ตอนที่แล้วChapter 312 : สึนามิสูง100เมตร – เข้าสู่เมืองบาดาลอย่างเป็นทางการ (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 314 : สึนามิสูง100เมตร – เข้าสู่เมืองบาดาลอย่างเป็นทางการ (5)

Chapter 313 : สึนามิสูง100เมตร – เข้าสู่เมืองบาดาลอย่างเป็นทางการ (4) (ฟรี)


“นอกจากนี้ยังทะเลดำนี่อีก”

“ทะเลดำนี่เป็นแดนลับของที่ไหนกัน? กองพลก่อสร้างน่าจะไม่มีแดนลับชื่อแบบนี้แถมฉันเองก็ไม่เคยได้ยินว่ามีแดนลับที่มีทะเลดำมาก่อนด้วย”

“น่าจะเป็นแดนลับที่อยู่ในการควบคุมขององค์กรอื่นหรือๆไม่ก็เป็นแดนลับไร้ชื่อที่ไม่อยู่ในการควบคุมขององค์กรไหนเลย”

หลินเซวียนสังเกตเห็นคำว่า ‘ทะเลดำ’ ในข้อความเช่นเดียวกันจึงเริ่มทำการอนุมานในทันที

ตอนนี้แดนลับส่วนใหญ่บนโลกล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรต่างๆทั้งนั้นโดยเฉพาะแดนลับมหึมาซึ่งอยู่ในการควบคุมของมหาองค์กรทั้งสิ้น

องค์กรขนาดเล็กและกลางจะแข่งกันครอบครองได้ก็แต่แดนลับขอบเขตที่6หรือต่ำกว่าเท่านั้น

อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมานี้นั้นจู่ๆก็ปรากฏประตูแสงใหม่ๆขึ้นมามากมายดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เลยว่ายังมีแดนลับที่ไม่ถูกค้นพบหลงเหลืออยู่ในสถานที่รกร้างผู้คนอีกกี่แห่ง

และนี่ก็คือหนึ่งในการคาดเดาของหลินเซวียนเช่นเดียวกัน

“ยังมีเวลาอีก19วันกว่าต้นกำเนิดแดนลับจะฝักตัวอย่างสมบูรณ์ ยังมีเวลาอีกเยอะและสิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือเข้าสู่เมืองหลวงของเมืองบาดาล”

หลินเซวียนเทียบทิศทางจากสิ่งต่างๆและว่ายตรงไปยังทิศทางที่ตั้งของเมืองบาดาลในทันที

...

บนเกาะไร้นามบนทะเลจีนตะวันออก

เงาร่างร่างหนึ่งบินผ่านฟากฟ้าและล่อนลงบนเกาะอย่างช้าๆ

เงาร่างของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมาซึ่งมากพอจะทำให้นักสู้ขอบเขตที่8ล่าถอยออกไปตามสัญชาตญาณ

คนที่มานั้นคือชายวัยกลางคนใบหน้าธรรมดาและมีร่างกายสันทัดยิ่งอย่างไรก็ตามคิ้วขนงของเขานั้นเป็นสีเทาไปแล้ว

“ท่านเทียนอวี้!” นักสู้กว่าร้อยคนของทุ่งราบมหาสวรรค์ที่มาที่นี่ทางเรือขนส่งนั้นมีกว่ายี่สิบคนที่รั้งอยู่บนเกาะไร้นามเพื่อช่วยนักสู้ขององค์กรผู้กู้โลกสู้กับเจ้าหน้าที่ของกองพลก่อสร้าง

เมื่อพวกเขาเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้พวกเขาก็รีบพยักหน้าและโค้งคำนับในทันที

เทียนอวี้ ทาคุมิไม่ให้ความสนใจพวกเขาแต่อย่างใดหากแต่เลือกที่จะเดินตรงไปยังประตูแสงสู่แดนลับในทันที

“ไฉพ่อมาหาลูกแล้ว พ่อคิดถึงลูกจริงๆ...” เทียนอวี้ ทาคุมิตอนนี้ดูไม่เหมือนนักสู้ขอบเขตที่9แต่อย่างใด ไม่คล้ายรองผู้นำทุ่งราบมหาสวรรค์ที่อยู่เหนือคนนับหมื่นแต่อยู่ใต้ชาโดว์เพียงคนเดียว  กลับกันด้วยซ้ำเพราะตัวเขาตอนนี้ดูราวกับบิดาผู้สูญเสียจิตวิญญาณและบุตรีเสียมากกว่า

นักสู้ของทุ่งราบมหาสวรรค์ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมา

พวกเขาทำได้เพียงยืนมองดูร่างของทาคุมิจากไป

...

ณ ส่วนลึกที่สุดของแดนลับเมืองบาดาล

ณ ที่นี่นั้นมีความลึกกว่า10000เมตรและทั้งมืดมิด หนาวเหน็บ

อสูรทะเลขนาดใหญ่ที่สุดของทะเลไร้ขอบเขตเองก็อาศัยอยู่ที่นี่เช่นกันหากแต่ตอนนี้ ณ ส่วนลึกสุดของทะเลไร้ขอบเขตที่ซึ่งความมิดเป็นเอกนั้นกลับปรากฏจุดแสงเล็กๆส่องสว่างขึ้นมา

แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจก็คือแสงนั้นกลับเป็นสีดำ

แสงทมิฬ!

ราวกับหลุมดำอันแปลกประหลาดค่อยๆอ้าปากแยกเขี้ยวออกใต้ก้นบึ้งของห้วงสมุทร

กลิ่นอายอันลึกลับ บรรพกาลและไม่อาจอธิบายได้เองก็แพร่กระจายออกมาจากหลุมดำที่ว่า

อสรพิษขนาดใหญ่ที่มีขนาดลำตัวยาวกว่าหนึ่งพันเมตรดูเหมือนจะเกิดความสงสัยใคร่รู้จึงเลื้อยเข้าหาหลุมดำอย่างช้าๆ

ร่างของมันหยุดลงบริเวณชายขอบของหลุมดำหากแต่ก่อนที่จะทันได้เข้าไปใกล้ก็พลันปรากฏรยางค์เหยียดยื่นออกมาจากด้านในหลุมดำและคว้าร่างของอสรพิษยักษ์เอาไว้

อสรพิษตนนั้นไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกลากเข้าไปด้านในเสียก่อนแล้ว

สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือเสียงเคี้ยวบดกระดูกซึ่งทำให้ผู้ฟังต้องหนังหัวชาไปตามๆกัน

อสูรทะเลขนาดมหึมาต่างพากันหวาดกลัวและกระจัดกระจายหลีกลี้หนีห่าง

บริเวณชายขอบของหลุมดำปรากฏหอยสีชพูตัวหนึ่งกำลังกลอบกลืนพลังงานอย่างเมามันส์

ร่างกายของมันขยายขนาดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แสงสีที่ส่องประกายออกมาจากเปลือกหอยนั้นค่อยๆแปรเปลี่ยนจากสีชมพูกลับกลายเป็นแสงเจ็ดสี...

หนึ่งวันครึ่งให้หลัง

“ในที่สุดก็มาถึงเมืองบาดาลซักที” หลินเซวียนถอนหายใจยาวออกมา

เขาว่ายจากทะเลกว้างไกลมาอย่างไร้จุดหมายและแทบจะไม่มีอะไรให้อ้างอิงไปยังเมืองบาดาลเลยซักอย่าง

กระบวนการทั้งหมดนั้นไม่อาจใช้คำว่าน่าตื่นเต้นมาอธิบายได้หากแต่ควรใช้คำว่าสะเทือนขวัญมากกว่า

เขาเจออสูรเข้าโจมตีกว่ายี่สิบครั้งนอกจากนี้ยังเจออสูรทะเลขนาดกว่าร้อยเมตรที่กำลังล่าปลาหมึกยัก์ขนาดกว่าห้าสิบเมตร

ในช่วงเวลาที่แสนอันตรายนั้นเขาหลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแนวปะการังที่อยู่ห่างจากอสูรทะเลนั่นเพียงครึ่งเมตร

ถ้าอีกฝ่ายแกว่งหางเพียงเล็กน้อยมาโดยแนวปะการังเข้าเขาก็คงจะตายทันที

นอกจาอสูรและอสูรทะเลแล้วยังมีซากบาดาลอันน่าสะท้านขวัญเหล่านั้นอีก

ซากบาดาลเองก็เป็นอสูรประเภทหนึ่งเช่นกัน

พวกมันแปรเปลี่ยนก่อร่างมาจากซากศพของอสูรและนักสู้และมีลักษณะนิสัยเฉกเช่นฉลามกระหายเลือด

ภายในรัศมีพันเมตรตราบใดที่ได้กลิ่นเลือดเหล่าซากบาดาลก็จะพากันกรูเข้าไปกลืนกินเลือดเนื้อของเหยื่อราวกับฉลามโหย

หลังจากเหยื่อสิ้นชีพลงพวกเขาก็จะกลายเป็นซากบาดาลตนใหม่

เรื่องราวเช่นนี้เวียนวนเป็นวัฏจักรและจำนวนของซากบาดาลเองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วงที่ผ่านมานี้หลินเซวียนพบกับซากบาดาลมาแล้วกว่าร้อยตน

กระทั่งนักสู้ขอบเขตที่9ก็ยังต้องหนังหัวชาหนึบเมื่อเห็นพวกมัน

เมื่อมองไปยังกลุ่มซากศพกลุ่มใหญ่กลุ่มนี้เขาก็ทำได้เพียงวิ่งหนีหลบลี้และถูกอีกฝ่ายไล่ล่าเป็นเวลานาน

ยังไงก็ตามก็ใช่ว่าเขาจะทำเรื่องไร้สาระไปทั้งหมด

เนื่องจากเขาต้องใช้มุกชมพูจำนวนมากเพื่อหายใจใต้น้ำหรืออาจจะกระทั่งกล่าวได้ว่าพวกมันเป็นค่าเงินตราอันหายากยิ่งในแดนลับแห่งนี้

ดังนั้นหลินเซวียนจึงยกเลิกร่างอวตารทั้งหมดที่กระจายตัวอยู่ตามแดนลับต่างๆด้านนอกเหลือไว้เพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในเมืองสุริยันเท่านั้น

และที่ว่างของร่างอวตารเหล่านี้ก็จะถูกใช้ในการครอบครองร่างของอสูรในเมืองบาดาลเพื่อเปลี่ยนให้พวกมันเป็นร่างอวตารตนใหม่แทน

หลินเซวียนไม่ได้ให้ร่างอวตารเหล่านี้ปกป้องเขาหากแต่กระจายพวกมันออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเสาะหามุกชมพู

เขาเชื่อว่าหลังจากผ่านไปซักพักเขาน่าจะมุกชมพูจำนวนมากผ่านทางร่างอวตารเหล่านี้

ระหว่างการสำรวจที่ทั้งน่าสะพรึงและตื่นเต้นนี้ในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองหลวงของเมืองบาดาล

แดนลับเมืองบาดาลนั้นประกอบไปด้วยชายหาด ทะเลไร้ขอบเขตและเมืองหลวง

หรือหากจะกล่าวว่าเมืองหลวงคือแก่นแกนของแดนลับแห่งนี้ก็มิผิดเพี้ยน

หลินเซวียนจ้องมองลงไปเบื้องล่างและพบกับเมืองที่ทั้งลึกและใหญ่โตเบื้องล่าง

พื้นที่ของมันนั้นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาของเขาเลยทีเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด