฉู่เสวียนไว้
เห็นอย่างนั้นฉู่เสวียนก็ยื่นมือออกและมีโล่ไม้สีทองปรากฏขึ้นข้างหน้าของเขา
ปัง ปัง ปัง! ลูกประคำกระทบกับโล่ไม้สีทองอย่างแรง จนเกิดเสียงปะทะกันของเหล็กและทองดังขึ้น
โล่ไม้สีทองเริ่มเปลี่ยนรูปร่างอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้แตกหักในทันที เพราะสิ่งเดียวที่สามารถกันการโจมตีของอาวุธเวทย์มนตร์โจมตีระดับสูงได้ คืออาวุธเวทย์มนตร์ป้องกันระดับสูง!
“อาวุธเวทย์มนตร์ป้องกันระดับสูง!” หลิวเจิ้งสงเบิกตากว้าง
ฉู่เสวียนเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐานเมื่อไม่นานมานี้ไม่ใช่หรือ? ไปเอาอาวุธเวทย์มนตร์ป้องกันระดับสูงแบบนี้มาจากไหนกัน ?
ฟริ้ว! จู่ๆ เชือกยึดวิญญาณก็ฟาดไปที่ศีรษะของฮุยคงอีกครั้ง
ทันใดนั้นม่านตาของฮุยคงก็แคบลง เขารีบตะโกนออกมาว่า "เสื้อคลุมวัชระ!"
ในตอนนั้นเสื้อเกราะที่เพิ่งโจมตีอู๋เถิงก็บินเข้ามาขวางหน้าฮุยคงเอาไว้ในทันที
เมื่ออาวุธทั้งสองได้เข้ามาปะทะกัน อาวุธเวทย์มนตร์ระดับกลางของฮุยคงก็ถูกเชือกยึดวิญญาณตัดออกจากกันในทันที มันดูเปาะบางราวกับกระดาษหน้าต่าง
“ช่างเป็นอาวุธเวทย์มนตร์ที่ทรงพลังจริงๆ! ดูเหมือนว่าจะเป็นอาวุธเวทย์มนตร์สร้างรากฐานที่ศิษย์น้องฉู่ได้กลั่นขึ้นมาเอง!”หลิวเจิ้งสงอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
“ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย เร็วเข้า!” ฮุยคงตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว
เขาไม่คาดคิดว่าอาวุธเวทย์มนตร์ระดับสูงอย่างลูกปัดเพชร จะไม่สามารถทำอะไรเจ้าเด็กคนนี้ได้เลย
อาวุธเวทย์มนตร์ระดับกลางอย่างเสื้อคลุมวัชระก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ จนมันฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ
หากเขาถูกเชือกนี้ฟาดมาที่ศีรษะอย่างแรง แม้ว่าจะไม่ตาย แต่เขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน !
ผู้บ่มเพาะของนิกายเสินกังทั้งสามคนรีบเข้ามาล้อมรอบฉู่เสวียนจากสามทิศทางในทันที
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือพวกเราต่างหาก!” หลี่ซวนหมิงเยาะเย้ยออกมา
จากนั้นเขาและหลิวเจิ้งสงก็มายืนขนาบอยู่ทั้งสองข้างของฉู่เสวียน ขวางทางการโจมตีของทั้งสามคนเอาไว้
แม้ว่าหลี่ซวนหมิงจะสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก และอาวุธเวทย์มนตร์ของเขาก็ได้รับความเสียหายจากฝีมือของฮุยคงเช่นกัน และตัวเขาเองก็ยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
แต่เขาที่เป็นถึงอัจฉริยะของนิกายนิกายอู๋จี๋ การรับมือกับผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานธรรมดาๆสองคนนั้น ก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงเขาเลยสักนิด
เมื่อฮุยคงเห็นฉากนี้ ดวงตาของเขาก็แทบจะระเบิดด้วยความโกรธ
ม่านตาของเขาเปิดกว้างด้วยสีหน้าสิ้นหวัง และเขาทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเชือกยึดวิญญาณถูกดึงออกมาอย่างกะทันหัน
“เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ เจ้านายของข้า…” เขาสาปแช่งออกมาด้วยความหวาดกลัว แต่ยังพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำศีรษะของเขาก็ถูกเชือกยึดวิญญาณตัดออกจากบ่าทันที
ศีรษะของเขาได้กระเด็นออกไปไกล เลือดได้พุ่งออกมาราวกับน้ำพุ!
ฉู่เสวียนยื่นมือออกไปเพื่อดึงวิญญาณดิบของฮุยคงออกมาจากร่าง ก่อนจะโยนมันเข้าไปในเชือกยึดวิญญาณ ซึ่งในนั้นก็มีวิญญาณดิบของซุนซืออาศัยอยู่ คาดว่ามันน่าจะพยายามปรับตัวให้เข้ากับเชือกยึดวิญญาณอยู่
แต่เห็นได้ชัดว่าวิญญาณดิบของฮุยคงแข็งแกร่งกว่าซุนซือเป็นอย่างมาก เมื่อทั้งสองแข่งขันกัน ผู้ที่รอดชีวิตก็จะกลายเป็นผู้ควบคุมวิญญาณชั่วร้ายในเชือกยึดวิญญาณนี้ !
การเสียชีวิตของฮุยคงเป็นเพียงหายนะสำหรับผู้บ่มเพาะทั้งสามคนของนิกายเสินกัง
แต่สำหรับหลี่ซวนหมิงและหลิวเจิ้งสงแล้ว มันได้ทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาดีขึ้นมาอีกครั้ง
เวลาไม่ถึงร้อยอึดใจด้วยซ้ำ ผู้บ่มเพาะเสินกังทั้งสามคนก็ถูกฉู่เสวียน, หลี่ซวนหมิง และหลิวเจิ้งสงสังหารลงไปทีละคน!
ห๊า... ทั้งสามคนหอบหายใจออกมา
แต่ก็มีข้อแตกต่างคือ หลี่ซวนหมิงและหลิวเจิ้งสงกำลังหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนือยจริงๆ แต่ฉู่เสวียนแค่แสร้งทำ
ในตอนที่เขาต่อสู้กับฮุยคงนั้น เขายังไม่ทันได้ใช้งานเส้นลวดโลหิตด้วยซ้ำ จึงไม่นับว่าเป็นการเปิดไพ่ตายทั้งหมดออกมา เขาจึงไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าแต่อย่างใด แต่เขาก็ต้องแสร้งทำเป็นว่าเหนื่อยสุดๆ ไม่อย่างนั้นมันจะดูแข็งแกร่งเกินไป
เมื่อสถานการณ์สงบลงแล้ว หลิวเจิ้งสงก็พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น "ศิษย์น้องฉู่! เจ้าอยู่ในขั้นที่เท่าไหร่ของช่วงสร้างรากฐานกัน! ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะอยู่ขั้นที่ 2 ของช่วงสร้างรากฐานแล้วใช่ไหม ?"
หลี่ซวนหมิงมองไปที่ฉู่เสวียนด้วยความสับสน "ศิษย์น้องฉู่ เจ้าซ่อนมันไว้ได้ลึกมาก”
ฉู่เสวียนยิ้มออกมาและพูดว่า "ข้าแค่ซ่อนความแข็งแกร่งของข้าไว้เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายของศัตรู อย่าโทษข้าเลยนะศิษย์พี่หลี่"
หลี่ซวนหมิงพยักหน้าแสดงความเข้าใจ จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "อุปสรรคถูกกำจัดออกไปแล้ว รีบเข้าไปช่วยบรรพบุรุษกันเถอะ"
"รีบไปกันเถอะ" ฉู่เสวียนและหลิวเจิ้งสงตอบรับออกมาอย่างเคร่งขรึม