บทที่ 9 ดอกไม้ไฟนั้นสวยงาม แต่มันกลับไม่ยั่งยืน (1)
ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องวีไอพีสุดหรูของ Emperor Entertainment City ห้องหนึ่งก็กำลังเต็มไปด้วยความสุข
อาหารถูกนำมาเสิร์ฟไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว นอกจากฮานอี้เฟิงและซีซินอี้แล้ว ภายในห้องอาหารแห่งนี้ยังมีคู่รักวัยกลางคนอีก 2 คู่นั่งอยู่ด้วย
“อี้เฟิงจะตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่หลังจากที่กลับมาครั้งนี้รึเปล่า? หวังว่าในอีกสองสามปีต่อจากนี้เขาจะไม่ต้องเดินทางอีกนะ” หญิงสาววัยกลางคนในชุดสีน้ำตาลแดงที่นั่งอยู่ข้างๆ ซีซินอี้ถามพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมา
ผู้หญิงคนนี้คือเยว่หลิงซือ หล่อนเป็นแม่แท้ๆ ของซีซินอี้ หล่อนอายุประมาณ 50 ปี แต่รูปลักษณ์ภายนอกของหล่อนก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี จนทำให้หล่อนดูเหมือนกับสาววัย 30 ปี
ส่วนผู้ชายที่นั่งข้างๆ เยว่หลิงซือ เป็นชายวัยกลางคนที่ดูเย็นชาและจริงจังในชุดสูทสีเทา เขาคือซีมู่ซาน และเขาก็เป็นนายกเทศมนตรีที่น่านับถือของเมือง Z
และคู่ที่นั่งตรงกันข้ามพวกเขาก็คือ ฮานหยู่และฮวางจื้อเหย้า พ่อแม่ของฮานอี้เฟิง เมื่อพวกเขาผ่านเลยวัย 50 ปีมาแล้ว ก็เห็นได้ชัดเลยว่า พวกเขามีความมั่งคั่งมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มีลูกชายที่หล่อเหลา และยอดเยี่ยมเช่นนี้อย่างแน่นอน
“อืม... ครั้งนี้ผมตั้งใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่นี่แล้วครับ” ฮานอี้เฟิงตอบกลับไป
“ที่พวกเราอยากจะให้อี้เฟิงกลับมาในครั้งนี้ ก็เพราะพวกเราอยากจะให้เขามารับช่วงต่อทางธุรกิจ พวกเราสองคนก็แก่ตัวลงมากแล้ว เราก็เลยอยากจะให้เขามารับผิดชอบภาระหน้าที่ต่อจากเรา ช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาอี้เฟิงก็ทำงานได้ดีที่ต่างประเทศ ดังนั้นฉันจึงปรึกษากับพ่อของเขาเพื่อให้อี้เฟิงเข้ามารับช่วงต่อบริษัทเต็มตัว จากนั้นพวกเราทั้งสองก็จะเกษียนอายุได้”
ฮวางจื้อเหย้าคลี่ยิ้มออกมา ในขณะที่หล่อนกำลังพูดอธิบายออกไป หล่อนก็ตักอาหารไปวางในในจานของซีซินอี้ “ซินอี้ มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะดูแลอี้เฟิงในต่างประเทศในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ กินเยอะๆ นะ เธอผอมลงไปมากเลย เด็กคนนี้รังแกอะไรเธอรึเปล่า?”
ซีซินอี้หน้าแดงขึ้นมาในทันที จากนั้นหล่อนก็ก้มหน้าลง และหันไปมองทางฮานอี้เฟิง พลางพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณค่ะ ความจริงแล้วอี้เฟิงต่างหากที่เป็นคนดูแลหนู เพราะอย่างนั้นเขาไม่มีทางที่จะรังแกหนูแน่นอนค่ะ! ใช่ไหม อี้เฟิง”
ซีซินอี้หันไปมองที่ฮานอี้เฟิงที่กำลังมองตรงมาที่หล่อนด้วยสายตาอ่อนโยน เขาเบ้ปากและไม่ได้พูดอะไรออกมา
ฮานหยู่คลี่ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น เมื่อเห็นว่าฮานอี้เฟิงและซีซินอี้รักกันมากแค่ไหน จากนั้นหล่อนก็หันไปพูดกับซีมู่ซานที่เอาแต่นั่งเงียบว่า “ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำงานที่ต่างประเทศได้เป็นอย่างดี หลังจากที่อี้เฟิงเข้ารับตำแหน่ง Han Corporation และทำความคุ้นเคยกับงานที่นั่นแล้ว ฉันก็อยากจะให้พวกเขาได้ทำงานด้วยกันที่นั่น คุณคิดว่ายังไงคะนายกเทศมนตรีซี?”
ซีมู่ซานวางแก้วไวน์ที่อยู่ในมือลง และชำเลืองมองไปทางฮานอี้เฟิงและซีซินอี้ ใบหน้าที่ตึงเครียดของเขาก็ผ่อนคลายลง จากนั้นเขาก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ “ถ้าพวกคุณทั้งสองคนไม่ได้โต้แย้งอะไร ผมก็เห็นด้วยกับความคิดนี้เหมือนกันครับ สัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ เป็นวันเกิดของผู้เฒ่า พวกคุณก็มาร่วมงานด้วยสิครับ เราจะมาคุยกันเรื่องหมั้นหมายกัน โอเคไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อ ใบหน้าของซีซินอี้ก็แดงเถือกขึ้นมาในทันที หล่อนค่อยๆ กัดริมฝีปากสีแดงของตัวเอง จากนั้นก็หันไปมองทางฮานอี้เฟิง
ฮานหยู่และฮวางจื้อเหย้าพยักหน้าเห็นด้วยกับแผนนี้
“แล้วอี้เฟิงล่ะ?”
ซีมู่ซานมองไปทางฮานอี้เฟิงด้วยสายตาเฉียบคม
“ผมสบายๆ ครับ ตราบใดที่ซินอี้เต็มใจยอมเป็นเจ้าสาวของผม”
ฮานอี้เฟิงคลี่ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็หันไปจ้องมองใบหน้าที่แดงก่ำของซีซินอี้ หล่อนพยักหน้า และพูดออกไปว่า “หนูจะทำตามแผนของคุณพ่อค่ะ”
“งั้นก็เอาตามนี้ กินกันเถอะครับ”
และในระหว่างที่พวกเขารับประทานอาหารกัน ฮวางจื้อเหย้าก็คอยตักอาหารโน่นนี่ให้ซีซินอี้ตลอด และหล่อนก็ส่งยิ้มขอบคุณให้กับฮวางจื้อเหย้าอย่างต่อเนื่อง ฮวางจื้อเหย้ารู้สึกพึงพอใจกับทัศนคติของหล่อนจริงๆ
“พ่อคะ สุขภาพของคุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ? สิ่งแรกที่หนูอยากจะทำหลังจากที่กลับมาถึงที่นี่ก็คือใช้เวลาร่วมกับท่านให้มากที่สุด ตอนที่หนูอยู่ต่างประเทศ หนูก็กังวลเกี่ยวกับสุขภาพของท่านมาโดยตลอด” ซีซินอี้ถามออกไปเมื่อหล่อนเห็นว่าซีมู่ซานไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ ราวกับว่าหล่อนคิดถึงคุณปู่ของหล่อนมากอย่างไรอย่างนั้น
ซีมู่ซานมองมาที่ซีซินอี้ แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าว่า “ท่านก็เป็นเหมือนเดิม และท่านก็ยังคิดถึงพี่สาวของลูกอยู่ตลอดเวลา สัปดาห์หน้าเป็นวันเกิดของท่าน ในเมื่อลูกกลับมาแล้ว ลูกก็บอกพี่สาวของลูกให้กลับมาที่บ้านหน่อยนะ ครั้งเดียวก็ยังดี”
"พี่สาวเหรอคะ? คุณพ่อคะ เมื่อกี้หนูกับอี้เฟิงก็เจอพี่ที่สนามบิน แต่เธอ…“ซีซินอี้กัดริมฝีปาก และก้มศีรษะลงอย่างหมองเศร้า”เธอยัง...”
“ไม่เป็นไรนะ ซินอี้ อย่าเสียใจไปเลยที่พี่สาวของลูกทำแบบนี้ แม่เชื่อว่าเธอจะต้องห่วงใยลูกอยู่แน่นอน” เยว่หลิงซือพูดปลอบโยนลูกสาวออกไป
“เซี่ยเย่… ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ … เธอก้าวข้ามขอบเขตของเธอไปแล้วจริงๆ พวกเธอสองคนปล่อยเธอไปเถอะ อย่ากังวลไปเลยซินอี้ อี้เฟิง หลังจากนี้ลูกก็ใช้เวลากับซินอี้ให้มากขึ้น เพราะระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้เมือง Z ก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะมากจริงๆ” ฮวางจื้อเหย้าไม่รู้จะพูดอะไรอีก ดังนั้นหล่อนจึงพูดให้คำแนะนำกับฮานอี้เฟิงออกไป
ดวงตาของฮานอี้เฟิงเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เมื่อพวกเขาพูดถึงเรื่องของซีเซี่ยเย่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่พยักหน้าตอบรับเบาๆ เท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ซีมู่ซานและฮานหยู่ก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจกัน บางครั้งฮานอี้เฟิงก็ร่วมแสดงความคิดเห็นของเขาออกไปด้วย เพราะอย่างนั้นซีซินอี้จึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
เซี่ยเย่กำลังล้างหน้าในห้องน้ำ เธอเท้าแขนทั้งสองข้างเอาไว้ที่ขอบอ่างล้างหน้า เธอมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของตัวเองในกระจก จากนั้นเธอก็หลับตาลง และพยายามสงบสติอารมณ์ และในตอนที่เธอกำลังจะเดินผละออกไป เธอก็เห็นเงาของซินอี้ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำสะท้อนอยู่ในกระจก
ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน ในขณะที่แขนของเธอที่เท้าอยู่ตรงขอบอ่างล้างจานก็แข็งทื่อขึ้นมาในทันที
ซินอี้ก็เห็นเซี่ยเย่เช่นกัน ฝีเท้าของหล่อนหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นหล่อนก็เดินมาหยุดยืนที่ด้านหลังของเซี่ยเย่ และพยายามคลี่ยิ้มออกมา
“พี่สาว ไม่คิดเลยว่าพี่จะมาที่นี่ด้วย”
น้ำเสียงของหล่อนมันฟังดูอ่อนโยน และแปลกใจเล็กน้อย แต่น้ำเสียงนั้นมันกลับเหมือนกำลังกรีดร้องอยู่ในหูของเซี่ยเย่ “งั้นก็เยี่ยมไปเลย พ่อเพิ่งจะพูดถึงพี่ว่า พี่ไม่กลับมาที่บ้านนานมากแล้ว พ่อกับแม่ และคุณปู่คิดถึงพี่มาก ถ้าเป็นเพราะเรื่องอี้เฟิง ฉันก็ขอโทษด้วย พี่… อี้เฟิงกับฉัน… ฉันอยากให้พี่ดุด่าฉัน หรือไม่พี่ก็ทุบตีฉันถ้าพี่ไม่มีความสุข แต่พี่ยกโทษให้เราได้ไหม?”
ท่าทางที่ซีซินอี้แสดงออกมา มันเหมือนกับว่าหล่อนเศร้ามากอย่างไรอย่างนั้น และดวงตาของหล่อนมันก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย “นี่มันก็ผ่านมาตั้ง 6 ปีแล้ว ฉันคิดมาตลอดว่าเวลาสามารถชะล้างช่วงเวลาที่เลวร้ายในอดีตออกไปได้ แต่ฉันก็รู้สึกเสียใจจริงๆ ที่ได้เห็นพี่ในตอนนี้ พี่สาว ก่อนหน้านี้พี่เคยบอกว่า ความสัมพันธ์จะมีค่าก็ต่อเมื่อคนสองคนรักกันไม่ใช่เหรอ และการบังคับความสัมพันธ์นั้นก็ไม่สามารถนำมาซึ่งความสุขได้ไม่ใช่รึไง?”
เมื่อได้ยินคำพูดของซีซินอี้ ซีเซี่ยเย่ก็รู้สึกเจ็บที่บริเวณหน้าอก และความเจ็บปวดที่เธอถึงกับหายใจไม่ออกก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายของเธอ แต่เธอกลับคลี่ยิ้มออกมา และเหลือบสายตาไปมองที่ซีซินอี้ที่ดูน่าสมเพชในกระจก จากนั้นเธอก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “ซีซินอี้ เธอไม่รู้หรอว่า ฮานอี้เฟิงหมั้นกับฉันแล้ว?”
“พี่ ฉัน… ฉันรู้ว่ามันเป็นความผิดของฉัน ในตอนแรก ฉันก็แค่อยากจะรู้ว่าคู่หมั้นของพี่เป็นคนแบบไหน ฉันก็เลยเอาตัวเองไปเข้าใกล้เขา… แต่ฉันก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า มันจะดึงดูดเขา… และฉันก็ตกหลุมรักเขาอย่างรวดเร็ว…”