ตอนที่แล้วบทที่ 45 สามสิบสามชั้นฟ้าพรากรัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 47 ลาจากอดีต

บทที่ 46 กลับสู่ความเป็นจริง


บทที่ 46 กลับสู่ความเป็นจริง

หลังจากตรวจสอบรางวัลทั้งหมดเสร็จสิ้น

อู๋เซี่ยนก็เตรียมบูชาทวยเทพ

เขานำธูปคุณภาพสูงสามดอก ปักลงไปที่แท่นบูชาของรูปปั้นเทพทั้งสามทันที สิ่งของเก้าชิ้นลอยขึ้นมา ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ประกอบด้วยไอหมอก น้ำค้าง และเลือด

แต่ละสิ่งล้วนแผ่ประกายเงินเรืองรองออกมา

อู๋เซี่ยนเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นอีกครั้ง

ดูเหมือนว่าหากใช้ธูปคุณภาพสูงบูชารูปปั้นเทพ จะได้รับไอเท็มที่เป็นของระดับสูงเสมอ แต่ถ้าใช้ธูประดับธรรมดาบูชารูปปั้นเทพ ของที่ได้ก็อาจจะเป็นของระดับสูง หรือของธรรมดาก็ได้

จากนั้น อู๋เซี่ยนก็มองไอเท็มทั้งเก้าชิ้นทีละชิ้น เขาต้องเลือกหนึ่งในนั้นเพื่อนำไปยังถ้ำสวรรค์ครั้งหน้า

สำหรับเทพเจ้าแห่งสวรรค์ให้ไอเท็มที่เป็นยันต์

มีทั้งยันต์ที่ใช้ดับไฟ ‘วิชาเป่าเหล้าดับเพลิง’ ยันต์ที่เสริมพลังไฟ ‘ยันต์ไฟ’ และยันต์ที่สามารถคัดลอกยันต์ที่ถืออยู่ ‘วิชาคัดลอก’

ส่วนเทพเจ้าแห่งพื้นพิภพให้เป็นวิชาอาคม

มีวิชาที่ซ่อนคนในเงาได้ ‘อาคมผีเงา’ วิชาที่เพิ่มพละกำลัง ‘อาคมมนุษย์หมัด’ และวิชาที่เพิ่มพลังป้องกัน ‘อาคมเกราะเต่าดำ’

ทั้งยันต์และวิชาอาคมไม่ได้เป็นสิ่งที่อู๋เซี่ยนต้องการ

เขาอ่านข้อมูลทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แล้วเลือกเอายันต์ไฟและอาคมหมัดไปอย่างไม่สนใจอะไรนัก

สิ่งที่อู๋เซี่ยนสนใจที่สุดคืออาวุธเวท

ในถ้ำสวรรค์ครั้งที่แล้ว อู๋เซี่ยนรอดชีวิตมาได้เพราะอาศัยดาบเหรียญทองแดง ดังนั้นคราวนี้เขาต้องเลือกอาวุธเวทอย่างพิถีพิถัน

หน้าแท่นบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำ มีไอหมอกสามกลุ่มลอยอยู่ รูปร่างของมันคือดาบยาวสีทองหนึ่งเล่ม กลองไม้กลมหนึ่งลูก และธงเล็กสีดำแดงหนึ่งผืน

อู๋เซี่ยนมองดูทีละอย่าง ข้อมูลก็ไหลเข้าสู่จิตใจ

ดาบมรณะสีเหลือง:

เป็นดาบของ ยูลิอุส ไกซาร์ (จูเลียส ซีซาร์) เดิมเป็นเพียงดาบประดับ แต่เพราะได้รับแรงศรัทธาจากผู้คน จึงกลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ หากถูกฟันด้วยดาบนี้ มีโอกาสทำให้เป้าหมาย ‘ตายทันที’ แต่โอกาสจะลดลงตามความแข็งแกร่งของผู้ถูกโจมตี

กลองไม้สงบวิญญาณ:

ทำจากกิ่งของต้นไม้ฟื้นคืนชีพ หากเคาะจะช่วยสงบวิญญาณ การเคาะเพื่อสวดมนต์ให้ผู้ตายสามารถเพิ่มความดีในปรโลก

ธงสิบวิญญาณ:

ธงที่สามารถบรรจุวิญญาณชั่วร้ายได้ถึงสิบตน และมีวิญญาณร้ายแถมให้หนึ่งตน หากปล่อยวิญญาณออกมาสามารถสั่งการได้อย่างสมบูรณ์แบบเป็นเวลาสูงสุดสิบนาที

อู๋เซี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจทิ้งกลองไม้สงบวิญญาณ

หากสภาพการณ์เหมาะสมและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก กลองนี้สามารถสะสมความดีในปรโลกได้มหาศาล

แต่ในถ้ำสวรรค์ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเอาชีวิตรอด

กลองไม้ใบนี้ไม่สามารถใช้ในการต่อสู้ได้ อีกทั้งรูปร่างก็แปลก ไม่สะดวกต่อการพกพา มันทำให้ผู้ถือโดดเด่นเกินไป อู๋เซี่ยนกลัวว่าตนจะมีชีวิตไปหาโชคลาภในปรโลก แต่ไม่มีชีวิตจะได้ใช้โชคลาภนั้น

จากนั้น อู๋เซี่ยนก็ละทิ้งดาบมรณะสีเหลือง

ดาบเล่มนี้งดงามทรงพลัง เป็นของเล่นที่ดีสำหรับผู้ชายทุกคน และยังทรงอานุภาพ หากโชคดีเกิดผล ‘ตายทันที’ ก็สามารถจบภารกิจในถ้ำสวรรค์ได้ในพริบตา

แต่เหมือนกับที่อู๋เซี่ยนเคยละทิ้ง ‘ดวงตานกอินทรีย์’ ไป โชคดีก็เป็นสิ่งที่น่ารำคาญ

อู๋เซี่ยนไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดี ดังนั้นเขาจึงหันเหความสนใจจากดาบเล่มนั้นอย่างเสียดาย แล้วไปที่ธงผืนนั้นแทน

ธงนี้ขนาดไม่ใหญ่ สามารถม้วนเก็บได้ง่าย พกพาสะดวก ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหว

นอกจากนี้ยังใช้ได้หลากหลาย สามารถใช้ได้ในถ้ำสวรรค์หลายแบบ ผลของมันก็ยืดหยุ่นอย่างมาก

วิญญาณร้ายหนึ่งตนที่สามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์สามารถทำอะไรได้มากมาย อีกทั้งยังสามารถสะสมวิญญาณเพิ่มเติมในถ้ำสวรรค์เพื่อเพิ่มพลังของธงสิบวิญญาณได้อีก

ดังนั้นอู๋เซี่ยนจึงหยิบธงเล็กนั้นออกมาจากไอหมอก

หลังจากบูชาเสร็จแล้ว อู๋เซี่ยนพบว่า ธูปทั้งสามแท่งหน้ารูปปั้นเทพหายไปหมดแล้ว ซึ่งหมายความว่าทุกครั้งที่กลับมาจากถ้ำสวรรค์ เขาจะสามารถบูชาเทพได้สูงสุดสามครั้ง

ตอนนี้ธงก็มีแล้ว แล้วจะเอาเข้าไปในถ้ำสวรรค์ครั้งหน้าได้อย่างไร ตำแหน่งนิรันดร์นั้นควรจะใช้ยังไง?

อู๋เซี่ยนมองไปรอบๆ เพื่อยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ จากนั้นก็เริ่มทำท่าทางแปลกๆ ทั้งยกธงขึ้นไว้บนหัว ทั้งลองกลืนมันลงท้อง พร้อมกับพูดคำแปลกๆ ตามแบบของคนที่กำลังหมกมุ่นกับจินตนาการ

“จงมาตามคำสั่งเถิด!”

“คำข้าคือกฎ กฎข้าคือธรรมบัญญัติ จงไป!”

อย่างไรก็ตาม อู๋เซี่ยนทนความอับอายลองทำท่าทางอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำให้อู๋เซี่ยนหน้าแดงเล็กน้อย

ทันใดนั้น อู๋เซี่ยนก็สังเกตเห็นรูปปั้นของตัวเอง

รูปปั้นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ต่างไปจากก่อนหน้านี้ มีแขนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งข้าง มือของแขนนั้นอ้าออกเหมือนกำลังถืออะไรบางอย่าง

หรือว่าแขนที่เพิ่มขึ้นมานี้ คือสิ่งที่บ่งบอกถึงการเพิ่มตำแหน่งนิรันดร์?

อู๋เซี่ยนครุ่นคิดสักพักก่อนจะวางธงสิบวิญญาณลงในฝ่ามือของรูปปั้น ฝ่ามือค่อยๆ ปิดลง และธงสิบวิญญาณก็กลายเป็นวัสดุหินไปด้วย

นั่นหมายความว่า ธงสิบวิญญาณได้ถูกบันทึกลงในตำแหน่งนิรันดร์แล้ว

หลังจากทำเรื่องนี้เสร็จ

ในสามสิบสามชั้นฟ้าพรากรัก อู๋เซี่ยนเหลือแค่เรื่องสุดท้ายที่ต้องทำ

เขาใช้วิชาอาคม ‘หมัด’ และเสริมด้วยยันต์ไฟบนกำปั้น จากนั้นเขาก็เริ่มฝึกหมัดในทุ่งกว้างอย่างไม่หยุดยั้ง หมัดของเขาเหมือนถูกกดปุ่มเร่งความเร็ว คนอื่นมองเห็นเพียงเงาหมัดจำนวนมากเท่านั้น พละกำลังของหมัดก็เกินกว่าผู้ฝึกฝนทั่วไป ทุกครั้งที่เขาซัดหมัดออกไปก็มีเปลวไฟสีแดงลุกไหม้อย่างรุนแรง

ในเมื่อวิชาอาคมและยันต์ไม่สามารถนำออกไปยังโลกภายนอกได้ อู๋เซี่ยนจึงคิดว่าจะใช้มันให้หมดในที่นี่เลยจะดีกว่า

หนึ่งคือเขาจะได้เรียนรู้และทำความคุ้นเคยกับผลลัพธ์ล่วงหน้า เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินใจในอนาคต

สองคือ…

มันสนุกมาก!

อย่าพยายามจินตนาการถึงความสะใจของอู๋เซี่ยนในตอนนี้ เพราะไม่ว่าคุณจะจินตนาการยังไงก็ไม่อาจเทียบได้กับความฟินของอู๋เซี่ยนเลย!

สุดท้าย อู๋เซี่ยนก็ลองเลียนแบบตัวละครจากการ์ตูนดังบางเรื่อง ก่อนที่ไฟบนมือทั้งสองข้างจะค่อยๆ ดับลง ผลของยันต์ไฟและหมัดก็จางหายไปทั้งหมด

อู๋เซี่ยนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

“ไอเท็มระดับสูงนั้นแข็งแกร่งกว่าของธรรมดามาก ถ้าในถ้ำสวรรค์ก่อนหน้านี้มีของพวกนี้ล่ะก็ การเผชิญหน้ากับผีทำลายประตูคงไม่ลำบากขนาดนี้”

“ถ้าดูจากตรงนี้ล่ะก็ คำสาปเพลิงแท้ที่ฉันเอาออกมาได้มีพลังมากขนาดนี้ คงไม่ใช่เพราะแค่การผสมผสานเท่านั้น แต่อาวุธระดับสูงเองก็มีพลังอยู่แล้ว…”

หลังจากสนุกสนานจนหนำใจ

อู๋เซี่ยนไม่มีความรู้สึกหลงใหลกับทุ่งหญ้าเวิ้งว้างนี้อีกต่อไป เขาหันหลังกลับเข้าสู่ประตู

แสงอรุณอันสดใสลอดผ่านกระจกหน้าต่างลายดอกไม้เล็กๆ ที่ขุ่นมัวสาดส่องเข้ามาในสำนักงานนักสืบไร้ขอบเขต

สำนักงานนักสืบแห่งนี้ดูเก่า ทั้งผนัง พื้น และเฟอร์นิเจอร์ต่างเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา บนขอบหน้าต่าง โต๊ะ เก้าอี้ และพื้นล้วนเต็มไปด้วยเอกสารที่วางกระจัดกระจาย สายไฟที่รกรุงรังเชื่อมต่อกับเครื่องเตือนภัยและกล้องวงจรปิดต่างๆ มุมห้องริมผนังยังมีเตียงที่ดูเรียบง่ายวางอยู่

นี่คือสำนักงานนักสืบของอู๋เซี่ยน

และมันก็เป็นบ้านของเขาด้วย

อู๋เซี่ยนเดินกลับมาที่บ้านของตัวเองผ่านประตูที่ลอยอยู่ในความว่างเปล่า

เขาปิดจมูกและขมวดคิ้ว

ก่อนหน้านี้เขาอยู่รอดในที่รกเหมือนคอกหมูนี้ได้ยังไงกัน?

เขามองดูเวลา วันที่คือวันที่ 24มีนาคม เวลา 6 โมงเช้า ซึ่งหมายความว่าถึงแม้เขาจะใช้เวลาหลายวันในถ้ำสวรรค์ แต่ในโลกความเป็นจริงผ่านไปแค่หกชั่วโมงเท่านั้น

อู๋เซี่ยนยืดเส้นยืดสาย เขามีเรื่องมากมายที่อยากจะทำ แต่ก่อนอื่น…

ต้องเอาระเบิดในห้องออกก่อน!

ในช่วงหลายวันต่อมา

อู๋เซี่ยนไม่ได้ทำอะไรเลย

เขาแค่ตั้งใจจัดการบ้านของตัวเอง

เขาเผาเอกสารทั้งหมด ขายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าๆ ให้กับร้านรับซื้อของเก่าในราคาถูก แล้วซื้อของใหม่ที่หรูหรากว่าเดิมมาแทนที่

ที่นอนต้องเป็นระบบไฟฟ้า หมอนต้องมีระบบนวด ผ้าห่มต้องเป็นขนห่าน คอมพิวเตอร์ต้องเป็นสเปกสูงสุด โถสุขภัณฑ์ต้องเป็นแบบอัจฉริยะ…

พื้นไม้ต้องลงสีใหม่ จัดวางต้นไม้ตกแต่ง เปลี่ยนโคมไฟและห้องน้ำใหม่ทั้งหมด…

ทุกอย่างได้รับการปรับปรุงใหม่หมด สุดท้ายเขาก็จ้างบริษัททำความสะอาดมาทำความสะอาดทั้งห้องอีกครั้ง การปรับปรุงทุกอย่างนี้รวมแล้วใช้เงินเกือบครึ่งหนึ่งของเงินเก็บทั้งหมดของอู๋เซี่ยน

หลายวันต่อมา อาคารสองชั้นที่เคยทรุดโทรม ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง…

….

นิยายเรื่องนี้เป็นแนวลึกลับที่ใช้ระบบเกมแบบ Roguelike

ข้อดีอย่างหนึ่งของระบบนี้คือ รางวัลที่ได้ในแต่ละรอบจะไม่ถูกสะสม ทุกครั้งที่เล่นจะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด

ตอนที่ฉันอ่านนิยายลึกลับหลายเรื่อง ฉันพบว่ามันมักจะเจอกับปัญหาสองอย่างที่ค่อนข้างยาก

ถ้าทำให้ตัวเอกเก่งขึ้นเรื่อยๆ นิยายก็จะขาดความตื่นเต้นลึกลับ เพราะตัวเอกเก่งเกินไป

แต่ถ้าไม่ทำให้ตัวเอกเก่งขึ้นเลย คนอ่านก็จะรู้สึกว่าเรื่องมันไม่สนุก ไม่สะใจ

ฉันเลยอยากหาจุดสมดุลระหว่างสองอย่างนี้ จึงเลือกใช้ระบบ Roguelike

ทุกครั้งจะเริ่มต้นใหม่ ทำให้เนื้อเรื่องมีความตื่นเต้นมากขึ้นและดำเนินไปง่ายขึ้น

พลังของตัวเอกสามารถเพิ่มขึ้นได้เร็วในแต่ละรอบ ทำให้คนอ่านไม่รู้สึกเบื่อ

ดังนั้นเรื่องพลังของตัวเอก ฉันจะไม่ทำให้เขาเก่งขึ้นแบบไม่มีขีดจำกัด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด