เล่มที่ 1: ถิ่นทุรกันดาร – บทที่ 31: สูญเสียความทรงจำ [อ่านฟรี]
‘ดยุก?’ อเล็กซ์คิดพลางประหลาดใจ ‘งั้นก็หมายความว่าโลกนี้ ประเทศนี้ ดำเนินด้วยระบบชนชั้นสินะ ที่ได้ยินเมื่อกี้ เหมือนดยุกจะมีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงในสายชนชั้นของตัวเอง’
‘นอกจากนี้ยังบอกว่าเป็นจอมเวทย์ขั้นสูงด้วย บอกว่าแหล่งมานาเป็นสิ่งที่สำคัญต่อผู้ฝึกหัดเพื่อที่จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ พอที่จะเดาได้อย่างมั่นใจว่าผู้ฝึกหัดอาจหมายถึงจอมเวทย์ขั้นอาณาจักรแรก ส่วนผู้เชี่ยวชาญคือจอมเวทย์อาณาจักรที่สอง อาณาจักรที่สามควรจะเป็นจอมเวทย์ตามตรรกะ ส่วนอาณาจักรที่สี่คงเป็นจอมเวทย์ขั้นสูงสินะ’
‘เม่นกับหมึกคือสัตว์อาณาจักรที่สามตามที่เขาว่า ส่วนความจริงที่ว่าเขาอยู่ในอาณาจักรที่สี่ยังอธิบายได้ด้วยว่าเขาสามารถรับมือกับพวกมันได้’
‘นี่สิบอสตัวจริง! บ้าเอ้ย เหลือจะเชื่อว่าฉันทักเขาว่าโย่ว!’ อเล็กซ์คิด
“ขอโทษนะครับที่ทำตัวไม่น่าเคารพไปก่อนหน้านี้ ท่านดยุกเวิร์ลวินด์” อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ดยุกเวิร์ลวินด์ยิ้มเล็กน้อย “รู้ไหมว่ามันเป็นธรรมเนียมนะที่จะเรียกคนที่เป็นดยุกว่า ฝ่าบาท” เขาว่า
“โอ้ ขออภัย ฝ่าบาท” อเล็กซ์พูด “ผมไม่เคยพูดคุยกับขุนนางคนไหนมาก่อน โปรดอภัยให้ความประมาทเลินเล่อด้วย”
ดยุกหัวเราะเบา ๆ “เจ้าไม่ค่อยอยู่ใต้การปกครองของใครสักเท่าไรสินะ?” ดยุกเวิร์ลวินด์ถาม
“ไม่เคยครับ เอ่อ ฝ่าบาท” อเล็กซ์ตอบ
ดยุกหัวเราะอีกครั้ง “รู้ไหมว่าคำว่าฝ่าบาทของเจ้าน่ะมันล้าสมัยไปแล้ว ไม่มีใครเขาพูดแบบนั้นกันหรอก แค่เรียกด้วยตำแหน่งหรือแค่ท่านก็เพียงพอแล้ว” ดยุกพูดพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ
ดยุกเย็นชากับอเล็กซ์ในตอนแรก แต่หลังจากที่เขาเห็นว่าอเล็กซ์ไร้เดียงสา ใสซื่อ และหัวก่อนแค่ไหน อารมณ์เขาจึงสดใสขึ้นเล็กน้อย ไม่บ่อยนักที่จะได้พบคนหนุ่มที่ไม่ประจบสอพลอเพื่อให้ตัวเองดูดี
“โอเคครับ” อเล็กซ์พูดพร้อมด้วยความไม่มั่นใจว่าต้องทำอย่าไรต่อ
“เจ้าชื่อะไร หนุ่มน้อย?” ดยุกเวิร์ลวินด์ถาม
“ผม อ๊ากกก!” อเล็กซ์พยายามจะพูด แต่ทั้งที่ยังไม่ทันจะได้นึกถึงชื่อตัวเอง ความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาในจิตใจเขาทันที อเล็กซ์เอามือกุมด้านข้างศีรษะในความเจ็บปวด
ดยุกเวิร์ลวินด์ตกใจเมื่อเห็นท่าทางของอเล็กซ์ ชายหนุ่มเผชิญความเจ็บปวดแสนสาหัส จนกระทั่งเส้นเลือดปูดออกมาข้างศีรษะ นี่คือสัญญาณของความเจ็บปวดและความเครียด และอื่น ๆ ที่บอกว่านี่คือของจริง
“บาดเจ็บรึ?” ดยุกเวิร์ลวินด์ถาม ชายหนุ่มไม่ได้เจ็บปวดถึงขั้นที่จะเป็นอันตราย เขาจึงไม่ได้กังวลมากนัก
“ไม่ครับ มันเป็นแบบนี้อยู่บ่อย ๆ” อเล็กซ์พูดขณะค่อย ๆ สูดหายใจเข้าลึก “ผมชื่อชาง” เขาว่า
“ชาง?” ดยุกเวิร์ลวินด์ทวนซ้ำด้วยความสนใจ “ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน สกุลเจ้าล่ะ หรือนั่นคือสกุลของเจ้า?”
“แค่ชางครับ” อเล็กซ์ตอบ
เขาไม่ได้อยากจะลืมชื่อเก่า แต่ทำอะไรไม่ได้ เขาจะจำชื่อตัวเองได้อีกนานแค่ไหน? เขาไม่ได้ดนึกถึงชื่อตัวเองมาสักพักหนึ่งแล้ว และทุกครั้งที่นึกถึง ความเจ็บปวดรุนแรงก็จะแล่นเข้ามาหาอีกครั้ง นั่นหมายความว่า ในรอบครึ่งปีมานี้ ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว หรือแม้แต่ตัวเขาเองที่เอ่ยชื่ออเล็กซ์ออกมา
เมื่อเขาต้องการที่จะแนะนำตัว สมองก็จะคิดถึงชื่อจริงโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องพยายามนึกเลย มันเหมือนประตูที่ถูกปิดสนิทและเต็มไปด้วยไฟฟ้าแรงสูง เขารู้ว่ามีอะไรอยู่หลังประตูนั่น แต่เมื่อใดก็ตามที่สัมผัสมัน เขาจะบาดเจ็บทันที ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าเขาจะลืมว่าหลังประตูนั่นมีอะไรอยู่ถ้าเขายังไม่เคยเปิดมันดูเลย? อีกนานแค่ไหนกว่าประตูนั่นจะหายไปกับความมืด?
อเล็กซ์รู้ว่าเขายังจำชื่อตัวเองได้อยู่ แต่ความจริงแล้วเขากลับจำชื่อตัวเองไม่ได้จริง ๆ เพราะแค่นึกถึงยังทำไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
“ชาง คือชื่อเต็มครับ ไม่มีชื่อจริงหรือนามสกุล แค่ชาง” อเล็กซ์ว่า
ดยุกเวิร์ลวินด์ลูบเคราในความสนใจ “บุคคลที่มีเพียงแค่ชื่อเดี่ยว ๆ เจ้ามาจากตระกูลชาวนาหรืออาชญากรงั้นรึ?” เขาถาม
อเล็กซ์ถอนหายใจ “ครอบครัวก็ไม่มีครับ” เขาว่า “ตั้งแต่เข้ามาที่โลกนี้ ก็อยู่คนเดียวมาตลอด”
คำ ๆ นี้จะฟังดูต่างออกไปสำหรับแต่ละคน
สำหรับอเล็กซ์แล้วมันคือความจริง ร่างกายนี้คงถูกสร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่า ตามหลักเหตุผลแล้ว ร่างกายนี้จึงไม่มีที่มาแน่ชัด ไม่มีครอบครัวที่สร้างเขาขึ้นมา ยังไม่เคยพบกับมนุษย์เลยตั้งแต่เข้ามาโลกนี้ ทำให้เขาอยู่คนเดียวมาตลอด
บางคนอาจคิดว่าเขาเคยมีเรื่องขัดแย้งในอดีตกับครอบครัวจึงทำให้ต้องแยกทางกัน
บางคนอาจคิดว่าครอบครัวเขาเสียชีวิตหมดแล้ว
บางคนอาจคิดว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า
บางคนอาจคิดว่าเขาเป็นเพียงคนที่อ่อนแอคนหนี่งที่จมอยู่กับความทุกข์ทรมาน
ดยุกเวิร์ลวินด์คิดอย่างไรกับคำพูดของอเล็กซ์? เขาไม่แน่ใจนัก แต่เดาวางชางคงสูญเสียครอบครัวไปเมื่ออดีต
“นั่นคงอธิบายในตัวแล้วว่าทำไมเจ้าจึงไม่มีชื่อเรียกสกุล แล้วใครตั้งชื่อชางให้กับเจ้า?” ดยุกเวิร์ลวินด์ถาม
“คน ๆ หนึ่ง เขาคุยกับผมแปปหนึ่ง แล้วก็เรียกผมแบบนั้น ไม่มีชื่ออื่นให้เลือกแต่แรก เลยต้องรับชื่อนี้ไว้” อเล็กซ์พูดพลางตอบคำถามด้วยความจริงที่หลอกลวง
คำว่าพระเจ้าเป็นคำเรียกที่คุ้นหูกันในโลกนี้หรือเปล่านะ?
บางทีพระเจ้าอาจจะไม่ใช่คำที่มีความหมายอย่างที่คิดสำหรับโลกนี้ก็ได้
ถ้าเกิดมีใครรู้จักพระเจ้าแล้วเกิดอยากรู้อยากเห็นโดยเค้นเอากับอเล็กซ์ล่ะ? เขาไม่อยากเอ่ยถึงพระเจ้าเลยแม้แต่น้อย เพราะมันมีสิ่งที่ไม่รู้มากกว่าสิ่งที่รู้
ดยุกเวิร์ลวินด์ลูบเคราพลางคิด “ช่างเป็นเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นโกหกออกมาจากเจ้าเลย”
“ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องโกหกท่าน” อเล็กซ์พูด
ดยุกเวิร์ลวินด์พยักหน้า “ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ในสวนของข้าได้?” เขาถาม
“เป็นคำถามที่ตอบยากนะครับ” อเล็กซ์ว่า “อย่างแรกที่จำได้เกี่ยวกับโลกนี้คือป่าเนี่ยแหละครับ มันเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของการมีอยู่ของผมเลย ออกนอกสวนนี่ไปก็ไม่รู้อะไรแล้วครับ แต่ผมคิดว่าผมรู้ว่าทำไมถึงอยู่ที่นี่ เพราะผมต้องฝึกฝนในป่านี้เพื่อแข็งแกร่งขึ้นก่อนที่จะเข้าสู่สังคมมนุษย์อีกครั้ง” อเล็กซ์พูด
อเล็กซ์เลือกที่จะผสมผสานความทรงจำที่ค่อย ๆ เลือนหายกับการฝึกฝนของเขาไปพร้อมกัน คำตอบของเขาคลุมเครือเสียจนสามารถทำให้ทนายความแปลคำพูดของเขาออกไปได้หลายทิศทาง ช่วยให้เขาหลีกเลี่ยงคำถามในอนาคตได้โดยการปรับเปลี่ยนความหมายของคำพูดอย่างต่อเนื่อง
ดยุกเวิร์ลวินด์เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพลางลูบเคราต่อไป จากนั้นคำพูดชวนสับสนเมื่อได้ยินก็ออกมาจากปากเขาอีกครั้ง เขากำลังร่ายคาถา
อเล็กซ์ประหม่ามากขึ้นเพราะไม่รู้ว่าคาถานั่นจะทำอะไรได้บ้าง เมื่อดยุกร่ายคาถาเสร็จ อเล็กซ์ก็สัมผัสถึงมานาที่แล่นเข้ามาในจิตใจ มันผ่านไปเพียงแค่เสี้ยววินาทีต่อจากนั้น มานาก็ไหลออกจากจิตใจเขาไป
สีหน้าของดยุกเวิร์ลวินด์เปลี่ยนไปเป็นท่าทีกังวล “จิตใจของเจ้ามีบางอย่างผิดปกติไป” เขาว่า “ข้าไม่มีความรู้ด้านเวทย์วิญญาณ เวทย์จิตใจ กายวิภาคศาสตร์ เวทย์เลือดเนื้อ หรือคาถาอื่น ๆ ในข่ายเวทมนตร์ทางด้านนี้เลยเพื่อระบุปัญญาที่พบ ข้าบอกได้เพียงแค่มีบางอย่างไม่ถูกต้องตอนที่ข้าสัมผัสจิตใจเจ้า”
ดวงอเล็กซ์เบิกโพลง “ท่านอ่านใจผมได้เหรอ?” เขาถามในความตกใจ
ดยุกเวิร์ลวินด์ส่ายหน้าช้า ๆ “ข้าไม่ได้แข็งแกร่งมากพอที่จะทำเช่นนั้นได้ อีกอย่างไม่ได้เชี่ยวชาญศาสตร์นี้ด้วย คาถาที่ใช้เป็นเพียงการส่งมานาไปยังจิตใจของเจ้า เพื่อดูว่ามันจะกลายเป็นรูปแบบใดเมื่อเข้าไปและเป็นอย่างไรเมื่อออกมา” เขาอธิบาย “ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น แต่บางรูปแบบของมานาที่ออกมานั้นมันบอกได้ถึงบางสิ่ง บางส่วนผิดแปลกไปจากที่คาดไว้ ซึ่งหมายถึงบางสิ่งในจิตใจของเจ้ามันไม่เป็นเช่นที่ควรจะเป็น นั่นคือสิ่งที่ข้าสามารถรับรู้ได้”
“ผมสูญเสียความทรงจำเหรอ?” อเล็กซ์ถาม
“ก็เป็นไปได้” ดยุกเวิร์ลวินด์ว่า “จิตใจของเจ้าเปลี่ยนไป ไม่รู้สาเหตุชัดว่าเป็นเพราะคน การบาดเจ็บ แผลในอดีต หรืออะไรก็ตาม”
อเล็กซ์มองด้วยสีหน้ากังวล แต่แม้จริงแล้วเขากลับมีความสุขมากภายใน! นี่คือข้อแก้ตัวที่เขาต้องการ! ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถพูดได้อย่างง่ายดายว่าเขาสูญเสียความทรงจำ แม้กระทั่งแพทย์หรือผู้ใช้เวทมนตร์ที่ทรงพลังก็สามารถยืนยันคำพูดของเขาได้
มันสมบูรณ์แบบ!
“มันจะกลับคืนมาได้อีกไหม?” อเล็กซ์ถาม
“ไม่น่าจะเป็นไปได้” ดยุกเวิร์ลวินด์ว่า “เจ้าต้องได้พบผู้เชี่ยวชาญด้านเวทย์จิตใจและวิญญาณ จอมเวทย์ที่ทรงพลังเช่นนั้นจะรับใช้เฉพาะผู้ที่ร่ำรวยเท่านั้น การเชิญพวกเขามาคงไม่เป็นการดีกับกระเป๋าของข้า”
อเล็กซ์ถอนหายใจ แต่ลึก ๆ ก็มีความสุขเพราะจะไม่มีใครมาพรากข้อแก้ตัวไปจากเขาได้
“ว่าแต่ เจ้าบอกว่าเจ้าอยากแข็งแกร่งขึ้นงั้นรึ?” ดยุกเวิร์ลวินด์ถาม
อเล็กซ์พยักหน้า “ใช่ครับ” เขาตอบ “ผมคิดว่าผมฝึกเพื่อใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป เลยคิดอยากจะแข็งแกร่งขึ้น!”
ดยุกเวิร์ลวินด์พยักหน้า “ข้าคิดว่าเจ้าได้เลือกทางที่ดีที่สุดแล้ว” เขาว่า “ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าเกิดมาในชุดความคิดเดียวกับข้าหรือไม่ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าคงมาถูกทางที่เจ้าคิดว่าดีที่สุดสำหรับตนแล้ว”
“ท่านหมายความว่ายังไง?” อเล็กซ์ถาม
“ข้ามีสหายสนิทที่เป็นฟิสิที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ เขามีสถาบันนักรบและงานที่คล้าย ๆ กันอยู่ไม่ไกลจากนี่ ข้าคิดเอาเองว่า ก่อนที่เจ้าจะสูญเสียความทรงจำ เจ้าอาจจะมาที่นี่เพื่อฝึกฝนประสบการณ์การต่อสู้ก่อนจะสมัครเข้าสถาบันก็เป็นได้ ดูเป็นการตัดสินใจที่ดี การสอบเข้าที่นั่นมีความยากเป็นพิเศษด้วยหนึ่งเหตุผล”
เกิดความไม่มั่นใจผ่านสีหน้าของอเล็กซ์ “ผมควรฝึกมากกว่านี้เพื่อไปสอบเข้าหรือเปล่าครับ?”
ดยุกเวิร์ลวินด์หัวเราะ “เจ้าโค่นหมีหอกน้ำแข็งอันดับสูงได้ นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการเข้าร่วมสถาบัน”