เล่มที่ 1: ถิ่นทุรกันดาร – บทที่ 32: ออกจากถิ่นทุรกันดาร [อ่านฟรี]
อเล็กซ์ตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น พระเจ้าเคยบอกให้เขาใช้เวลาในถิ่นทุรกันดารนี่ เท่าที่เขาจำได้ พระเจ้าตรัสว่าควรอยู่ที่นี่อย่างน้อยสองปี
อเล็กซ์พัฒนาไปมากขนาดนั้นแล้วเหรอ? อีโก้ของเขาต้องการยอมรับความเหตุเป็นผลนั่น แต่ต้องปฏิเสธเพราะไม่อาจประเมินพระเจ้าต่ำไป พระองค์คงต้องการให้เขาเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้ให้มากขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์ไม่ได้อยากใช้เวลาอยู่ในป่าแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว เขาอยากกลับไปอยู่ในสังคมมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง!
“ผมจะไปที่นั่นได้ยังไงเหรอ?” อเล็กซ์ถาม
“มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของสวน เจ้าจะพบประตูทางเข้าที่นั่น มันมีไว้สำหรับผู้ดูแลและคนสวน จะมีผู้ดูแลสองคนเฝ้าอยู่ที่นั่น เมื่อพ้นสวนไป เจ้าจะพบหมู่บ้านใหญ่ ลองถามเส้นทางจากผู้คนที่นั่นเอาว่าสวรรค์ของนักรบอยู่ที่ไหน มันคือเมือง เมื่อไปถึงที่นั่นเจ้าก็จะพบสถาบันได้อย่างไม่ยาก” ดยุกเวิร์ลวินด์พูดขณะเอากระดาษและปากกาออกมา จากนั้นเขาก็ขีดเขียนบางอย่างลงไป ประทับนิ้วหัวแม่มือไว้มุมล่างของกระดาษ และมอบมันให้อเล็กซ์ “มอบสิ่งนี้ให้เจ้าหน้าที่ที่ประตูทางเข้า พวกเขาจะรับไว้และทำลายมันตามระเบียบปฏิบัติ เพราะฉะนั้นไม่ต้องตกใจ หลังจากนั้นเจ้าก็ไปได้” เขาว่า
อเล็กซ์มองกระดาษ เขาจับใจความไม่ได้เลย จากนั้นก็เริ่มเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย ‘เดี๋ยวนะ นี่ฉันเข้าใจและพูดภาษาของโลกนี้ได้ แต่อ่านไม่ได้งั้นเหรอ? นี่ต้องมาเรียนรู้ทักษะการอ่านอีกรอบไหมเนี่ย?!’ เขาคิด
ดยุกเวิร์ลวินด์มองหน้าอเล็กซ์ด้วยความสับสน แต่จากนั้นก็หัวเราะออกมา “มันเป็นรหัสลับน่ะ” เขาว่า “เจ้าอ่านไม่ออกหรอก”
“อ๋อ!” อเล็กซ์ตะโกนออกมาอย่างโล่งใจ เขาโค้งคำนับดยุกอย่างสุภาพ “ขอบคุณในความกรุณาครับท่าน อีกอย่าง อยากจะขอโทษที่ทำสวนของท่านเสียหายตอนที่อยู่ที่นี่ ถ้าผมมีเงินเมื่อไรจะชดใช้คืนให้นะครับ”
ดยุกเวิร์ลวินด์โบกมือปัด “เจ้ากินหรือฆ่าไปก็ไม่มากพอที่จะทำให้สวนเสียหายหรอก อีกอย่าง เจ้าบอกว่าใช้อาหารแลกเปลี่ยนผลไม้กับเม่น ซึ่งปกติจะเป็นงานของคนดูแลพื้นที่นี้ ซึ่งมันก็ต้องใช้มานาเยอะเพื่อสร้าง แหล่งมานา จะพูดอีกแง่ก็คือเจ้าทำงานให้ข้า ไม่จำเป็นต้องชดใช้อะไรทั้งนั้น” เขาว่า
“ขอบคุณครับท่าน” อเล็กซ์พูด
นี่กลับทำให้อเล็กซ์รู้สึกผิดมากกว่าเดิม แน่นอนว่าดยุกคงไม่มาสนใจเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ แต่อเล็กซ์เอาแหล่งมานาน้ำแข็งมา นอกจากนี้ ถ้าไม่มีเขา หมึกน้ำแข็งโบราณคงยังมีชีวิตอยู่
‘ไว้หาราคาของแหล่งมานาอันนี้ในอนาคตก็แล้วกัน จากนั้นค่อยคืนให้ให้ดยุกตามราคาตลาด’ อเล็กซ์คิด
“ถ้างั้นเอาไว้เจอกันในอนาคตนะ ชาง” ดยุกเวิร์ลวินด์พูด “ข้าได้แวะไปสถาบันอยู่บ้าง เชื่อว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้ง”
อเล็กซ์โค้งคำนับอีกครั้ง “ครับ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความกรุณา มันมีความหมายกับผมมากและจะไม่มีวันลืมเลย หวังว่าเราจะได้พบกันอีกครั้งครับ!”
ดยุกเวิร์ลวินด์พยักหน้าและเริ่มร่ายคาถา มันเป็นคาถาที่ยาวกว่าก่อนหน้า หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็บินจากอเล็กซ์หายไปในภูเขา
อเล็กซ์มองท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่ง พลางคิดถึงว่ามันจะเป็นอย่างไรหากบินได้ มันจะเกิดขึ้นกับเขาได้ไหม? เขาจะไปถึงระดับพลังนั้นได้หรือเปล่า? เขาเองก็ไม่แน่ใจ เขามองกระดาษในมืออีกครั้ง
“นี่คือตั๋วที่จะพาฉันไม่สู่สังคมนุษยชาติ” เขาพูดกับตัวเอง
‘พระเจ้าเลือกวางฉันไว้ในที่ที่สมบูรณ์จริง ๆ เขาบอกว่าในโลกนี้มีมนุษย์เพียงแค่คนเดียวที่ไปถึงอาณาจักรที่สี่ ส่วนดยุกเวิร์ลวินด์ก็บอกว่านักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอยู่ในดินแดนของเขา บางทีทั้งสองคนอาจจะกำลังหมายถึงคนเดียวกันก็ได้’
อเล็กซ์มองไปทางทิศตะวันออก ‘อยากรู้จังว่าเขาเป็นคนยังไง ทำไมถึงตัดสินใจสร้างสถาบันขึ้นมา? เป็นวิธีหาเงินเพื่อสนองความต้องการตัวเองในการได้มาซึ่งความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นหรือเปล่า? เป็นวิธีที่จะดีรวบรวมผู้ติดตามที่แข็งแกร่งเหรอ? นี่เป็นการเผยแพร่ความรู้ของเขาเกี่ยวกับการเพิ่มความแข็งแกร่งผ่านเส้นทางทักษะกายภาพให้กับผู้คนได้มากขึ้นหรือเปล่า?’
‘เขาจะแก่ หรือยังหนุ่มนะ’ อเล็กซ์คิดถึงบุคคลนี้อยู่ครู่หนึ่ง เขาคือบุคคลที่เป็นตัวแทนของจุดสูงสุดบนเส้นทางนักสู้กายภาพในปัจจุบัน
ในที่สุดอเล็กซ์ก็มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่งในการค้นหาสถานที่ที่ดยุกเวิร์ลวินด์พูดถึง เขาพบประตูสูงแต่แคบบานหนึ่งระหว่างภูเขา กว้างเพียงสามเมตร แต่สูงกว่าสิบเมตร มันตั้งอยู่ระหว่างช่องว่างภูเขาได้อย่างสมบูรณ์
“หยุด!” เสียงดังมาจากบนสุดของประตู
อเล็กซ์เงยหน้ามองตามที่มาของเสียง เขาพบคนสามคนกำลังง้างคันธนูเล็กมาที่เขา เขาประหม่าเล็กน้อย แต่ก็มั่นใจว่าดยุกเวิร์ลวินด์จะไม่ได้หลอกเขามาสู่กับดักแห่งความตาย
“เจ้าเป็นใคร?! มาทำอะไรที่นี่?!” ผู้ดูแลคนหนึ่งตะโกนมาจากระยะไกล
อเล็กซ์ค่อย ๆ ชูแขนขึ้นเพื่อแสดงกระดาษ “ท่านดยุกเวิร์ลวินด์บอกให้ผมมาที่นี่! ผมคุยกับเขาเมื่อชั่วโมงก่อน เขาบอกว่าจะออกไปข้างนอกผ่านประตูนี้ได้” เขาตะโกนกลับ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรี่ตามองกระดาษ มนุษย์ปกติคงไม่สามารถอ่านข้อความบนกระดาษเล็ก ๆ นี่ได้จากระยะสองร้อยเมตร แต่คนเหล่านี้ทำได้ พวกเขาหันไปคุยกันครู่หนึ่ง
“เดินหน้ามาที่ประตูช้า ๆ! ห้ามแตะดาบ ไม่งั้นร่างกายเจ้าจะเป็นรู!” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตะโกน
“โอเค!” อเล็กซ์ตะโกนกลับ จากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าโดยที่มือยังชูอยู่เหนือศีรษะ
“หยุด!”
อเล็กซ์หยุดเดิน ตอนนี้เขาห่างจะประตูราวสามสิบเมตร ทันใดนั้นหนึ่งในผู้ดูแลก็กระโดดลงมาจากบนสุดของประตู เขาอยู่กลางอากาศครู่หนึ่งก่อนลงถึงพื้นพร้มเสียงกระแทกที่ดังลั่น และลุกขึ้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อเล็กซ์ประทับใจมาก ‘สามสิบเมตรเป็นความสูงที่น่าสนใจมาก ยังไงก็ไม่ตาย แต่ต้องลงด้วยท่าที่ถูกต้อง แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ คงไม่ลุกขึ้นมายืนต่อได้สบายแบบนี้แน่’ เขารู้ว่าตัวเองกำลังพูดถึงอะไร อีกมุมหนึ่ง เมื่อต้องกระโดดลงมาจากที่สูง เขาคือผู้มีอำนาจสูงสุดเช่นกัน เขามั่นใจว่าชายตรงหน้ามีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าเขา
อเล็กซ์ได้เห็นผู้ดูแลชัดเจนแล้ว เขาสวมชุดเกราะโลกหะทั่วไป มือหนึ่งถือดาบ ส่วนมืออีกข้างถือโล่ เครื่องแต่งกายของเขาไม่ได้ดูพิเศษมากนัก แต่จะประเมินพวกเขาต่ำไปคงไม่ได้
อเล็กซ์ทำได้ดีในการต่อสู้กับสัตว์ แต่ยังไม่เคยสู้กับมนุษย์ในโลกนี้ เขาเคยสู้กับคนเมื่อภพที่แล้ว แต่นั่นคือศึกเอ็มเอ็มเอ ซึ่งต่างออกไปจากการต่อสู้โดยใช้อาวุธ
“อย่าขยับ!” เจ้าหน้าที่สั่งและเดินเข้ามาใกล้ขึ้น
“ผมแค่อยากออกไป” อเล็กซ์พูด
เจ้าหน้าที่เข้ามาใกล้กว่าเดิม “ลดแขนลง และยื่นกระดาษให้ข้า” เขาสั่ง
อเล็กซ์ทำตามและเจ้าหน้าที่ก็หยิบกระดาษไป
เจ้าหน้าที่เดินไปที่ประตู เขาขยับหมวกเล็กน้อย เผยให้เห็นดวงตาคู่หนึ่งที่อยู่ภายใต้แว่นตา เขาปรับการถือเพื่อให้สอดรับกับสายตาพอดี แว่นตาเป็นประกายเป็นอักษรรูนที่ซับซ้อน และดวงตาก็เคลื่อนผ่านอักษรทีละตัว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เริ่มสื่อสารกับผู้ที่อยู่หลังประตูกันครู่หนึ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็หยิบเห็นเหล็กไฟออกมาจากด้านข้างชุดเกราะและถูกับถุงมือเหล็กอย่างรุนแรง เกิดประกายไฟขึ้น กระดาษก็เริ่มติดไฟและถูกเผาไปจนสิ้น ชัดเจนว่านี่คือกระดาษพิเศษ จากนั้นเขาก็หันไปมองรอบ ๆ จนสายตามาหยุดที่อเล็กซ์
“นามของเจ้า!” เขาสั่ง
“ชาง” อเล็กซ์ตอบ
“ชื่อจริง!”
“แค่ ชาง!”
เจ้าหน้าที่หันไปยังประตูอีกครั้ง “ผ่านแล้ว เปิดประตู” เขาพูด
บรรยากาศกลายเป็นผ่อนคลายทันทีที่ความตึงเครียดที่หายวับ
เจ้าหน้าที่หันกลับมาขณะที่ประตูข้างหลังเขาค่อย ๆ ยกขึ้นอย่างช้า ๆ “ยินดีต้อนรับสู่ประเทศกรีนวินด์!”