ตอนที่ 48 ผู้บ่มเพาะสงครามฮุยคงแห่งวัดจินหลง!
ตอนที่ 48 ผู้บ่มเพาะสงครามฮุยคงแห่งวัดจินหลง!
ฉู่เสวียนฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในกระจกตรวจสอบค่ายกล จากนั้นเขาก็ค้นพบตำแหน่งของค่ายกลต่างๆ มากมายอย่างรวดเร็วผ่านกระจกตรวจสอบค่ายกลนี้ ตำแหน่งเหล่านี้จะนำทางเขาไปยังจุดที่มีค่ายกลซ่อนอยู่
แม้ว่าจะไม่พบตาค่ายกล แต่หากได้ทำลายธงค่ายกลไปหนึ่งจุด ค่ายกลที่ครอบคลุมคฤหาสน์หยุนอู๋ก็จะอ่อนแอลง
แต่ด้วยความสามารถของฉู่เสวียนแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะไม่พบตาของค่ายกล แต่มันแค่ต้องใช้เวลาก็เท่านั้น หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่เสวียนก็พบธงค่ายกลขบวนแรกทันที ธงถูกฝังอยู่ในเสาหิน หากมองด้วยตาเปล่าก็คงจะไม่สามารถตรวจพบได้
ในตอนนั้นฉู่เสวียนจึงได้ปล่อยเสี่ยวหลงให้ออกมาจากหอเลี้ยงศพ เมื่อได้รับคำสั่ง มันก็คำรามและตบลงไปบนเสาหินอย่างรุนแรง เพียงใช้ฝ่ามือฟาดแค่ครั้งเดียว เสาหินก็มีรอยแตกร้าวขึ้นมา
เมื่อฟาดฝ่ามือลงไปเป็นครั้งที่สอง เสาหินก็พังทลายลงจนหมด เผยให้เห็นธงค่ายกลที่ซ้อนอยู่ด้านใน
ฉู่เสวียนจึงหยิบธงค่ายกลออกมา ฉีดพลังวิญญาณเข้าไป และทำลายมันทิ้งในทันที ส่งผลให้ค่ายกลที่ครอบคลุมคฤหาสน์หยุนอู๋นั้นอ่อนแอลงกว่าเดิมเล็กน้อย
ในเวลานี้ เสียงการต่อสู้ก็ดังมาจากภายในของคฤหาสน์หยุนอู๋แล้ว เห็นได้ชัดว่าหลี่ซวนหมิงและอีกสองคนได้เข้าไปปะทะกับผู้บ่มเพาะทั้งสี่ของนิกายเสินกังที่คอยคุ้มกันคฤหาสน์หยุนอู๋แห่งนี้
แต่ฉู่เสวียนก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เขาเพียงแค่เดินไปดูรอบๆคฤหาสน์หยุนอู๋ และทำลายธงค่ายกลให้เสร็จสิ้นเท่านั้น
ต้องขอบคุณรากฐานที่เขามี และความช่วยเหลือจากกระจกตรวจสอบค่ายกล ซึ่งทำให้เขาใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการดึงธงค่ายกลมากกว่า 120 รูปแบบออกมาและทำลายพวกมันทิ้งไปจนหมด ทำให้ค่ายกลที่ปกคลุมท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์หยุนอู๋ได้หายไปทันที ส่งผลให้ความกดดันที่หลี่ซวนหมิงและคนอื่น ๆ ต้องเผชิญได้ลดลงไปอย่างมาก
“เยี่ยมไปเลย! มันเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้มาก!” หลี่ซวนหมิงหัวเราะออกมาและดีดนิ้วทั้งสอง
จากนั้นพลังนิ้วปีศาจก็ได้พุ่งผ่านอากาศลงมาราวกับห่าฝน ปกคลุมคู่ต่อสู้จนอีกฝ่ายหายใจแทบไม่ออก
อ่า!..อีกฝ่ายกรีดร้องออกมา ไหล่ของเขาราวกับถูกเข็มยักษ์ทิ่มแทงอย่างแรง จนเลือดไหลออกมาไม่หยุด
หลี่ซวนหมิงไม่คิดที่จะปล่อยศัตรูให้หลุดมือไป เขาได้เดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยชี้นิ้วปีศาจโจมตีออกไป ครั้งสุดท้ายเขาได้เจาะเข้าไปในหัวใจโดยตรงและฆ่าอีกฝ่ายลงอย่างง่ายดาย!
ส่วนการต่อสู้ของหลิวเจิ้งสงและอู๋เถิงก็ค่อยๆได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่แล้ว
“ท่านอาจารย์ฮุยคง! ค่ายกลถูกทำลายแล้ว! หากเราไม่รีบดำเนินการ เราทุกคนคงจะตายอยู่ในนี้แน่นอน ท่านไม่คิดจะลงมือทำอะไรเลยหรือ!” ผู้บ่มเพาะคนหนึ่งของนิกายเสินกังได้วิ่งเข้ามาและตะโกนเสียงดัง เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดนูนขึ้นมาเหมือนกำลังจะระเบิดออก เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธที่ชายคนนั้นไม่ลงมือทำอะไรเลย
หลี่ซวนหมิงและอีกสองคนตกใจและสับสน ฮุยคง? นักบวชจากวัดจินหลงก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?
ทว่าในตอนนั้นก็มีเสียงที่ไม่พอใจดังมาจากห้องด้านข้างทันที “โง่เขลา! ข้ากำลังรอโอกาสที่ดีในการลงมือกับศัตรู แต่เจ้าก็เปิดเผยตำแหน่งของข้าออกมาจนได้!”
ช่วงเวลาต่อมา ดาบก็แทงทะลุกำแพงออกมาและพุ่งตรงมาโจมตีอู๋เถิงทันที แสงสีทองอร่ามและออร่าอันเฉียบคมทำให้ผมของทุกคนถึงกับลุกตั้ง! อู๋เถิงแอบตะโกนว่าแย่แล้ว และถูกบังคับให้หลบ ดาบที่พุ่งเข้ามาเฉียดหัวของเขาไป และยังเฉือนเส้นผมของเขาออกไปเป็นกระจุก อู๋เถิงรีบเอามือลูบหัวของตัวเอง เกือบจะต้องหัวล้านไปแล้วจริงๆ!
“หึ ในเมื่อรู้ตำแหน่งของข้าแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องซ่อนตัวอีกต่อไป” มีเสียงเยาะเย้ยดังขึ้นมา
ปัง ...ร่างที่สง่างามและกำยำกระโดดออกมาจากห้องๆ หนึ่ง และมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน รูปร่างของนักบวชรูปนี้สูงกว่าแปดฟุต มีไหล่กว้างและเอวคลอด สวมจีวรสีเหลืองสด แม้แต่ถุงเท้าที่ยาวขึ้นมาถึงเข่าก็ยังเป็นสีเหลือง
ดาบที่พุ่งออกมาเมื่อครู่นี้ได้บินกลับมาที่ฝ่ามือของเขา
“นักบวชสงครามฮุยคงแห่งวัดจินหลง!” การแสดงออกของหลิวเจิ้งสงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฉู่เสวียนนอนอยู่บนหลังคามองดูการต่อสู้ของพวกเขาอย่างครุ่นคิด ผู้บ่มเพาะของวัดจินหลงนั้นแบ่งออกเป็นสองประเภท นั้นก็คือผู้บ่มเพาะสงคราม และผู้บ่มเพาะพระสูตร
ผู้บ่มเพาะสงครามนั้น จะให้ความสำคัญกับการต่อสู้เป็นหลัก และเก่งในการกำจัดสิ่งชั่วร้ายพวกภูติผีปีศาจ พวกเขามักจะออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อกำจัดปีศาจ ดังนั้นศิษย์ของนิกายอู๋จี๋จึงมักจะต่อสู้กับนักบวชของวัดจินหลงเป็นประจำ
ส่วนผู้บ่มเพาะพระสูตร จะศึกษาพระไตยปิฎกของพระพุทธศาสนาอยู่ในวัดจินหลงมาตั้งแต่เด็ก ในตอนแรกพลังการต่อสู้ของพวกเขาจะด้อยกว่าของนักบวชสงครามมาก แต่เมื่อความเข้าใจในพระพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นมาถึงระดับหนึ่งแล้ว ความแข็งแกร่งก็จะเพิ่มสูงขึ้นทันที เหมือนที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้อย่างนั้น
ซึ่งฉู่เสวียนก็เคยได้ยินชื่อเสียงของฮุยคงมานานแล้ว ซึ่งฮุยคงคนนี้ก็เป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงพอ ๆ กับหลี่ซวนหมิง ทั้งสองต่างก็เป็นคนที่มีคุณสมบัติและมีพรสวรรค์ระดับสูง เมื่ออายุได้สามสิบปีก็สามารถทะลวงผ่านเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐานได้สำเร็จ ส่งผลให้บรรพบุรุษของวัดหลงจินหลายคนมีความคาดหวังในตัวเขา
หลี่ซวนหมิงและฮุยคงเคยประมือกันมาหลายครั้ง ซึ่งต่างก็เคยแพ้ชนะมาพอๆกัน
“หลี่ซวนหมิง ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานหลี่ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เราพบกันอีกแล้ว” ฮุยคงจ้องไปที่หลี่ซวนหมิงแล้วยิ้มออกมาด้วยสีหน้าแปลกๆ
มันเหมือนกับการได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่หายาก
ใบหน้าของหลี่ซวนหมิงเองก็ดูน่าเกลียดไม่ต่างกัน
เขาได้ตรวจสอบสถานการณ์ของคฤหาสน์หยุนอู๋มาอย่างละเอียดแล้วล่วงหน้า และพบว่ามีคนประจำการอยู่ที่นี่เพียงสี่คน
คฤหาสน์หยุนอู๋กักขังหวันอู๋อิงไว้เพื่อเอาเลือดของเขามาสังเวยให้กับวิญญาณชั่วร้าย และจากนั้นก็ใช้ความแข็งแกร่งของวิญญาณชั่วร้ายในการลับคมดาบของผู้นำนิกายเสินกัง แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี จึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจากโลกภายนอก แล้วเหตุใดฮุยคงถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่? เป็นไปได้ไหมว่าวัดจินหลงเองก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย?
หลี่ซวนหมิงจึงตะโกนออกมาว่า "ฮุยคง! วัดจินหลงของเจ้าอวดอ้างตนว่าเป็นนักบวชผู้เลื่อมใส ปฏิบัติตามคำสอนของพุทธศาสนาโดยการทำความดีละเว้นความชั่ว เห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่เหตุใดตอนนี้เจ้าถึงมาสมรู้ร่วมคิดกับนิกายเสินกังและทำสิ่งชั่วร้าย โดยการกักขังและเอาเลือดของผู้บ่มเพาะไปสังเวยให้กับภูตผีปีศาจเช่นนี้? ”
เมื่อได้ยินที่หลี่ซวนหมิงพูดมา ฮุยคงก็หัวเราะออกมาเสียงดังแล้วพูดว่า "เจ้าพูดไร้สาระอะไร นักบวชที่เลื่อมใสอย่างข้ามาที่นี่เพื่อกำจัดภูติผีปีศาจเท่านั้น ข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินเรื่องที่เจ้าพูดมาก่อนเลย "
“แต่ว่าก็ดีแล้ว ที่เศษเดนของนิกายสายมารอย่างพวกเจ้าดั้นด้นมาติดกับดักของข้า!” หลังจากพูดอย่างนั้น ฮุยคงก็กระทืบเท้าจนทำให้พื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ผนังอิฐสีแดงเริ่มแตกออกทีละก้อน
ชั่วขณะหนึ่ง หลี่ซวนหมิง, หลิวเจิ้งสง, อู๋เถิงและผู้บ่มเพาะทั้งสี่ของนิกายเสินกังก็ไม่สามารถยืนหยัดให้มั่นคงได้อีกต่อไป
“เทคนิคพิภพสะเทือน!” ฉู่เสวียนสามารถบอกชื่อของเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์ของวัดจินหลงออกมาได้อย่างรวดเร็ว
ผู้บ่มเพาะแห่งวัดจินหลงนั้นขึ้นชื่อเรื่องความกล้าหาญมาโดยตลอด
เทคนิคพิภพสะเทือนนี้สามารถทำให้คู่ต่อสู้ไม่อาจยืนหยัดได้ แต่นักบวชสงครามที่ใช้เทคนิคนี้ออกมาจะสามารถเดินบนพื้นดินที่สั่นสะเทือนได้อย่างราบรื่น
“ถึงเวลาที่ข้าจะต้องส่งพวกเจ้าไปลงนรกแล้ว!”ฮุยคงยิ้มออกมาแปลก ๆ และสั่งการให้ดาบของเขาพุ่งออกไปโจมตีหลิวเจิ้งสง
ทันใดนั้นจีวรบนร่างกายส่วนบนของเขาก็บินออกไปราวกับแมงมุมที่มีเขี้ยวและกรงเล็บ มุ่งตรงไปที่อู๋เถิงโดยตรง
ในเวลาเดียวกันเขาก็บีบลูกประคำในมือให้บินลอยไปทางหลี่ซวนหมิง!
ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเขาได้เปิดใช้งานอาวุธเวทย์มนตร์สามชิ้นติดต่อกัน เพื่อให้พวกเขาออกไปโจมตีหลี่ซวนหมิงและอีกสองคนในเวลาเดียวกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองดูแสงของอาวุธเวทย์มนต์เหล่านี้ ก็เห็นได้ชัดว่าดาบและลูกประคำนั้นเป็นอาวุธคุณภาพดีและอยู่ในระดับสูง !
ส่วนจีวรนั้นเป็นอาวุธเวทย์มนตร์เกรดที่ต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ก็เป็นอาวุธเวทย์มนตร์ระดับกลางที่ทรงพลังเช่นกัน
"บ้าเอ้ย" หลี่ซวนหมิงสบถออกมาอย่างลับๆ และรีบหลบการโจมตีอย่างรวดเร็ว
ทั้งที่เขามีความแข็งแกร่งพอที่จะหลบหนี แต่ก็แทบจะไม่รอดจากการโจมตีของลูกประคำนี้เลย
แต่การหลบเลี่ยงของหลิวเจิ้งสงนั้นช้าไปเล็กน้อย ทำให้แขนของเขาถูกคมดาบเฉือนเนื้อออกไปจนเป็นแผลเหวอะหวะ ทำให้เลือดไหลออกมาในทันที
เขาร้องโอดครวญออกมาและรีบระงับความเจ็บปวดไว้ ก่อนจะถอยกลับออกมาตั้งตัว
ส่วนอู๋เถิงนั้นดูน่าสังเวชมากที่สุด เนื่องจากอาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดี เมื่อเขาบังคับตัวเองให้หลบเลี่ยงการโจมตี ก็ส่งผลทำให้อาการบาดเจ็บที่หน้าอกของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ในชั่วพริบตา เขาก็ถูกผ้าจีวรพันรอบตัว
ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังพัวพันอยู่กับงูหลามตัวใหญ่ ภายในไม่กี่อึดใจ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะถูกจีวรรัดจนหายใจไม่ออก และเกือบจะตาย
ฮุยคงหัวเราะออกมาเสียงดัง "อ่อนแอเกินไป! ผู้บำเพ็ญสายมารของนิกายอู๋จี๋อ่อนแอขนาดนี้เชียวหรือ?"
หลิวเจิ้งสงกำหมัดของเขาแน่น
ฮุยคงคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ
เขาจงใจให้ผู้บ่มเพาะทั้งสี่ของนิกายเสินกังมาเป็นด่านหน้า เพื่อผลาญพลังวิญญาณของพวกเขาออกไปจำนวนมาก และยังได้เห็นเทคนิคต่างๆ ที่พวกเขาใช้ต่อสู้กับศัตรูอีกด้วย
แต่ถ้าหากว่าเขาล่าถอยออกไปในตอนนี้ ก็พอจะมีโอกาสหนีไปได้ทัน
"ถอนตัว!" หลี่ซวนหมิงกัดฟัน ชูธงสีดำผืนใหญ่ออกมา แล้วเดินจากไป
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฮุยคงทำให้แผนการของพวกเขาหยุดชะงักลงไปอย่างสิ้นเชิง
หากว่าดำเนินการล่าช้ากว่านี้ กำลังเสริมจากนิกายเสินกังและวัดจินหลงจะต้องมาถึงที่นี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อถึงตอนนั้น แม้ว่าอยากจะหลบหนี ก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้
เมื่อธงสีดำปลิวลงสู่พื้นวิญญาณชั่วร้ายนับหมื่นก็ได้หลั่งไหลออกมา มุ่งหน้าตรงไปยังฮุยคงและผู้บ่มพาะคนอื่นๆของนิกายเสินกัง
นี่คืออาวุธเวทย์มนตร์ระดับสูง!
มันเป็นหนึ่งในไพ่ตายของหลี่ซวนหมิง
แม้แต่จีวรที่พันรอบตัวอู๋เถิงก็ถูกวิญญาณชั่วร้ายจำนวนมากพุ่งเข้าไปโจมตี จนจีวรหลุดออกจากตัวอู๋เถิงทันที
สมาชิกทั้งสามคนของนิกายเสินกังก็ได้ใช้วิธีต่างๆ อย่างรวดเร็วเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของวิญญาณชั่วร้าย
ทว่าฮุยคงยังคงนิ่ง และดูไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขายิ้มออกมาแปลกๆ “จะหลบหนีอย่างนั้นหรือ? เจ้าได้ถามข้าหรือยัง?”