ตอนที่ 535 เล่นใหญ่จริงๆ
เย่เฉิน เดินมุ่งหน้าไปที่ห้องหนังสือ
ทันทีที่เข้ามาในห้องหนังสือ สิ่งแรกที่เขาเห็นคือเอกสารไม่กี่ฉบับที่วางเด่นอยู่บนโต๊ะ และภาพวาดที่ไม่เหมือนใคร
เย่เฉิน เดินไปดูภาพ ‘Boy with a Pipe’ ที่มีมูลค่าสูงลิบลิ่ว ถึงกับอึ้งเล็กน้อย ครั้งแรกที่เห็น.. ภาพนี้ดูแตกต่างจากภาพอื่นจริงๆ
แต่ เย่เฉิน ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมภาพนี้ถึงมีมูลค่าสูงขนาดนั้น หรือแม้กระทั่งได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพวาดระดับโลกด้วยซ้ำ
ช่างเถอะ เห็นทีทักษะการชื่นชมศิลปะของเขาคงต้องพัฒนาอีกหน่อย
แต่การเอามันมาแขวนเป็นของตกแต่งในคฤหาสน์ก็ดูไม่เลว
หลังจากนั้น เย่เฉิน หยิบสัญญาของบริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ขึ้นมาดู
พรุ่งนี้ช่วงบ่ายเขามีคาบเรียนเต็ม แต่ช่วงเช้ามีเรียนแค่คาบเดียวเท่านั้น
หลังจากจบคาบเรียนในตอนเช้า เขาก็จะไปที่บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ เพื่อรับช่วงต่อทุกอย่าง
จากนั้น เย่เฉิน ก็เอาภาพ ‘Boy with a Pipe’ ไปแขวนไว้บนผนังว่างในห้องนั่งเล่น แล้วจึงไปอาบน้ำ และพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เฉิน โทรหา เหยียน อวี้ตาน ที่เจียงโจว
เย่เฉิน เตรียมที่จะให้ เหยียน อวี้ตาน นำทีมของเธอมาที่เซี่ยงไฮ้ เพื่อเข้าทำงานที่บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่
“บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่?”
เหยียน อวี้ตาน ได้ยินก็ถึงกับชะงัก นี่ไม่เหมือนกับที่เธอคาดไว้ เพราะก่อนหน้านี้ เย่เฉิน ไม่ใช่ว่าจะให้เธอไปทำงานที่ Prada Group ไม่ใช่หรือ?
“ได้ค่ะ”
แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้เธอได้ตกลงที่จะเข้าร่วมบริษัทของ เย่เฉิน แล้ว
ตอนนี้เจ้านายออกคำสั่ง เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้
“ได้คะ ท่านประธานเย่ ฉันจะรีบจัดการ และเคลียร์งานที่นี่ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้จะพยายามเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ให้เร็วที่สุด”
เหยียน อวี้ตาน ตอบ เธอยังต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อจัดการเรื่องในสตูดิโอก่อนย้ายไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้
“ดี”
หลังจากจบคาบเรียนในตอนเช้า เย่เฉิน ก็ขับรถไปที่บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ กรุ๊ป
หลังจากที่ เย่เฉิน อธิบายถึงจุดประสงค์ของการมาเยือน พนักงานต้อนรับก็ตาโตด้วยความตกใจ แล้วรีบพา เย่เฉิน ไปที่ห้องทำงานของประธานทันที
ขณะนั้น อดีตประธานของ เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ กรุ๊ป เพิ่งเก็บของเสร็จ และกำลังรอให้ เย่เฉิน มารับช่วงต่อ
เมื่อเห็น เย่เฉิน อดีตประธานถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย เขาไม่คิดว่า เย่เฉิน จะยังอายุน้อยขนาดนี้
หลังจากเสร็จสิ้นการส่งมอบเอกสาร และการดำเนินการบางอย่าง อดีตประธานก็หยิบของของเขา และเตรียมจะออกไป
แต่ก่อนที่เขาจะออกไป เขาจุดบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวน และกล่าวกับ เย่เฉิน ด้วยความรู้สึกท่วมท้นในอกว่า :
“ในฐานะคนที่ผ่านมาก่อน ฉันขอแนะนำอะไรสักอย่างนะ น้องชาย ขายมันไปเถอะก่อนที่จะสายเกินไป”
หืม?
พอได้ยินแบบนั้น เย่เฉิน ก็พลันขมวดคิ้วขึ้น
หมายความว่าไง? เขาเพิ่งจะได้บริษัทมา แต่กลับถูกแนะนำให้ขายมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว?
“เมื่อสามปีก่อน ฉันรับช่วงต่อบริษัทนี้จากพ่อ คุณรู้ไหมว่าช่วงสามปีที่ผ่านมานี้ ..ฉันใช้ชีวิตยังไง?”
อดีตประธานหยิบของของเขาขึ้นมา และเตรียมจะเดินจากไป
แต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากห้องทำงาน เขาก็พูดขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งที่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้งว่า :
“ถ้าเธออยากจะพัฒนา เฉียนรุ่ย ให้ไปไกลได้จริงๆ ฉันขอแนะนำให้ระวัง ฉาย เล่อกั๋ว ให้ดีๆ”
“ตอนที่ฉันรับช่วงต่อ เฉียนรุ่ย มาใหม่ๆ ฉันก็ตั้งใจเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว ..หวังว่าคุณจะประสบความสำเร็จ”
“คำพูดของคนที่กำลังจะจากไปมักจะเป็นคำพูดที่จริงใจ.. ฉันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้อีกแล้ว แค่อยากเตือนคุณในฐานะคนที่เคยผ่านมา ส่วนจะฟัง หรือไม่ก็แล้วแต่คุณ”
พูดจบ อดีตประธานก็เดินจากไปอย่างสบายใจ
เมื่อมองไปที่ประตูห้องทำงาน เย่เฉิน ก็เต็มไปด้วยความสงสัย การรับช่วงต่อในวันนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลย
“ฉาย เล่อกั๋ว คือใคร?”
เย่เฉิน หันไปถามพนักงานต้อนรับสาวที่ยังไม่ได้ออกไป
“เป็นรองประธานบริษัทฝ่ายแรกคะ เขาเป็นผู้บริหารที่มีความอาวุโสที่สุดในบริษัท”
พนักงานต้อนรับสาวตอบ
“รองประธานบริษัทฝ่ายแรก?”
เนื่องจากเป็นการพบกันครั้งแรก เย่เฉิน จึงยังไม่แน่ใจว่าอดีตประธานพูดจริงหรือเปล่า
เขาพูดมันออกมาจากใจจริงๆ หรือจงใจสร้างกับดักให้เขา
“บอสคนก่อนของพวกคุณมีปัญหาอะไรกับ ฉาย เล่อกั๋ว หรือเปล่า?”
เย่เฉิน ถามขึ้นมาเพื่อพยายามเข้าใจจากอีกมุมหนึ่ง
เนื่องจากเขาเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งในบริษัท เฉียนรุ่ย คงมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแน่นอน
ตามคำกล่าวว่า ‘หนึ่งโอรสสวรรค์ หนึ่งข้าราชบริพาร’ เช่นเดียวกับในยุคสมัยโบราณ เมื่อจักรพรรดิองค์เก่าสิ้นพระชนม์ และจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหวมาก และอาจมีความวุ่นวายเกิดขึ้น
เมื่อได้ยินคำถามนี้ของ เย่เฉิน พนักงานต้อนรับสาวถึงกับอึ้งไป และเหมือนเธอกำลังชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจเล่าออกมา
พนักงานต้อนรับสาวลดเสียงลง และเล่าถึงปัญหาภายในของ เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ กรุ๊ป
เมื่อสามปีก่อน ประธานคนแรกของบริษัทเสียชีวิตลงด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ลูกชายของเขา ซึ่งก็คืออดีตประธานที่เพิ่งจากไปได้เข้ารับช่วงต่อบริษัท
ฉาย เล่อกั๋ว ซึ่งเป็นรองประธานบริษัทฝ่ายแรก และเป็นผู้บริหารที่มากประสบการณ์ เคยร่วมสร้างบริษัทกับประธานคนแรกมาก่อน อดีตประธานยังต้องเรียกเขาว่า ‘ลุง’ ด้วยซ้ำในบางครั้ง
แต่ ฉาย เล่อกั๋ว ฉวยโอกาสตอนที่อดีตประธานเพิ่งรับช่วงต่อ และยังไม่คุ้นเคยกับการบริหาร เขาจึงคว้าอำนาจไปมากมาย จนทำให้อดีตประธานค่อยๆ ถูกกีดกันออกจากการบริหาร
เมื่ออดีตประธานรู้ตัวก็สายไปแล้ว..
หลังจากนั้นความขัดแย้งระหว่างอดีตประธาน กับฉาย เล่อกั๋ว ก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจาก ฉาย เล่อกั๋ว มีอิทธิพลในบริษัทมาก แม้แต่อดีตประธานก็ไม่กล้าปลดเขา หรือแม้แต่แตะต้องเขาด้วยซ้ำ
ไม่เช่นนั้น บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ อาจจะล่มสลาย และไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
หลังจากนั้นเป็นต้นมา บริษัทก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย และเกิดการต่อสู้กันทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง
เมื่อฟังจบ เย่เฉิน ก็พอจะเข้าใจ นี่มันไม่ต่างอะไรกับเรื่องราวของจักรพรรดิ และขุนนางผู้ทรงอำนาจ
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในบริษัท เขามีรากฐานที่ลึกซึ้งในบริษัท ไม่สามารถไล่ออกได้เพราะอาจจะทำให้บริษัท เฉียนรุ่ย จิวเวลรี่ ล่มได้ ..อดีตประธานจึงไม่กล้าไล่ ฉาย เล่อกั๋ว ออก
แต่ เย่เฉิน ไม่ใช่อดีตประธานคนก่อน และจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป!
“ไป พาผมไปดูที่ห้องทำงานของ ฉาย เล่อกั๋ว หน่อย”
เย่เฉิน สั่ง
“ได้คะ บอส เชิญทางนี้เลยค่ะ”
พนักงานต้อนรับสาวนำทาง และในไม่ช้าเธอก็พา เย่เฉิน มาถึงห้องทำงานของ ฉาย เล่อกั๋ว
พนักงานต้อนรับสาวเตรียมจะเคาะประตู แต่ เย่เฉิน หยุดเธอไว้ก่อน
เย่เฉิน เตรียมจะบุกเข้าไปแบบไม่ให้ตั้งตัว เพื่อดูปฏิกิริยาของ ฉาย เล่อกั๋ว ถ้าเคาะประตูก่อน ผลที่ได้คงไม่ดีเท่าที่ควร
คิดดังนั้น เย่เฉิน ก็ผลักประตูห้องทำงานของ ฉาย เล่อกั๋ว เข้าไปทันที แล้วเดินเข้าไปโดยตรง
ทันทีที่เข้าไป เย่เฉิน ถึงกับอึ้งไป
ฉาย เล่อกั๋ว คนนี้ช่างเล่นใหญ่จริงๆ!