ตอนที่ 49 เทคนิคลับ ค่ายกลปราบปรามปีศาจ!
ตอนที่ 49 เทคนิคลับ ค่ายกลปราบปรามปีศาจ!
ฮุยคงคำรามออกมา จนกล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาได้ปูดนูนขึ้น ไม่นานมังกรทองที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขาก็ได้พุ่งออกมา
ทันใดนั้น เขาก็ทะยานขึ้นไปเหนือคฤหาสน์หยุนอู๋
เสียงสวดมนต์ของเขาดังก้องจนสะเทือนฟ้าดิน!
ทำให้วิญญาณชั่วร้ายนับหมื่นที่หลั่งไหลออกมาจากธงดำถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยการโจมตีของมังกรทองก่อนที่พวกมันจะเข้าใกล้ฮุยคงได้!
วิญญาณชั่วร้ายที่อ่อนแอกว่าเหล่านั้นไม่สามารถทนต่อการโจมตีของแสงสีทองที่ปล่อยออกมาจากมังกรทองได้ ร่างของพวกมันจึงแหลกสลายหายไปในพริบตา
มังกรสีทองเปล่งแสงสีทองอันสง่างามออกมาปกคลุมทั่วทั้งคฤหาสน์หยุนอู๋
หลี่ซวนหมิง, หลิวเจิ้งสงและอู๋เถิงรู้สึกทันทีว่าพลังงานและเลือดของพวกเขาไหลเวียนไม่ราบรื่น และพลังวิญญาณของพวกเขากำลังถูกปิดกั้น แสงสีทองนี้ทำให้พวกเขาหายใจไม่ออกจริงๆ
ฉู่เสวียนที่นอนอยู่บนหลังคา ก็รู้สึกว่าความเร็วในการใช้เทคนิคหลอมเทพเจ้านั้นช้าลงไปมาก
ส่วนอู๋เถิงก็ตกใจและโกรธเป็นอย่างมาก เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านี่เป็นเทคนิคอะไรกัน
แต่หลี่ซวนหมิงที่เคยต่อสู้กับฮุยคงมาหลายครั้งแล้ว ก็ได้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวนี้ทันที
เขาพูดออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ "ค่ายกลปราบปรามปีศาจอย่างนั้นหรือ เจ้าช่างเชี่ยวชาญเทคนิคพวกนี้จริงๆ!"
หลังจากได้ยินสามคำนี้ หลิวเจิ้งสงและอู๋เถิงก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที เพราะวิชาและเทคนิคต่างๆเกือบทั้งหมดที่วัดจินหลงฝึกฝนนั้น มีไว้เพื่อปราบปรามวิญญาณชั่วร้าย ดังนั้นผู้บำเพ็ญสายมารจึงมักจะประสบกับปัญหาเสมอเมื่อต่อสู้กับนักบวชของวัดจินหลง
และค่ายกลปราบปรามปีศาจนี้ก็เป็นหนึ่งในเคล็ดลับวิชาของวัดจินหลง และไม่ง่ายเลยที่จะฝึกฝนได้สำเร็จ แต่เมื่อฝึกฝนได้สำเร็จแล้ว ก็จะมีพลังมหาศาล ซึ่งพลังในการป้องกันศัตรูนั้นสูงกว่าระดับของผู้บ่มเพาะที่ใช้งานค่ายกลนี้ 1-2 ระดับเลย ซึ่งทั่วทั้งวัดจินหลงนั้น มีผู้บ่มเพาะที่สามารถฝึกฝนค่ายกลปราบปรามปีศาจนี้ได้สำเร็จเพียงหนึ่งหยิบมือเท่านั้น และฮุยคงก็เป็นหนึ่งในนั้น!
ไม่น่าแปลกใจที่เขากล้าต่อสู้หนึ่งต่อสามและยังตะโกนออกมาว่าไม่มีใครสามารถหนีจากน้ำมือของเขาไปได้
กลับกลายเป็นว่าเขามีเทคนิคนี้อยู่ในมือนี่เอง!
บัซ!
แสงสีทองกระทบกับธงสีดำผืนนั้นจนมันมีเสียงร้องโอดครวญดังออกมา สีดำในธงค่อยๆจางลงและแตกร้าว
หลี่ซวนหมิงถึงกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก และต้องเอื้อมมือออกไปเพื่อเรียกธงของเขาคืนมา
สิ่งนี้ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก
ธงนี้เป็นอาวุธเวทย์มนตร์ระดับสูงประจำตัวของเขา ที่มีชื่อว่าธงวายุทมิฬ
วิญญาณชั่วร้ายนับหมื่นที่อยู่ในนั้นคือวิญญาณดิบที่เขาดึงออกมาจากร่างของผู้บ่มเพาะที่เขาฆ่าตาย แต่ผลลัพธ์ก็คือมันไม่สามารถต่อกรกับแสงสีทองนั้นได้เลย ตอนนี้แม้แต่อาวุธเวทย์มนตร์ระดับสูงอย่างธงวายุทมิฬก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก แล้วจะมีอะไรอีกที่สามารถใช้จัดการกับฮุยคงคนนี้ได้?
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ทำไมไม่ใช้อาวุธเวทย์มนตร์และเทคนิคต่างๆ ของเจ้าออกมาอีกล่ะ!” ฮุยคงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่าเขาคิดว่าตนเองกำลังจะชนะ
หลี่ซวนหมิงกัดฟันแล้วพูดว่า "หากช้ากว่านี้พวกเจ้าสองคนคงจะทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบทำการโจมตีด้วยกำลังทั้งหมดที่มีซะ แล้วรีบหลบหนีไป ถึงจะมีโอกาสรอด!"
หลิวเจิ้งสงและอู๋เถิงรีบพยักหน้าทันที
หลิวเจิ้งสงรีบหยิบหอเลี้ยงศพออกมา เมื่อเขายื่นมือออกไป ก็มีแสงสีดำพุ่งออกมาจากหอคอยเลี้ยงศพ มันคือนายพลศพที่เขาแอบทำการฝึกฝนมันมาหลายปี
ทว่าฮุยคงก็แค่เหลือบมองมันและเยาะเย้ยออกมา "ข้าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ถ้ามันเป็นนายพลศพขั้นที่ 3 ข้าคงจะหันดูมันอีกสักสองสามครั้ง แต่มันก็เป็นแค่นายพลศพขั้นที่ 1 เท่านั้น!”
ส่วนอู๋เถิงก็ตบไปที่ไหล่ของเขาในทันที ในตอนนั้นก็มีแมลงยักษ์โผล่ออกมาจากไหล่ของเขา ก้นของมันกระดกขึ้นมา และในตอนนั้นไข่ขนาดเท่าหัวแม่มือก็ออกมาจากก้นของมันมาอย่างรวดเร็ว และฟักเป็นแมลงตัวใสขนาดเล็ก ในชั่วพริบตา มันก็ฟักออกมาหลายพันตัวและมาล้อมรอบอู๋เถิงเอาไว้
ฮุยคงเหลือบมองแล้วเยาะเย้ยออกมาอีกครั้ง "หนอนกินสมองงั้นหรือ? นี่คือไพ่เด็ดของเจ้าแล้วหรือ?"
หลี่ซวนหมิงคำรามออกมาด้วยความโกรธ "แล้วของข้าล่ะ!"
เขาขว้างลูกปัดสีดำเข้าไปทันที
ลูกปัดสีดำระเบิดออกมาขณะที่ยังอยู่กลางอากาศ
ทันใดนั้นแสงสีดำก็ปรากฏขึ้นและปกคลุมคฤหาสน์หยุนอู๋เอาไว้จนหมด
วิญญาณชั่วร้ายได้แพร่กระจายออกไป
จากนั้นแสงสีดำและแสงสีทองก็เริ่มไหลเข้ามาพันกันและต่อสู้กันอย่างดุเดือด
สงผลให้หลี่ซวนหมิงและอีกสองคนที่สัมผัสกับแสงสีทองเป็นเวลานาน ก็ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขาช้าลงอย่างมาก
“ลูกปัดปีศาจก็เอาออกมาใช้แล้ว ไพ่ตายของพวกเจ้าหมดแล้วหรือ!” ฮุยคงหัวเราะออกมาเสียงดัง “พวกเจ้าคิดว่าค่ายกลปราบปรามปีศาจของข้าจะมีพลังแค่นี้อย่างนั้นหรือ?”
หลังจากที่ฮุยคงพูดออกมาแบบนี้ สีหน้าของหลี่ซวนหมิงและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ครู่ต่อมา มังกรสีทองที่อยู่กลางอากาศก็ได้ระเบิดกลายเป็นแสงสีทองปกคลุมไปทั่วบริเวณ ! ทำให้แสงสีดำที่ออกมาจากลูกปัดปีศาจถูกแสงสีทองกลืนกินไปอย่างรวดเร็ว
นายพลศพขั้นที่ 2 ของหลิวเจิ้งสงที่เพิ่งส่งออกไป ก็ถูกแสงสีทองเผาไหมจนมันกรีดร้องออกมา ควันสีดำได้ลอยออกมาจากร่างกายของมัน
ในตอนนี้ผู้บ่มเพาะทั้งสามจากนิกายเสินกังก็ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็ก้าวไปข้างหน้าทันทีและล้อมรอบนายพลศพขั้นที่ 2 เอาไว้
แม้ว่าศพหยินนั้นจะมีผิวหนังที่หยาบและหนา แต่มันก็ไม่สามารถทนการโจมตีของผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานถึงสามคนในเวลาเดียวกันได้
สำหรับหนอนกินสมองเหล่านั้น แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้รับผลกระทบจากแสงสีทองของค่ายกลปราบปรามปีศาจ แต่พวกมันก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ร่างของฮุยคงได้แม้แต่น้อย ซากของหนอนกินสมองกองเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บนร่างกายของฮุยคงก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเลย
“อ่อนแอ อ่อนแอ อ่อนแอ! ช่างอ่อนแอเสียจริงๆ!” ฮุยคงหัวเราะออกมาอย่างดุเดือด เขาเหวี่ยงดาบออกไปจนแยกร่างของฝูงหนอนกินสมองออกเป็นสองส่วน
ครู่ต่อมา จู่ๆ เขาก็ได้ใช้ดาบเพื่อโจมตีอู๋เถิงอีกครั้ง!
อู๋เถิงที่ไม่ทันได้ระวัง จึงไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงที
แม้ว่าศีรษะของเขาจะสามารถหลบคมดาบได้ด้วยสัญชาตญาณ แต่อย่างไรก็ตาม แขนขวาของเขาก็ถูกตัดออกด้วยปราณดาบ!
แม้แต่หนอนกินสมองตัวเมียที่ยืนอยู่บนแขนขวาของเขาก็ถูกคมของดาบแยกร่างออกเป็นสองส่วนในขณะนี้ ราวกับเป็นผลไม้ที่ถูกมีดสับจนกระเด็นไปทั่ว!
หนอนตัวเมียตัวนี้คือหนอนแมลงกู่ที่อู๋เถิงเลี้ยงไว้ ตอนนี้มันได้ตายไปแล้ว อู๋เถิงจึงถูกโจมตีทันที
หัวของเขารู้สึกเหมือนถูกค้อนยักษ์ทุบลงมา เขารู้สึกมึนงงและว่างเปล่า เขาล้มลงกับพื้น ดวงตาเบิกกว้าง และไม่สามารถพูดได้
“ตายซะ!” ฮุยคงตะโกนและฟันดาบของเขาออกมาอีกครั้ง!
ทั้งหลี่ซวนหมิงและหลิวเจิ้งสงไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลืออู๋เถิงได้ทัน พวกเขาทั้งสองได้แต่เฝ้าดูดาบที่พุ่งตรงไปยังร่างของอู๋เถิง
ทว่าในตอนนั้น ก็มีวิญญาณชั่วร้ายวิ่งผ่านเข้ามาราวกับสายฟ้า
จู่ๆ เชือกเหล็กพุ่งตรงเข้าไปที่หลังของฮุยคง!
ฮุยคงรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่กำลังพุ่งมาหาเขา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เขาไม่สนใจที่จะใช้ดาบโจมตีอู๋เถิงอีกต่อไป ก่อนจะหันมาขว้างชามทองคำออกไปด้วยท่าทางสบายๆ เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส
เชือกยึดวิญญาณถูกดึงลงบนชามทองคำ และกำลังจะถูกหลอมละลายลงตรงนั้น แต่ทว่าไม่นานชามทองคำก็แตกออกเป็นสองส่วน
ฮุยคงถูกผลักออกกระเด็นไปไกล เขาจึงคิดที่จะบินหนีไป
ทว่าพลังของวิญญาณชั่วร้ายก็ยังคงติดตามเขาอย่างไม่ลดละ และโจมตีเข้าที่หน้าอกของฮุยคงโดยตรง
แคร็ก..รอยแผลที่ยาวและแคบปรากฏขึ้นบนหน้าอกของฮุยคง เป็นร้อยยาวตั้งแต่ไหล่ซ้ายไปจนถึงเอวขวา
เลือดไหลหยดลงมาเป็นทางยาว!
และที่แย่ไปกว่านั้นคือลายมังกรสีทองบนร่างของฮุยคงก็ได้ถูกทำลายไปด้วยการโจมตีในครั้งนี้เช่นกัน
แสงสีทองที่ปกคลุมท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์หยุนอู๋อ่อนลงอย่างมากในตอนนี้
การแสดงออกของฮุยคงเปลี่ยนไปอีกครั้ง และเขาก็รีบถอยกลับไปมองคนที่เข้ามา
หลี่ซวนหมิงและหลิวเจิ้งสงก็ประหลาดใจเช่นกันและมองไปที่ชายคนนั้น
ทันใดนั้นพวกเขาก็ค้นพบว่าคนที่โจมตีเข้ามาคือฉู่เสวียน!
“ฉู่เสวียน?!” หลิวเจิ้งสงดูประหลาดใจ
ตอนแรกฉู่เสวียนไม่ปรากฏตัว
เดิมทีเขาคิดว่าฉู่เสวียนคงจะออกไปสำรวจรอบคฤหาสน์ แต่เมื่อมาเห็นฮุยคงปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ในสถานการณ์เช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะหลบหนีไปแล้ว
แต่ไม่คาดคิดว่าฉู่เสวียนจะปรากฏตัวขึ้นจริงๆ!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังโจมตีไปที่ร่างกายของฮุยคงอย่างแม่นยำ ทำให้พลังของค่ายกลปราบปรามปีศาจอ่อนแอลง!
คิดได้เช่นนั้นดวงตาของหลี่ซวนหมิงก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
ค่ายกลปราบปรามปีศาจนั้นทรงพลังจริงๆ แต่เพราะว่ามันถูกจารึกไว้บนร่างกาย ดังนั้นจึงไม่สามารถเข้าไปทำลายได้ง่ายๆ แต่เมื่อผิวหนังบริเวณร่างกายได้รับความเสียหาย เส้นต่อต้านความชั่วร้ายก็จะแตกหัก แล้วพลังก็จะลดลงอย่างมาก
หลี่ซวนหมิงรู้ว่าจุดอ่อนของมันอยู่ตรงไหน แต่หลังจากที่ฮุยคงเปิดใช้งานค่ายกลปราบปรามปีศาจขึ้นมาได้ เขาก็ไม่สามารถรับมือกับความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้ จึงไม่มีโอกาสเข้าไปใกล้ตัวฮุยคงได้เลย
แต่ตามหลักเหตุผลแล้ว ฉู่เสวียนไม่น่าจะรู้จุดอ่อนของค่ายกลปราบปรามปีศาจไม่ใช่หรือ แล้วเขารู้จุดอ่อนของมันได้อย่างไร?